ผู้บริหารของ Sony ออกมาบอกว่าความสำเร็จของ Top Gun: Maverick เป็นผลมาจากการเปิดตัวของ Venom: Let There Be Carnage เมื่อปลายปีก่อน

ผู้บริหารของ Sony Pictures ออกมาบอกว่าภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick ประสบความสำเร็จเพราะว่า Venom: Let There Be Carnage (2021) และภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของสตูดิโอ Sony ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ได้ช่วยเปิดทางไว้ให้

1

เดิมที ภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2020 แต่ด้วยการระบาดใหญ่ของโรค COVID-19 ทำให้ภาพยนตร์ต้องถูกเลื่อนฉายออกไปหลายครั้ง และในที่สุด Top Gun: Maverick ก็ได้เปิดตัวในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2022 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่เข้าฉาย จนขึ้นกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2022 และยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในอาชีพของ Tom Cruise แถมยังทำรายได้แซงหน้าภาพยนตร์เรื่อง Titanic (1997) กลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลของ Paramount Pictures โดยในตอนนี้ ภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick ทำรายได้ทั่วโลกไปมากถึง 1.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ความสำเร็จของ Top Gun: Maverick ในครั้งนี้ นับเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ 1 ปีก่อน มีคำถามว่าอุสหากรรมภาพยนตร์จะสามารถกลับมาสู่จุดสูงสุดเหมือนช่วงก่อนที่โรค COVID-19 จะระบาดได้หรือไม่ ซึ่งรายได้ของภาพยนตร์ในปีนี้ ถือเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าอุสาหกรรมภาพยนตร์ยังคงได้รับความสนใจ และยังก้าวต่อไปได้ ปี 2021 นับเป็นปีที่เป็นสนามทดสอบสำหรับภาพยนตร์ที่กลับมาฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่ง 1 ในผู้ชนะที่น่าประหลาดใจของปี 2021 คือ Sony Pictures เนื่องจากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2021 พวกเขาได้แชมป์กลายเป็นสตูดิโอที่มีภาพยนตร์ประสบความสำเร็จเยอะที่สุดในปี 2021 ได้แก่ Venom: Let There Be Carnage (2021) ในเดือนตุลาคม, Ghostbusters: Afterlife (2021) ในเดือนพฤศจิกายน และ Spider-Man: No Way Home (2021) ในเดือนธันวาคม ซึ่งเรื่องสุดท้ายอย่าง Spider-Man: No Way Home (2021) ที่ร่วมทำกับ Marvel นั้นประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดนับตั้งแต่โรงภาพยนตร์ปิดตัวลงในเดือนมีนาคม 2020 ด้วยรายได้ทั่วโลกที่สูงถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (Top Gun: Maverick อยู่อันดับ 2)

1

ถึงแม้ว่า Sony Pictures จะได้รับคำชมและความสนใจจาก Spider-Man: No Way Home (2021) ที่ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศอย่างมหาศาล แต่ดูเหมือนว่าเหล่าผู้บริหารของสตูดิโอจะคิดว่าพวกเขาสมควรได้รับการยกย่องมากกว่านี้ และพวกเขายังคิดว่าความสำเร็จของ Top Gun: Maverick ก็ได้รับผลพลอยได้มาจากความสำเร็จของภาพยนตร์จาก Sony ที่เปิดทางไว้ให้ก่อนแล้ว Sanford Panitch และ Josh Greenstein ผู้บริหารของ Motion Picture Group ของ Sony ได้ให้สัมภาษณ์กับ Vulture โดยพวกเขาได้กล่าวว่า

