จักรวาล DC ฉบับคนแสดงกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากการมาถึงของ James Gunn และ Peter Safran ผู้บริหารร่วมคนใหม่ของ DC Studios ซึ่งได้มีการประกาสแผนการใหม่ของจักรวาล DC Universe (DCU) ออกมาแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดผู้บริหารของ Warner Bros. ได้ออกมากล่าวชื่นชมแผนการใหม่ของ Gunn และ Safran พร้อมกล่าวว่าเป็น “โอกาสที่ยิ่งใหญ่”

James Gunn และ Peter Safran ได้ขึ้นเป็นผู้บริหารร่วมของ DC Studios อย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารับตำแหน่งในช่วง 2-3 เดือนแรก พวกเขาทั้งคู่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการร่างแผนการระยะแรกของ DCU จนกระทั่งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมา Gunn ก็ได้ออกมาประกาศแผนการระยะแรกของ DCU ออกมาอย่างเป็นทางการ โดยใน Chapter 1 นี้จะใช้ชื่อว่า “Gods and Monster” ซึ่งจะประกอบไปด้วยภาพยนตร์ฉายโรง 5 เรื่อง และซีรีส์ฉายทาง HBO Max อีก 5 เรื่อง

หลังจากการมาถึงของ James Gunn เขาก็ได้เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง จนทำให้นักแสดงชุดเก่าจากจักรวาลของ Zack Snyder ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปต่อ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แฟนๆ DC ที่เป็นแฟนตัวยงของ Zack ไม่พอใจอย่างมาก และออกมาสร้างแคมเปญให้ไล่ Gunn ออกจากตำแหน่งผู้บริหาร รวมไปถึงขอให้ Warner Bros. ขายลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ Justice League ให้ Netflix เพื่อให้ Zack นำไปทำต่อ แต่สุดท้ายทุกอย่างที่พวกเขาร้องขอก็ยังไม่ได้เกิดขึ้น นอกจากนี้ Gunn ยังเคยออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมกล่าวว่าเขากับ Zack เคยคุยกันแล้ว และ Zack ก็สนับสนุนเขาด้วย

แม้ว่าจะมีแฟนๆ หลายคนที่ไม่พอใจกับแนวทางและวิสัยทัศน์ของ James Gunn แต่ในเมื่อนายทุนผู้ออกทุนสร้างภาพยนตร์เห็นด้วยกับเขา Gunn ก็จะยังคงได้อยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป เนื่องจากล่าสุด Gunnar Wiedenfels รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของ Warner Bros. Discovery ได้ออกมาเปิดเผยกับทาง Variety ว่าเขาคิดว่าแผนการ DC ของ Gunn และ Safran คือ “โอกาสอันยิ่งใหญ่” โดยเขาได้กล่าวว่า

DC คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ และตอนนี้มีองค์ประกอบสำคัญ 2 ส่วนคือ 1.ทีมผู้นำ Peter [Safran] และ James [Gunn] ซึ่ง James เขาหายใจเป็นการ์ตูนตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาคือผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยมของที่นี่ องค์ประกอบที่ 2 คือ แนวทางแบบบริษัทเดียว เพราะฉันคิดว่าคุณสามารถจัดการแฟรนไชส์ได้ก็ต่อเมื่อทุกอย่างประสานกันและทีมต้องทำงานร่วมกันได้ดีมาก ต้องมีทำงานร่วมกันในระดับใหญ่ทั่วทั้งองค์กร และต้องมีการตัดสินใจร่วมกันเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำงานร่วมกันทั่วทั้งแฟรนไชส์