หลังจากที่ทาง Disney ได้ใช้เวลาเกือบ 3 ปี ในการบุกตลาดสตรีมมิง และในตอนนี้ Disney ได้กลายเป็นผู้ให้บริการสตรีมมิงรายใหญ่สุดคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสามารถทำยอดรวมจำนวนผู้สมัครสมาชิกจากทุกแพลตฟอร์มสูงกว่า Netflix ได้สำเร็จ

ก่อนที่ Disney จะมีการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ผ่านมาในวันพุธนี้ ล่าสุดทางบริษัท Walt Disney ได้ออกมาประกาศว่า Disney+ มีจำนวนผู้สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นสูงถึง 14.4 ล้านรายในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้ยอดรวมจำนวนผู้สมัครสมาชิกทั่วโลกของ Disney+ เพิ่มขึ้นเป็น 152 ล้านราย แต่เมื่อเราคำนึงถึงบริการสตรีมมิงอื่นๆ ที่เป็นบริษัทลูกของ Disney ได้แก่ Hulu และ Star ถ้าทำการรวมจำนวนผู้สมัครสมาชิกจากทุกแพลตฟอร์ม ยอดรวมดังกล่าวนั้นแซงหน้า Netflix โดยในทุกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของ Disney มีจำนวนผู้สมัครสมาชิกรวมมากกว่า 221 ล้านรายทั่วโลก ในรายงานประจำไตรมาสล่าสุดของ Netflix บริษัทได้รายงานว่า ปัจจุบัน Netflix มีจำนวนผู้สมัครสมาชิกทั่วโลกจำนวน 220.7 ล้านราย สิ่งนี้ทำให้ Disney กลายเป็นผู้นำในโลกแห่งการสตรีมมิงอย่างเป็นทางการ

แต่ถ้าหากนับเพียงแพลตฟอร์มเดียว Netflix ก็ยังคงเป็นอันดับ 1 อยู่เหมือนเดิม เนื่องจากทาง Disney มีบริการที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งความบันเทิงและกีฬา ในราคาที่แตกต่างกัน ในทางกลับกัน Netflix มีเพียงบริการเดียวเท่านั้น นั่นคือเน้นไปที่ความบันเทิงเป็นหลัก ได้แก่ รายการวาไรตี้ ซีรีส์ และภาพยนตร์ นอกจากนี้ ตัวเลขใหม่เหล่านี้เป็นเพียงข้อพิสูจน์ว่าภาพรวมการสตรีมโดยรวมของ Disney สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดสตรีมมิงได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งบอกเลยว่าเป็นม้ามือที่น่ากลัวมากๆ และนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เพราะทาง Disney+ เพิ่งเปิดตัวในตลาดสตรีมมิงออกมาได้เพียงไม่กี่ปี และพวกเขายังมีแผนสำหรับอนาคตรออยู่อีกมากมาย

Disney+ จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ และน่าสนใจที่จะเห็นว่าแผนเหล่านั้นจะส่งผลต่อการเติบโตอย่างไรบ้าง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Disney+ ได้ประกาศว่าจะเพิ่มระดับการสนับสนุนโฆษณาอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม (ก็คือจะทำให้ Disney+ มีโฆษณา) แต่ข่าวร้ายก็คือราคาแพ็คเกจใหม่ที่มีโฆษณาจะมีราคาเท่ากับ Disney+ เวอร์ชันปัจจุบันที่ไม่มีโฆษณา และพวกหากเราอยากดูแบบไม่มีโฆษณาอาจจะต้องจ่ายแพงมากขึ้น เพราะพวกเขากำลังจะขึ้นราคาแพ็คเกจปัจจุบัน

ตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป Disney+ แบบมีโฆษณาจะเริ่มเปิดตัวออกมา และจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 7.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งแพ็คเกจนี้จะไม่มีแบบรายปี มีเพียงรายเดือนเท่านั้น ส่วนแพ็คเกจ Disney+ แบบมาตรฐานที่ไม่มีโฆษณาจะมีการปรับราคาให้สูงขึ้น 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน โดยจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10.99 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการสมัครสมาชิกแบบรายเดือน และการสมัครสมาชิกรายปีของแพ็คเกจนี้จะมีราคาอยู่ที่ 109.99 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งราคารายปีนั้นสูงขึ้นถึง 40 ดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่มีราคารายปีอยู่ที่ 69.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ที่ไทยอาจถูกกว่านี้)

โดยจากแผนการใหม่ในครั้งนี้ Kareem Daniel ประธานของ Disney Media & Entertainment Distribution ได้ออกมากล่าวว่า

ด้วยข้อเสนอใหม่ของ Disney+ ที่รองรับโฆษณาและแผนการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์สตรีมมิงทั้งหมดของเรา เราจะให้ทางเลือกแก่ผู้บริโภคมากขึ้นในราคาที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ชมของเราและดึงดูดผู้ชมในวงกว้างยิ่งขึ้น

แต่สำหรับแฟนๆ ชาวไทยที่สมัครสมาชิก Disney+ Hotstar เอาไว้อาจไม่ต้องกังวลมากนัก เนื่องจากราคาสมัครสมาชิกในประเทศเรานั้นมีราคาถูกกว่าต่างประเทศอยู่พอสมควร ซึ่งปัจจุบันราคารายปีของ Disney+ Hotstar ในไทยมีราคาอยู่ที่ 799 บาทต่อเดือน หรือประมาณ 22.71 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรายเดือนมีราคาอยู่ที่ 99 บาทต่อเดือน หรือประมาณ 2.81 ดอลลาร์สหรัฐ จะเห้็นได้ว่าเรามีราคาต่ำกว่าที่อเมริกาเกือบ 3 เท่าตัว ดังนั้น หากการขึ้นราคาจริงๆ แพ็คเกจเริ่มต้นแบบไม่มีโฆษณาในประเทศไทยอาจจะมีราคาไม่เกิน 200 บาทต่อเดือน ผมเดาว่าอาจจะอยู่ที่ 159 บาทต่อเดือน และ 1590 บาทต่อปี อันนี้คือแค่คาดเดาเฉยๆ สุดท้ายต้องรอติดตามกันต่อไป