Joe Russo ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Infinity War (2018) และ Avengers: Endgame (2019) ได้ออกมาวิจารณ์ Disney เกี่ยวกับเรื่องคดีความของภาพยนตร์เรื่อง Black Widow (2021) ที่ทาง Disney ถูกนักแสดงนำอย่าง Scarlett Johansson ฟ้องร้องเนื่องจากนำภาพยนตร์ออกฉายทาง Disney+ พร้อมกับในโรงภาพยนตร์ เป็นผลให้ภาพยนตร์สูญเสียรายได้ไปมากถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Scarlett Johansson นักแสดงหญิงมากความสามารถ ผู้เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และเป็นนักแสดงที่มีบทบาทสำคัญในจักรวาล Marvel Cinematic Universe (MCU) โดยเธอได้เปิดตัวในฐานะ Natasha Romanoff หรือ Black Widow ครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Iron Man 2 ที่ออกฉายในปี 2010 ซึ่งเธอปรากฎตัวในฐานะนักแสดงสมทบ ก่อนที่ภายหลังจะได้กลายมาเป็นตัวละครหลักในภาพยนตร์เรื่อง The Avengers ในปี 2012 ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีม Avengers และนับแต่นั้นมาเธอก็ได้ปรากฎตัวในภาพยนตร์ของจักรวาล MCU อีกหลายเรื่อง โดยรวมทั้งหมดแล้วเธอได้แสดงเป็น Black Widow ในภาพยนตร์ทั้งหมด 9 เรื่อง และเรื่องสุดท้ายของเธอคือ Black Widow ในปี 2021 ที่จะบอกเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของเธอและทำหน้าที่เป็นภาพยนตร์ส่งท้ายให้กับตัวละครของเธอหลังจากที่ Black Widow เสียชีวิตไปใน Avengers: Endgame

ย้อนกลับไปในปี 2021 ช่วงที่การระบาดของไวรัส Covid-19 ได้ส่งผลให้โรงภาพยนตร์ทั่วโลกต้องปิดตัวลง ทาง Disney จึงได้ตัดสินใจที่จะนำภาพยนตร์เรื่อง Black Widow เข้าฉายในโรงภาพยนตร์และออกฉายทาง Disney+ พร้อมกัน จึงเป็นเหตุให้ Scarlett Johansson ออกมาฟ้องร้องสตูดิโอเรื่องการละเมิดสัญญา เพราะการทำแบบนี้ถือว่าเป็นการกันไม่ให้เธอได้รับกำไรจากส่วนแบ่งทางรายได้ คดีความดังกล่าวได้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในฮอลลีวูดเพราะกินเวลานานกว่า 2 เดือน ซึ่งทาง Disney ได้ออกมาแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์ Johansson ที่มองข้ามเรื่องการระบาดใหญ่ที่กำลังดำเนินอยู่ในตอนนั้น จากนั้นคนในวงการหลายคนได้ออกมาแย้งว่า Disney กำลังโจมตีนักแสดงสาว แต่ท้ายที่สุด Johansson และ Disney ก็กำลังจะตกลงกันได้ในเดือนกันยายนนี้ โดยที่สัญญาที่เหลืออยู่ของ Scarlett Johansson กับ Disney ก็จะยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่อง Tower of Terror ของ Disney ที่เธอแสดงนำก็จะยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ล่าสุด Joe Russo ผู้กำกับจาก Avengers: Endgame (2019) ได้พูดคุยกับ Den of Geek เนื่องจากกำลังเดินสายโปรโมตภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เขากำกับให้ Netflix อย่าง The Gray Man และในระหว่างพูดคุยกัน เขาได้เปิดใจเกี่ยวกับเรื่องคดีความที่น่าอับอายระหว่าง Scarlett Johansson กับ Disney ซึ่งเขาได้วิพากษ์วิจารณ์ Disney ในเรื่องการจัดการกับสถานการณ์นี้ และการปฏิบัติต่อตัวนักแสดงอย่าง Scarlett Johansson โดย Joe Russo กล่าวว่า

นั่นไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับ [Disney] ในการจัดการกับสถานการณ์นั้นจริง ๆ ในฐานะศิลปินผมเรื่องนี้มันรบกวนจิตใจผม เพราะ Scarlett Johansson เป็นเพื่อนที่ดีของเรา และเรารู้สึกท้อแท้กับวิธีจัดการของ Disney แต่เราก็ดีใจที่ปัญหานี้ได้รับการแก้ไข

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้กำกับ Joe Russo ได้แบ่งปันความคิดของเขาเกี่ยวกับคดีความของ Black Widow ก่อนหน้านี้ หลังจากสรุปเรื่องนี้ได้ไม่นาน เขาเคยบอกว่า เขาเชื่อว่าความพยายามของ Scarlett Johansson ในครั้งนี้ ทำให้บริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่งเริ่มตื่นตระหนกและต้องปรับรูปแบบธุรกิจของพวกเขา ซึ่ง Joe Russo ไม่ใช่คนมีชื่อเสียงเพียงคนเดียวในฮอลลีวูดที่มาพูดถึงเรื่องนี้ แต่ยังมีคนดังอีกหลายคนที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน ทั้ง Elizabeth Olsen ผู้รับบท Scarlet Witch ของจักรวาล MCU ก็เคยออกมาร่วมชมเชย Johansson สำหรับการตัดสินใจที่ยากลำบากของเธอในการดำเนินคดีนี้ และ Denis Villeneuve ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Dune (2021) ก็ได้ออกมาสนับสนุน Johansson นอกจากนี้ยังมี Jennifer Lawrence นักแสดงจาก Don’t Look Up (2021) ก็ได้ออกมาเรียกการต่อสู้ของ Johansson กับ Disney ว่า “ความกล้าหาญ”

แม้ว่าเหตุการณ์การฟ้องร้องกันในครั้งนี้จะดูร้ายแรง แต่คดีความของ Scarlett Johansson กับ Disney ก็ยังดูเหมือนจะจบลงได้อย่างสวยงาม โดยบทสรุปนั้นไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันว่าเธอจะยังคงได้แสดงในภาพยนตร์ Tower of Terror ของ Disney ที่กำลังจะสร้าง แต่เธอจะยังคงได้มีส่วนร่วมในโปรเจกต์ลับสุดยอดอีกเรื่องหนึ่งของ Marvel ด้วย อย่างไรก็ตาม Scarlett Johansson ได้เคยออกมายืนยันว่า หลังจากจบเรื่องราวในครั้งนี้ เธอก็ยังคงเปิดรับโอกาสในการทำงานร่วมกับ Disney ในโปรเจกต์อื่น ๆ อีกในอนาคต โดยเธออ้างถึง “ความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์” ที่เธอมีกับสตูดิโอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ต้องรอดูว่าจะเป็นจริงอย่างที่ว่าไหม ส่วนใครที่อยากดูเธอในบทบาท Natasha Romanoff หรือ Black Widow อีกครั้ง ทุกคนสามารถกลับไปย้อนดูเธอในภาพยนตร์ทั้ง 9 เรื่องของ MCU ได้ทาง Disney+ Hotstar