Josh Greenstein: เราเริ่มปล่อยภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นเปิดตัวในช่วงนั้นเลย ทุกคนผลักดันภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของพวกเขาในปีนี้ ยาวไปจนถึงช่วงฤดูร้อนนี้ เราลองเสี่ยงดวงครั้งใหญ่เพื่อนำ Venom: Let There Be Carnage (2021) เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ จากนั้นเราก็ลองเสี่ยงเพิ่มด้วยการนำ Ghostbusters: Afterlife (2021) เข้าฉายต่อ และทางออกที่ดีที่สุดของเราเมื่อไม่มีคู่แข่ง คือเสี่ยงเพิ่มอีก เราจึงตัดสินใจเปิดตัว Spider-Man: No Way Home (2021) ที่เป็นแฟรนไชส์ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของเรา

Sanford Panitch: ตอนนี้มีข่าวเกี่ยวกับ Top Gun: Maverick ออกมาเยอะมาก พร้อมกับพาดหัวประมาณว่า ‘ธุรกิจภาพยนตร์กลับมาแล้ว!’ แต่ที่แปลกคือ ผมจะบอกว่า Top Gun: Maverick ได้ประโยชน์จากการที่เราเปิดตัว Venom: Let There Be Carnage (2021) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Top Gun: Maverick ประสบความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน

2

Sony Pictures เป็นราชาแห่งบ็อกซ์ออฟฟิศประจำปี 2021 อย่างไม่ต้องสงสัย Venom: Let There Be Carnage (2021) เปิดตัวด้วยรายได้ 90.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการเปิดตัวครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์หลังจากการระบาดของโรค COVID-19 หลังจากนั้นเพียง 2 เดือนต่อมา พวกเขาก็ทำลายสถิติของตัวเองด้วย Spider-Man: No Way Home (2021) นอกจาก 2 เรื่องนี้แล้ว ยังมีภาพยนตร์อีกมากมายหลายเรื่องที่ออกฉายในปี 2021 เช่น Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings (2021) ของ Disney, F9 (2021) ของ Universal และ Dune (2021) ของ Warner Bros. ส่วนในด้านของ Sony พวกเขาได้ขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ของตัวเองให้แก่ผู้บริการสตรีมมิง (เพราะไม่มีของตัวเอง) ได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง Fatherhood และ Hotel Transylvania: Transformania จึงทำให้ทาง Sony มีเวลาไปโฟกัสกับการทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ฉายโรงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การจะบอกว่า Sony สมควรได้รับเครดิตจากความสำเร็จของ Top Gun: Maverick อาจเป็นเรื่องที่เกินจริงไปซักนิด เพราะหากตัวภาพยนตร์ไม่ดีจริง ก็คงไม่มีทางประสบความสำเร็จ แถมภาพยนตร์ Top Gun: Maverick ที่นำแสดงโดย Tom Cruise นั้นสามารถดึงดูดผู้ชมได้ทุกเพศทุกวัยจึงไม่แปลกที่จะประสบความสำเร็จ แต่ความจริงที่ว่า Sony ได้ช่วยทำให้อุสหากรรมภาพยนตร์กลับมาคึกคักนั้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ที่รับประกันได้เลยคือ ความสำเร็จของ Top Gun: Maverick คือของจริง ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีครบในทุกด้าน ทั้งความบันเทิง ตลก ดราม่า บทที่กลมกล่อม และฉากการไล่ล่าสุดสมจริงที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ส่วนใครที่อยากดูภาพยนตร์เรื่อง Venom: Let There Be Carnage (2021) และ Spider-Man: No Way Home (2021) สามารถไปดูได้แล้ววันนี้ทาง Netflix

ที่มา: Screen Rant
ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ เพราะหนังให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
0 ความคิดเห็น

คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้

Sony Pictures

Sony Pictures

Culver City, California

โฮมเพจ


ภาพยนตร์ในเครือ
The Man from Toronto

The Man from Toronto

ชายจากโตรอนโต

6.5

Hotel Transylvania: Transformania

Hotel Transylvania: Transformania

โรงแรมผี หนีไปพักร้อน 4: เปลี่ยนร่างไปป่วนโลก

7.1

Vivo

Vivo

วีโว่

7.3

แสดงเพิ่มเติม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวจัดอันดับ

ประจำเดือนนี้