Marvel Cinematic Universe (MCU) จำเป็นจะต้องสร้าง Multiverse หรือพหุจักรวาล หรือจักรวาลคู่ขนาน ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นหากต้องการสร้างกิจกรรมครอสโอเวอร์ทั่วทั้งแฟรนไชส์ เพื่อที่จะอยู่เหนือสเกลของ Avengers: Endgame (2019)

ในเฟสที่ 4 ของ MCU ได้กำหนดคอนเซปต์ของ Multiverse ด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์อย่างเช่น Loki (2021), Spider-Man: No Way Home (2021) และ Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) ที่ได้แนะนำกฎที่ซับซ้อนและตัวละครต่างๆ ซึ่งก็อาจมาบรรจบกันในเหตุการณ์สุดท้ายของแฟรนไชส์ในเฟสนี้ อย่างที่ Avengers: Endgame เคยทำมาแล้ว แต่ถ้า Multiverse ของ MCU นั้นเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุดจริงๆ ในเฟสที่ 4 นี้ ก็จะต้องยิ่งใหญ่กว่าที่เคยทำออกมา

ใน Marvel Comics ได้นำเสนอสภาวะเป็นจริงที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งแต่ละเรื่องก็เต็มไปด้วยตัวละครที่มีชื่อเสียงในเวอร์ชันต่างๆ ซึ่งสามารถมีตั้งแต่สำเนาของตัวละครหลักที่แทบจะเหมือนกันทุกประการ ไปจนถึงรูปแบบที่แปลกประหลาด เช่น ซอมบี้หรือสัตว์ที่เป็นมนุษย์ จนมาถึงในเรื่อง Doctor Strange in the Multiverse of Madness ทางด้าน MCU ก็ได้เปิดสัมผัสกับสภาวะเป็นจริงในทางเลือกอื่นๆ เช่น ไทม์ไลน์หรือจักรวาล Earth-838 ของ Illuminati หรือก่อนหน้านี้ที่เปิดรับจักรวาลของนักแสดง Tobey Maguire และ Andrew Garfield ใน Spider-Man แต่ถึงแม้จะมีข้อแนะนำและอันตรายที่อาจเกิดหายนะขึ้นของ Multiverse แต่ MCU ก็มีรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อยของสิ่งที่สามารถนำเสนอได้จริงๆ

เช่นเดียวกับ Infinity Saga ที่เริ่มต้นด้วยการแนะนำอย่างละเอียดของ Avengers ดั้งเดิมแต่ละคน และจบลงด้วยกิจกรรมครอสโอเวอร์ทั่วทั้งแฟรนไชส์ สำหรับแนวคิด Multiverse ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อสิ้นสุด Doctor Strange in the Multiverse of Madness ดูเหมือนจะเป็นก้าวแรกสู่ความยิ่งใหญ่หากต้องเจอกับเหตุการณ์คล้ายกับ Avengers: Endgame แม้ว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ Multiverse ของ MCU ก็ต้องขยายขอบเขตออกไปอย่างมากตามเวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการดัดแปลง Secret Wars ของ MCU หรืออย่างอื่นก็ตาม เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่น่าพอใจ ตำนานในบทที่สองของ MCU จำเป็นจะต้องมี “ความบ้าคลั่งมากมาย” ซึ่งต้องรวมเอาความเป็นจริงหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน สำหรับภาพยนตร์ในสเกลระดับมหึมาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

หนึ่งในความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในการขยาย Multiverse ของ MCU คือความแออัดยัดเยียด เนื่องจากในเฟสที่ 4 มีการเปิดตัวภาพยนตร์และตัวละครเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในแต่ละปี รวมถึงรายการ Disney+ ทั้งหมด ดังนั้นจักรวาล Earth-616 ของ MCU จะต้องยังมีความสำคัญและไม่จำเป็นต้องสำรวจจักรวาลใหม่ทุกแห่งอย่างสมบูรณ์ จักรวาลใหม่สามารถติดต่อได้แบบออร์แกนิกในขณะที่ยังเปิดประตูไว้สำหรับการครอสโอเวอร์ที่คล้ายคลึงกันในท้ายที่สุด เช่น Captain America: Civil War (2016) สำหรับ Secret Wars เวอร์ชันคนแสดง ก็สามารถจับคู่เหตุการณ์ก่อนหน้ากับการกลับมาของรูปแบบต่างๆ เช่น Sylvie, Black Bolt, Strange Supreme จาก What If…?, the multiversal Spider-Men และอื่นๆ

ในจักรวาล Earth-838 ที่เกิดขึ้นใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness ได้พิสูจน์แล้วว่าภาคต่อในอนาคตสามารถพัฒนา Multiverse ต่อไปได้อย่างไร บทสรุปของ Multiverse of Madness เกี่ยวกับชัยชนะของ Mr. Fantastic, Black Bolt, Captain Carter, Captain Marvel, Profesor X และ Doctor Strange ที่มีเหนือ Thanos เป็นเสมือนการบอกใบ้ถึงประวัติศาสตร์ MCU ที่ยาวและซับซ้อนซึ่งแตกต่างจาก Infinity Saga อย่างมาก ในขณะเดียวกันที่จักรวาลของ Illuminati ซึ่งก็เต็มไปด้วยศักยภาพสำหรับแฟรนไชส์ทั้งหมดของตัวเอง การแนะนำของจักรวาลอื่นทำให้ความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง โดยที่ MCU ไม่จำเป็นจะต้องเจาะลึกเข้าไปในทุกจักรวาลที่ได้แนะนำมา แต่จำเป็นจะต้องมี Multiverse ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ จำเป็นอย่างยิ่งถ้าหากจะต้องการสรุปตำนานที่สองของ MCU ที่มีการครอสโอเวอร์ที่ยิ่งใหญ่หรือยิ่งใหญ่กว่า Avengers: Endgame