เป็นไปได้ที่หนัง Shazam! จะมีภาคต่อที่สาม แต่ David F. Sandberg ไม่อยากนั่งแท่นผู้กำกับอีกแล้ว

Shazam! Fury of the Gods (2023) เปิดตัวในสัปดาห์แรกด้วยรายได้ 30.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอเมริกาซึ่งต่ำกว่าการเปิดตัวของภาพยนตร์เรื่องแรกที่ 53.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างมาก ซึ่งผู้กำกับอย่าง David F. Sandberg เปิดใจเกี่ยวกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านทวิตเตอร์ว่าเขาอยากจะพักจากการกำกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่

ในทวีตล่าสุด ผู้กำกับกล่าวว่าเขา “ประหลาดใจ” กับการตอบสนองต่อ Shazam! Fury of the Gods (2023) โดยตั้งข้อสังเกตว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คะแนนจากนักวิจารณ์ได้ต่ำที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา แต่กลับทำคะแนนวิจารณ์จากฝั่งผู้ชมใน Rotten Tomatoes ได้ถึง 87%

ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้จะดีเท่าหนังภาคแรกหรอกนะ แต่ผมก็ยังแปลกใจกำคะแนนเล็กน้อยเพราะผมคิดว่ามันเป็นหนังที่ดี

Sandberg ทวีตต่อ

อย่างที่ผมพูดไปสักพักแล้ว ผมอยากกลับไปทำหนังสยองขวัญเหมือนเดิม (เช่นเดียวกับลองสิ่งใหม่ๆ) หลังจากใช้เวลา 6 ปีกับ Shazam! ตอนนี้ ผมว่าผมควรเลิกทำหนังฮีโร่ได้แล้ว

Shazam! Fury of the Gods (2023) กลายเป็นมะเขือเน่าในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes โดยทำคะแนนจากนักวิจารณ์ไปเพียง 52% ซึ่งสวนทางกับคะแนนจากผู้ชมที่ได้ 87% อย่างไรก็ตามเหล่านักวิจารณ์หลายคนให้เหตุผลที่คล้ายๆ กันว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีตัวละครเยอะเกินไป และพล็อตเรื่องไม่ได้สามารถทำให้มีอารมณ์ร่วมได้ เหนือสิ่งอื่นใด ความน่าผิดหวังนี้น่าจะสืบเนื่องมาจากความคาดหวังที่สูงลิ่วเมื่อภาคแรกทำคะแนนได้ถึง 90% จากนักวิจารณ์ และ 82% จากผู้ชม

มีความคิดเห็นที่คล้ายกันจาก Rachel Zegler ผู้รับบท Anthea เธอแสดงความไม่พอใจกับคะแนนของภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน โดยเรียกนักวิจารณ์ว่า “คนที่มีอคติ”

ท้ายที่สุด Sandberg สรุปว่า เขาไม่เสียใจแม้แต่วินาทีเดียวที่สร้าง ภาพยนตร์ Shazam และเขาภูมิใจในผลงานที่เสร็จสมบูรณ์อย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าเขาจะต้องหลีกเลี่ยงความบาดหมางจากวาทกรรมซูเปอร์ฮีโร่ออนไลน์ก็ตาม Sandberg อธิบายปิดท้ายว่า

หลายสิ่งหลายอย่างทำให้ผมเครียดมาก และคงจะดีที่ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้นอีกต่อไป

Shazam! Fury of the Gods (2023) กำลังฉายในโรงภาพยนตร์