ถือเป็นอีกหนึ่งสุดสัปดาห์อันเงียบเหงาของบ็อกซ์ออฟฟิศที่ยังไม่มีผลงานอะไรใหม่ๆ เข้ามาหลังจากที่บอกลาซัมเมอร์นี้ไปอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้างด้วยวันแรงงานแห่งชาติที่ลดราคาตั๋วลงเหลือเพียง 3 ดอลลาร์ก็ทำให้มีรายได้เพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งในไอร์แลนด์เองตั๋วก็ลดราคาลงเหลือเพียง 4 ยูโร อย่างไรก็ตามเมื่ออิงตามข้อมูลของสมาคมผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์แห่งสหราชอาณาจักรก็ถือว่าทำรายได้มากกว่าเกือบสามเท่าเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด

ด้วยการลดราคาตั๋วลงไปนี้ก็ทำให้ Minions: The Rise of Gru ภาพยนตร์แอนิเมชันจากทาง Universal/Illumination และ Top Gun: Maverick จาก Paramount/Skydance กวาดรายได้เพิ่มเติมไปอีกหลังจากที่ทำรายทะลุหลายร้อยดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อย

ในขณะที่ก็ต้องมารอลุ้นว่า Jurassic World Dominion ของ Universal/Amblin จะสามารถทำรายได้ทะลุพันล้านดอลลาร์ได้หรือไม่ หลังจากที่มีรายได้สะสมอยู่ที่ 994.6 ดอลลาร์ทั่วโลก

สำหรับสัปดาห์ของ Bullet Train ภาพยนตร์แอ็กชันสุดระห่ำจากทาง Sony ก็ได้เปิดตัวที่ญี่ปุ่นและกลายเป็นผลงานที่สามารถทำรายได้สูงสุดที่สุดในสตูดิโอ โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 9.8 ล้านดอลลาร์ใน 64 ตลาด ซึ่งทำให้มีรายได้สะสมทั้งหมดจากต่างประเทศอยู่ที่ 100 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่รายได้จากทั่วโลกใกล้จะทะลุ 200 ล้านดอลลาร์

ซึ่งการเปิดตัวที่ญี่ปุ่นก็เรียกได้ว่ามาแรงสุดๆ หลังจากที่เปิดตัวได้เพียงแค่สี่วันก็ทำรายได้ไปกว่า 3 ล้านดอลลาร์และต่อยอดจากการเปิดตัว Kingsman: The Secret Service เพิ่มขึ้น 124% และ Murder on the Orient Express เพิ่มขึ้น 13% จำนวนผู้ถือครองลดลง 25% โดยซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น 41% และออสเตรเลียและสหราชอาณาจักรลดลง 10% และ 13% ตามลำดับ

ส่วนเจ้าแก๊งตัวป่วนมินเนี่ยนใน Minions: The Rise Of Gru ก็ยังคงสามารถทำรายได้อยู่เรื่อยๆ จากรายได้ในช่วงสุดสัปดาห์อยู่ที่ 8.94 ล้านดอลลาร์ใน 84 ตลาด ยอดรวมในต่างประเทศอยู่ที่ 531.3 ล้านดอลลาร์สำหรับ 890.2 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก

และในบ็อกซ์ออฟฟิศประเทศจีนก็ทำรายได้โดยรวมสูงสุดกว่า 30 ล้านดอลลาร์หลังจากที่รายได้ซบเซามาเป็นเวลานาน ส่วนในอิตาลี Minions: The Rise Of Gru ก็ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วยรายได้กว่า 11.8 ล้านดอลลาร์

ในอังกฤษก็มีรายได้ดีดตัวขึ้นมาอย่างแรงในวันเสาร์ ด้วยพลังของวันแรงงานแห่งชาติที่ลดราคาตั๋วภาพยนตร์ลง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 243% โดย Minions: The Rise Of Gru สามารถพุ่งทะยานทำรายได้แซงหน้า Finding Dory (2016) และ Despicable Me ทั้งสองภาคแล้ว โดยตอนนี้มีรายได้อยู่ที่ 52.8 ดอลลาร์ถือว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถทำรายได้ได้สูงที่สุดจากทั่วโลก

Top Gun: Maverick ก็สามารถทำรายได้ทะลุ 700 ล้านดอลลาร์ในประเทศ และยังได้เพิ่มอีก 5.8 ล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ 15 ในตลาดนอกชายฝั่ง 63 แห่ง สำหรับยอดรวมระหว่างประเทศที่ 740.4 ล้านดอลลาร์และมูลค่ารวมทั่วโลกที่ 1.441 พันล้านดอลลาร์ การลดลงในต่างประเทศเป็นเพียง 15% จากเซสชันที่แล้ว

ส่วนในอังกฤษก็ยังคงทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 100 ล้านดอลลาร์ด้วยมูลค่า 100.9 ล้านดอลลาร์จนถึงปัจจุบันและเพิ่มขึ้น 9% จากสัปดาห์ที่แล้ว ยอดรวมของญี่ปุ่นตอนนี้อยู่ที่ 90.4 ล้านดอลลาร์ รองลงมาคือเกาหลี 66.3 ล้านดอลลาร์ ออสเตรเลียที่ 63.5 ล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 28% ในวันหยุดสุดสัปดาห์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว) และฝรั่งเศส 56.7 ล้านดอลลาร์

และด้วยการนำแสดงของ Tom Cruise ที่ทำให้รายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้ใน IMAX กลายเป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลติดอันดับ 10 ของโลกด้วยรายได้กว่า 106.6 ล้านดอลลาร์

Spider-Man: No Way Home (2021) ของ Sony/Marvel ก็กลับมาโลดแล่นในจอภาพยนตร์อีกครั้งและทำรายได้เพิ่มไปอีก 2.6 ล้านดอลลาร์จาก 20 ตลาดต่างประเทศเพื่อยกระดับยอดรวมระหว่างประเทศเป็น 1.097 พันล้านดอลลาร์ ทั่วโลกตอนนี้อยู่ที่ 1.908 พันล้านดอลลาร์ สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงยึดอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศของเม็กซิโกและเป็นภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ที่สามารถทำรายได้สูงสุดเท่าที่เคยมีมาใน 19 ประเทศรวมถึงสหราชอาณาจักร เม็กซิโก ซาอุดีอาระเบีย เบลเยียม และตุรกี

สำหรับ 5 ตลาดแรกที่ได้รับการอัพเดทใหม่:

• สหราชอาณาจักร (129.4 ล้านดอลลาร์)
• เม็กซิโก (76.8 ล้านดอลลาร์)
• ฝรั่งเศส (70.2 ล้านดอลลาร์)
• เกาหลี (64.8 ล้านดอลลาร์)
• ออสเตรเลีย (58.7ล้านดอลลาร์)