David Harbour เคยคิดว่าซีรีส์ Stranger Things จะไปไม่รอดและอาจถูกยกเลิกหลังจากจบซีซันแรก
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ David Harbour นักแสดงผู้รับบทเป็น Jim Hopper ในซีรีส์ยอดฮิต Stranger Things ของ Netflix ได้ออกมายอมรับว่า ตัวเขาเองเคยคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าจะไปไม่รอด และอาจจะไม่มีซีซันต่อไปหลังจากจบซีซันแรก
Stranger Things เป็นซีรีส์แนวไซไฟ-สยองขวัญที่ซึ่งเรื่องราวในซีรีส์จะอยู่ในยุค 80s ซึ่งเปิดตัวซีซันแรกออกมาทาง Netflix ในปี 2016 โดยนักแสดง David Harbour ได้รับบทบาทสำคัญในฐานะ Jim Hopper หัวหน้าตำรวจของเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อว่าเมืองฮอว์กินส์ รัฐอินดีแอนา เรื่องราวในซีซันแรกจะเริ่มจากการที่เด็กชาย Will Byers (Noah Schnapp) ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ Jim Hopper ได้นำไปสู่การรู้ถึงความลับของรัฐบาลที่ได้ทำการทดลองเด็กสาวให้มีพลังจิต ซึ่งการทดลองดังกล่าวได้นำไปสู่การเกิดมิติคู่ขนาน และสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว
ย้อนกลับไปในตอนปี 2016 ที่ซีรีส์ Stranger Things ได้เปิดตัวออกมาครั้งแรก ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากนักวิจารณ์และผู้ชม และปัจจุบันซีรีส์เรื่องนี้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในรายการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Netflix ซึ่งสามารถทำลายสถิติยอดเข้าชมสูงสุดต่อเนื่องหลายครั้งในหลายๆ ซีซันที่ผ่านมา และเพิ่งจะทำลายสถิติครั้งใหม่ไปเมื่อไม่นานมานี้ จากการเปิดตัวของ Stranger Things ซีซัน 4 ที่ได้กลายเป็นซีรีส์ภาษาอังกฤษที่มียอดเข้าชมสูงที่สุดของ Netflix ภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากการเปิดตัว โดยเหตุผลที่ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากเนื่องจากตัวซีรีส์ได้ทำการผสมผสานรวมหลายสิ่งหลายอย่างเข้ากันอย่างลงตัว ทั้งวัฒนธรรมป๊อปในยุค 80s เพลงประกอบ บรรยากาศในเรื่อง และองค์ประกอบความสยองขวัญ
ล่าสุด David Harbour นักแสดงผู้รับบทเป็น Jim Hopper ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ The One Show ของ BBC เขาได้ออกมายอมรับว่า ก่อนหน้านี้ ตัวเขาเองเคยมีความคิดว่าซีรีส์ Stranger Things จะถูกยกเลิกหลังจากจบซีซัน 1 โดย David Harbour ได้อธิบายว่า
ผมจำได้ในตอนที่เราถ่ายทำซีซันแรก เราอยู่ในแอตแลนต้า Netflix ให้งบประมาณกับเราประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหลังจากผ่านไปครึ่งทาง ในการถ่ายทำตอนที่ 4 ผมจำได้ว่าช่างทำผมเดินมาหาผมและเธอพูดว่า ‘ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะเวิร์ค’
และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เราปิดกล้องการถ่ายทำ ผมก็คิดว่าคงไม่มีซีซันที่ 2 เราจะเป็นรายการแรกของ Netflix ที่ไม่มีซีซันที่ 2 พวกเราคิดว่าจะไม่มีใครดูมัน คิดว่ามันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่
แม้ว่าเดิมที Netflix จะเริ่มให้บริการสตรีมมิงมาตั้งแต่ปี 2007 แต่ทาง Netflix ก็ยังไม่ได้เริ่มทำการสร้างผลงานของตัวเอง แต่เน้นไปที่การซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และซีรีส์มาฉายบนเว็บไซต์ของตัวเอง จนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 ก็ได้มีการเปิดตัวซีรีส์เรื่องแรกของตัวเองออกมาอย่างเป็นทางการ คือซีรีส์เรื่อง House of Cards ด้วยเหตุนี้ David Harbour ที่รู้ดีว่าซีรีส์ Stranger Things เป็นซีรีส์ทุนต้นฉบับเรื่องแรกๆ ของ Netflix ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากงบประมาณที่ต่ำและโครงเรื่องแปลกๆ จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้จะไม่ได้ไปต่อในซีซันที่ 2 อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเปิดใจถึงเรื่องนี้ เพราะเมื่อปีก่อน เขาเคยออกมาบอกว่า Paul Wesley นักแสดงจากซีรีส์ Vampire Diaries ได้บอกกับเขาว่า Netflix กำลังจะทำลาย Stranger Things แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ได้เห็นแล้วว่าทั้ง David Harbour และ Paul Wesley นั้นคิดผิด เพราะซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก
เมื่อมองย้อนกลับไป ซีรีส์ Stranger Things ดูเหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จของซีรีส์ที่ทำให้ผู้คนย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีต ซึ่งด้วยการนำเสนออิทธิพลของภาพยนตร์และโทรทัศน์ในยุค 80s ให้กับผู้ชม และการแสดงที่มีเสน่ห์ อย่างไรก็ตาม จากองค์ประกอบโดยรวมของซีรีส์ที่มีความเป็นธรรมชาติและจิตรบรรจง จึงไม่แปลกที่หลายคนจะชื่นชอบ แต่ในขณะเดียวกัน หากด้านใดด้านหนึ่งของซีรีส์เกิดผิดพลาดและไม่ได้ดำเนินไปอย่างเหมาะสม สิ่งเหล่านี้ก็อาจทำให้ซีรีส์ Stranger Things ล้มเหลวได้เช่นกัน แต่ตอนนี้ Stranger Things ซีซัน 5 กำลังจะตามมาในอีกไม่นาน ต้องรอติดตามกันต่อไป ส่วนใครที่ยังไม่เคยดู 4 ซีซันแรก สามารถไปย้อนดูได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้