Top Gun: Maverick ทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างสถิติใหม่ให้กับ Tom Cruise
Top Gun: Maverick ทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ อย่างเป็นทางการในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก และทำลายสถิติกลายเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2019 ที่สามารถทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ โดยเรื่องแรกที่ทำได้คือ Spider-Man: No Way Home (2021)
Top Gun: Maverick เป็นภาคต่อของเรื่อง Top Gun ที่ออกฉายในปี 1986 โดยในภาคต่อนี้กำกับโดย Joseph Kosinski จะให้เราได้เห็นการกลับมาของ Tom Cruise ในบทบาทนักบิน Pete “Maverick” Mitchell ในภาคต่อนี้ Maverick ได้รับคำสั่งให้ไปทำหน้าที่เป็นครูฝึกสอนให้กับเหล่านักบินรุ่นเยาว์เพื่อเตรียมตัวสำหรับภารกิจที่แสนอันตรายในดินแดนของศัตรู หนึ่งในลูกศิษย์ของเขานั้นรวมถึง Rooster (Miles Teller) ลูกชายของ Goose (Anthony Edwards) อดีตผู้ช่วยนักบินของและเพื่อนสนิทของ Maverick ที่เสียชีวิตไปในภาคแรก
Top Gun: Maverick ได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกในระดับสากล จากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ โดยหลายคนยกย่องการลำดับภาพการต่อสู้ทางอากาศที่น่าประทับใจ ก่อนหน้านี้ผู้กำกับ Joseph Kosinski เคยออกมาบอกว่า พวกเขาได้ทำการถ่ายทำฟุตเทจที่มีความยาวกว่า 800 ชั่วโมง เพื่อนำมาใช้สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยสมาชิกในทีมต้องรับการฝึกอบรมที่สำคัญเพื่อให้สามารถถ่ายทำเองได้ในขณะที่อยู่ในห้องนักบินของเครื่องบินไอพ่นของจริง นอกจาก Rooster แล้ว Top Gun: Maverick ยังได้แนะนำตัวละครใหม่ๆ ให้ผู้ชมได้รู้จักอีกด้วย เช่น Penny (Jennifer Connelly), Cyclone (Jon Hamm), Phoenix (Monica Barbaro), Bob (Lewis Pullman), Payback (Jay Ellis) และ Hangman (Glen Powell) นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้นำนักแสดงจากภาคแรกกลับมาอีกคนหนึ่ง ได้แก่ Val Kilmer ที่กลับมารับบทเป็น Tom “Iceman” Kazansky
ตามรายงานใหม่จาก Deadline ตอนนี้ Top Gun: Maverick ทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ ได้อย่างเป็นทางการในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก ทำให้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ตั้งแต่ปี 2019 ที่ทะลุพันล้านได้ ต่อจาก Spider-Man: No Way Home (2021) ซึ่งรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์ของ Top Gun: Maverick มาจากรายได้ในอเมริกา 521.7 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากตลาดต่างประเทศ 484.7 ล้านดอลลาร์ โดยทั้ง Top Gun: Maverick และ Spider-Man: No Way Home เป็นภาพยนตร์เพียงสองเรื่องที่สามารถทำเงินได้เกิน 1 พันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ Avengers: Endgame ที่เคยทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศตอนเปิดตัวเมื่อปี 2019
ในขณะที่การตลาดจาก Paramount Pictures และ Tom Cruise ได้เป็นส่วนที่ช่วยให้ Top Gun: Maverick ประสบความสำเร็จบนบ็อกซ์ออฟฟิศ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีบทวิจารณ์ที่แข็งแกร่งและคำพูดจากปากต่อปากในเชิงบวกอย่างมาก การตอบรับที่ดีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ช่วยให้รายได้ต่อสัปดาห์ลดลงเพียงเล็กน้อย โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่ารายได้ลดลงเพียง 21% เท่านั้น ในตอนนี้ Top Gun: Maverick กำลังแข่งขันกับภาพยนตร์ภาคต่อของ Universal Pictures อย่าง Jurassic World Dominion ซึ่งตอนนี้กวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 700 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าในความเป็นจริงภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีบทวิจารณ์ที่ไม่ดีนักก็ตาม
แม้ว่าภาคต่อของ Top Gun จะมาหลังจากภาพยนตร์ต้นฉบับมากกว่า 35 ปี แต่ก็ชัดเจนว่าเวลาไม่ได้ขัดขวางความสนใจของผู้ชมที่มีต่อ Tom Cruise สิ่งสำคัญที่สุดคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคุณสมบัติมากมายที่น่าดึงดูด และทำให้ทุกคนพึงพอใจ ทั้งแฟนหนังดั้งเดิมและผู้ชมหน้าใหม่ แค่เพียงเข้าไปดูฉากการต่อสู้กลางอากาศของ Top Gun: Maverick อย่างเดียวก็ทำให้คุ้มค่าตั๋วแล้ว อย่างไรก็ตามความสำเร็จของ Top Gun: Maverick ในครั้งนี้นับเป็นสิ่งที่ช่วยตอกย้ำว่า ตอนนี้ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว และผู้คนก็กล้าที่จะเข้าโรงภาพยนตร์กันแล้ว ซึ่งนับเป็นสัญญาที่ดี และดูเหมือนว่าภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์กำลังจะกลับมา และการกลับมาครั้งนี้ก็จะดีขึ้นกว่าเดิม
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้