Creed 3 (2022) หนังภาคต่อที่มีดีไม่แพ้ 2 ภาคแรก อะไรคือความแตกต่างของหนังภาคนี้กับภาคที่ผ่านมา ?
Creed III (2022) ภาคต่อของหนังชกมวยที่อาจเป็นหนึ่งในหนังชกมวยในดวงใจของใครหลาย ๆ คน ซึ่งภาคแรกของแฟรนไชส์นี้ ได้ออกมาสู่สายตาผู้ชมทั่วโลกครั้งแรกในปี 2015 ในชื่อเรื่องว่า Creed (2015) เล่าถึงเรื่องราวของ Adonis Creed ลูกชายนอกสมรสของ Apollo Creed คู่ปรับตลอดของ Rocky ที่เขาพยายามจะเดิมเส้นทางเดียวกับพ่อในการเป็นนักมวยอาชีพ เรื่องนี้นำแสดงโดย Michael B. Jordan ชายที่หลาย ๆ คนรู้จักเขาจากบทบาท Erik Killmonger ตัวร้ายหลักใน Black Panther (2018)
โดยหลังจากความสำเร็จจากสองภาคแรก ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดี ทั้งจากฝั่งผู้ชม และฝั่งนักวิจารณ์ รวมถึงรายได้ทั้งหมดที่ทำได้ก็เป็นไปตามเป้า ทำให้ทางสตูดิโออย่าง Warner Bros. ตัดสินใจที่จะเดินหน้าสร้างภาคที่ 3 ต่อ ซึ่งภาคนี้มีบางอย่างที่ทำให้ตัวหนังได้รับความสนใจ และได้รับการคาดหวังอย่างสูงจากผู้ชม แต่ถึงอย่างนั้น ภาคนี้ก็มีความแตกต่างอย่างมากจาก 2 ภาคก่อน ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้ อาจจะกลายมาเป็นข้อได้เปรียบก็เป็นได้ และความแตกต่างที่ว่านั้นคืออะไรกัน ?
1. ได้ตัวนักแสดงดังมาร่วมงาน
มาเริ่มกันที่ ความแตกต่างแรก ของหนังภาคนี้ที่ถือเป็นสิ่งสำคัญ และดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้ไม่น้อย ได้แก่ การนำตัว Jonathan Majors นักแสดงดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของวงการในขณะนี้ ซึ่งเขาจะมารับบทเป็นตัวร้ายหลักของภาคนี้ ทำให้เหล่าแฟนหนังตื่นเต้นกันมาก ๆ เพราะ Jonathan Majors ถือเป็นหนึ่งในนักแสดงหน้าใหม่ที่มีฝีไม้ลายมือในการแสดงที่ไม่ธรรมดา และน่าจับตามองมาก ๆ แถมตอนนี้เขากำลังไปได้ดีในเส้นทางอาชีพนักแสดงอีก
โดยก่อนหน้าที่จะมารับบทในหนังเรื่องนี้ Jonathan Majors เคยผ่านการแสดงมาแล้วหลายเรื่อง ทั้งได้รับบทนำในซีรีส์ Lovecraft Country (2020) ของ HBO, Da 5 Bloods (2020), บทนำใน The Harder They Fall (2021) ของ Netflix และไม่นานนี้เขาก็พึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในจักรวาล Marvel Cinematic Universe
ซึ่งเขาได้ปรากฎตัวในจักรวาล MCU ครั้งแรก ในซีรีส์ Loki (ดูได้ทาง Disney+ Hotstar) ในบทบาทของ Kang the Conqueror ตัวละครใหม่แกะกล่อง ที่เหล่าแฟนคลับคาดการณ์ว่าอาจจะกลายเป็นตัวร้ายหลักของจักรวาล เหมือนกับเป็นธานอสคนต่อไป เพราะในฉบับการ์ตูน ตัวละครนี้เป็นตัวร้ายที่เก่งและร้ายกาจมาก ๆ ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าตัวละครนี้จะมีบทบาทอย่างไรในจักรวาล MCU และนอกจากนี้ Jonathan Majors ยังจะได้ปรากฎตัวในภาพยนตร์ Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) ในฐานะตัวร้ายหลักของเรื่องอีกด้วย
2. การมาของ Jonathan Majors อาจทำให้ตัวร้ายของภาคนี้น่าจดจำกว่าที่ผ่านมา
แม้ว่าในสองภาคแรกจะมีตัวร้ายที่พอใช้ได้ แต่ตัวร้ายจากทั้งสองภาคก็ยังคงไม่ดีพอที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึก “ประทับใจ” หรือ “น่าจดจำ” อาจจะเป็นเพราะนักแสดงที่มารับบทเป็นตัวร้ายหลักของทั้งสองภาคที่ผ่านมา ได้แก่ Tony Bellew และ Florian Munteanu ทั้งคู่ต่างก็เป็นนักมวยจริง ๆ แทนที่จะใช้นักแสดงจริงๆมาแสดง เลยอาจทำให้ทำได้ไม่ดีพอ ซึ่งในภาคนี้นั้นต่างออกไป เพราะพวกเขาเลือกที่จะใช้นักแสดงตัวจริงอย่าง Jonathan Majors มารับบทตัวร้ายในภาคนี้ ทำให้มีลุ้นว่าภาคนี้เราอาจจะได้เห็นฉากการปะทะอันดุเดือด ระหว่าง Michael B. Jordan และ Jonathan Majors แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
3.การควบสองตำแหน่งของ Michael B. Jordan และการถอนตัวของ Sylvester Stallone
ในภาคต่อนี้ยังมีอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ได้แก่ การที่ Michael B. Jordan ควบการทำงานสองตำแหน่ง ทั้งการแสดงเป็นตัวละครหลักของเรื่องอย่าง Adonis Creed และนั่งในตำแหน่งผู้กำกับของเรื่องเองด้วย ซึ่งการทำแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจเป็นไปได้ทั้งสองทาง ได้แก่ หนังภาคนี้อาจจะดีกว่าที่แล้วมา และหนังเรื่องนี้จะออกมาแย่กว่าผ่านมา ต้องรอลุ้นกันว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ยังมีเเรื่องที่ Sylvester Stallone ผู้รับบท Rocky ที่ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวได้ตัดสินใจออกมาประกาศว่าเขาจะแสดงในหนังแฟรนไชส์นี้ในเรื่อง Creed II (2018) เป็นเรื่องสุดท้าย ซึ่งจากการถอนตัวของ Sylvester Stallone ทำให้แฟนหนังหลายคนมีการตั้งคำถามว่า ถ้าภาคนี้ไม่มี Sylvester Stallone หนังจะไปรอดไหม
และถึงแม้ว่าภาคนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ แต่ก็ยังมีบางอย่างที่เหมือนเดิม นั่นก็คือ Michael B. Jordan ยังคงรับบทเป็น Adonis Creed และ Tessa Thompson ก็ยังคงรับบทเป็น Bianca ภรรยาของ Adonis เหมือนเดิม ซึ่งสุดท้ายภาพยนตร์เรื่องนี้จะออกมาเป็นอย่างไร คงไม่มีใครตอบได้ คงต้องรอหนังเรื่องนี้เข้าฉายเท่านั้น
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้