Benedict Cumberbatch ยอมรับว่ามีความท้าทายในบท Doctor Strange สำหรับภาพยนตร์ขนาดใหญ่อย่าง The Avengers
Benedict Cumberbatch เปิดเผยถึงความท้าทายที่คาดไม่ถึงเมื่อสร้างภาพยนตร์ Avengers ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ที่รวมตัวละครจากหลายเรื่องเข้าด้วยกัน ใน Infinity Saga จะเป็นจุดจบของเหตุการณ์สำคัญ และใน Multiverse Saga จะมี Avengers: The Kang Dynasty (2025) และ Avengers: Secret Wars (2026) ปิดฉากยุคการเล่าเรื่องปัจจุบัน ใน Marvel Cinematic Universe (MCU) ตัวละคร Doctor Strange ของ Cumberbatch คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในภาพยนตร์ดังกล่าวจากการชื่อเสียงเกี่ยวกับการเล่นกับความเป็นจริงและไทม์ไลน์ที่หลากหลายในแฟรนไชส์
ในขณะที่ Doctor Strange ไม่ปรากฏตัวใน MCU จนกระทั่งเฟสที่ 3 เขากลายเป็นส่วนสำคัญของ Infinity Saga ซึ่งมีบทบาทในการต่อสู้กับ Thanos ในฐานะตัวละครเพียงคนเดียวที่รู้วิธีเอาชนะ แม้ว่าเขาจะเป็นส่วนสำคัญของ Avengers: Infinity War (2018) แต่เขามีบทบาทน้อยใน Avengers: Endgame (2019) แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสำคัญโดยรวมต่อการเล่าเรื่อง
หลังจากมีประสบการณ์การทำงานในภาพยนตร์ของ Marvel Studios Cumberbatch ก็เปิดเผยเกี่ยวกับความท้าทายที่น่าแปลกใจเมื่อทำงานกับพวกเขา ในการพูดคุยกับ The Talks เขาเผยว่าจริงๆ แล้วการดึงฉากอารมณ์ในภาพยนตร์ Avengers ออกมาเป็นเรื่องยากทีเดียว ไม่ใช่เพราะธรรมชาติของภาพยนตร์ แต่เพราะพวกเขายุ่งมาก เนื่องจากการเล่าเรื่องที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วทำให้พวกเขามีเวลาไม่เพียงพอที่จะสร้างแรงดึงดูดทางอารมณ์เพื่อใช้ในการแสดง
มันไม่ใช่การการแสดงที่คุณลอกชั้นของตัวเองออกเพื่อเปิดเผยอีกชั้นหนึ่ง (ของตัวละคร) คุณทำแบบนั้นบ้างแต่ในจังหวะการเล่าเรื่องของการสร้างภาพยนตร์ขนาดใหญ่อย่าง The Avengers มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะมีช่วงเวลาให้อารมณ์นั้นถูกดึงออกมาใน 5 นาที เพราะนั่นเป็นเวลาทั้งหมดที่พวกเรามี มีสิ่งอื่นๆ ที่ใหญ่กว่าที่ต้องทำ
คำพูดของ Cumberbatch ทำให้ Avengers: Infinity War (2018) และ Avengers: Endgame (2019) เป็นผลงานที่น่าประทับใจยิ่งขึ้น การจัดฉากและนำเสนออารมณ์นั้นยากกว่าที่หลายคนคิดและสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เหล่านี้น่าตื่นตาตื่นใจคือมีการผสมตัวละครเทคนิคพิเศษ (CGI) เช่น Groot และ Rocket Raccoon ที่นักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์สามารถสร้างเรื่องเล่าที่โดนใจใครหลายๆ คน หรือแม้แต่ Elizabeth Olsen และ Paul Bettany จากฉากการตายของ Vision ด้วย CGI ของ Thanos ที่แสดงดดย Josh Brolin ซึ่งสร้างช่วงเวลาที่สะเทือนอารมณ์ใน Avengers: Infinity War (2019)
นอกเหนือจากความคาดหวังในการเล่าเรื่องของ Avengers: The Kang Dynasty (2025) และ Avengers: Secret Wars (2026) แล้ว นี่จะเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะปกติแล้ว MCU มักจะมีตัวละครพื้นฐานที่แฟน ๆ ผูกพันธ์แต่ด้วยสมาชิกผู้ก่อตั้งแฟรนไชส์หลายคนไม่ได้มีส่วนร่วมกับ Marvel Studios แล้ว จึงจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่า Multiverse Saga จะมีฮีโร่ที่แฟนๆ สามารถเชื่อใจได้ คงต้องรอดูว่าภาพยนตร์เรื่องใหญ่ 2 เรื่องนี้จะเป็นไปในทิศทางใด
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้