Thor: Love and Thunder ทำรายได้ในอเมริกาแซงหน้า Thor: Ragnarok ได้สำเร็จ
Thor: Love and Thunder ภาพยนตร์เดี่ยวเรื่องที่ 4 ของตัวละคร Thor เทพเจ้าสายฟ้า เปิดตัวในโรงภาพยนตร์ไปเมื่อเดือนที่แล้ว แม้ว่าจะมีคำวิจารณ์ที่หลากหลาย มีทั้งคนที่ชื่นชอบและไม่ชอบ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสามารถทำรายได้ในอเมริกาแซงหน้า Thor: Ragnarok (2017) ได้สำเร็จแล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่อง Thor: Love and Thunder ได้กลายเป็นภาพยนตร์เดี่ยวของ Thor ที่มีคะแนนต่ำที่สุดบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ด้วยคะแนน 65% ในฝั่งนักวิจารณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ Thor: The Dark World (2013) เป็นภาคที่มีคะแนนต่ำสุดด้วยคะแนน 66% ในฝั่งนักวิจารณ์ ตามมาด้วยภาคแรกอย่าง Thor (2011) ด้วบคะแนน 77% และภาคที่ทำคะแนนได้สูงที่สุดคือ Thor: Ragnarok (2017) ด้วยคะแนนฝั่งนักวิจารณ์สูงถึง 93% อย่างไรก็ตาม
แม้ว่า Thor: Ragnarok (2017) อาจได้รับคะแนนวิจารณ์มากที่สุดจากทั้ง 4 ภาค แต่ภาคล่าสุดอย่าง Thor: Love and Thunder ก็แซงหน้าภาค 3 ได้ในด้านของรายได้ หลังจากทำรายได้รวมบ็อกซ์ออฟฟิศสุดสัปดาห์นี้ โดยภาพยนตร์เรื่อง Thor: Love and Thunder ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศในอเมริกาไปแล้วทั้งสิ้น 316 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้า Thor: Ragnarok (2017) ที่ทำรายได้ในอเมริกาไป 315 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้ว่า Thor: Love and Thunder จะทำรายได้ในอเมริกาแซงหน้า Thor: Ragnarok (2017) ได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้น รายได้รวมบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกของ Thor: Ragnarok (2017) ก็ยังคงสูงกว่า Thor: Love and Thunder อยู่ดี ปัจจุบัน Thor: Love and Thunder ทำรายได้ทั่วโลกไปแล้วทั้งสิ้น 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ Thor: Ragnarok (2017) ทำเงินทั่วโลกได้ 853.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าท้ายที่สุดแล้ว Thor: Love and Thunder จะสามารถทำรายได้ทั่วโลกแซงหน้า Thor: Ragnarok (2017) ได้หรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ ดังนั้น จึงยังคงมีโอกาสในการทำรายได้เพิ่มขึ้นได้อยู่
เมื่อไม่นานมานี้ Tessa Thompson นักแสดงผู้รับบทเป็น Valkyrie ได้ออกมาพูดถึงการสร้างของทั้ง Thor: Ragnarok (2017) และ Thor: Love and Thunder แถมเธอยังกล่าวว่าเดิมทีมันคือ “การทดลองที่ยุ่งเหยิงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง” นอกจากนี้ ยังมีแฟนๆ บางคนบอกว่า Thor: Love and Thunder นั้นสั้นเกินไปและมีเวลาไม่มากพอให้ตัวละครบางตัวได้เฉิดฉาย จึงมีแฟนๆ หลายคนออกมาสร้างแคมเปญทางอินเทอร์เน็ต เพื่อเรียกร้องให้ทาง Marvel ปล่อยภาพยนตร์เรื่องนี้ฉบับที่ผู้กำกับตัดต่อ (Director’s cut) ออกมา
ล่าสุด Taika Waititi ผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ออกมาพูดคุยกับ NME เกี่ยวกับเรื่องแคมเปญในครั้งนี้ และเขาได้กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เท่าไหร่ โดยผู้กำกับ Taika Waititi ได้อธิบายว่า
ผมเคยคิดเกี่ยวกับฉบับ Director’s cut ผมดูการตัดต่อของผู้กำกับคนอื่นๆ เยอะมาก พวกเขาห่วย การตัดฉากของผู้กำกับไม่ดีเลย บ้างครั้งผู้กำกับก็ต้องถูกควบคุม และถ้าผมจะบอกว่า ‘เอ่อ คุณดูฉบับ Director’s cut ของผมใช่ไหม? มันมีความยาว 4 ชั่วโมงครึ่ง!’ มันไม่ดีเลย เวลา 4 ชั่วโมงครึ่ง มีช่วงเวลาให้คุณพักดื่มชามากมายในนั้น [จะสื่อว่ามันน่าเบื่อ] โดยคุณไม่จำเป็นต้องกดหยุดด้วยซ้ำ
ผมคิดว่าการตัดต่อของผมน่าจะมีเรื่องตลกอีก 2-3 ฉากในนั้น อาจมีฉากที่ถูกลบออกไป 2-3 ฉาก แต่ก็อย่างที่ผมพูดเสมอว่า ฉากที่ถูกลบไปนั้นก็เพราะว่าพวกมันไม่ดีพอจะอยู่ในหนัง
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้