หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ภาพยนตร์จักรวาล Spider-Man ของ Sony Pictures อย่าง Venom: Let There Be Carnage (2021) และ Morbius (2022) ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงลบอย่างมหาศาล ทำให้ตอนนี้ทาง Sony Pictures ต้องการนักแสดงนำที่เหมาะสมสำหรับภาพยนตร์ Kraven the Hunter มากกว่าที่เคย เพื่อหวังจะให้มาช่วยกอบกู้จักรวาลนี้อีกครั้ง และดูเหมือนว่า Aaron Taylor-Johnson ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ภาพยนตร์เรื่อง Kraven the Hunter ที่มีแผนจะเข้าฉายในปี 2023 ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการกลับมาของ Aaron Taylor-Johnson ในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาพึ่งได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Tenet (2019) ของผู้กำกับ Christopher Nolan และกำลังจะปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Bullet Train (2022) ภาพยนตร์แอ็กชัน-คอมเมดี้ ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยาย ซึ่งกำลังจะเข้าฉายในเร็วๆ นี้ นำแสดงโดย Brad Pitt และกำกับโดย David Leitch อย่างไรก็ตาม Aaron Taylor-Johnson ก็ยังมีตารางงานที่ว่างพอสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Kraven the Hunter โดยจะเป็นภาคแยกที่อยู่ในจักรวาล Spider-Man ของ Sony Pictures

ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง Venom ในปี 2018 ได้ปูเส้นทางไปสู่ความสำเร็จให้กับ Sony Pictures ด้วยการกวาดรายได้ทั่วโลกไปมากถึง 856 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทว่าในภาคต่ออย่าง Venom: Let There Be Carnage (2021) และ Morbius (2022) ได้ทำให้จักรวาล Spider-Man ของ Sony Pictures เริ่มสั่นคลอนอีกครั้ง เพราะทั้ง 2 เรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม Sony Pictures ก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะขยายจักรวาล Spider-Man ของพวกเขาต่อไป โดยในปัจจุบันได้มีการวางแผนสร้างภาพยนตร์ของจักรวาลนี้มากถึง 11 เรื่องด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าภาพยนตร์เรื่อง Kraven the Hunter จะเป็นภาพยนตร์ที่ทางสตูดิโอพยายามผลักดันมากที่สุดในตอนนี้ และอนาคตของจักรวาล Spider-Man อาจจะขึ้นอยู่กับภาพยนตร์เรื่องนี้

แม้ว่าคำวิจารณ์ของ Venom: Let There Be Carnage (2021) และ Morbius (2022) จะไม่ดีนัก แต่เหล่าแฟนๆ หลายคน ก็ยังให้โอกาสและพร้อมที่จะดูภาพยนตร์เรื่องต่อไปของจักรวาลนี้ ต้องขอบคุณวิดีโอเกม Spider-Man ของ Sony ที่ยังพอทำให้แฟนๆ รู้สึกมีความหวังกับจักรวาลนี้ได้ และการมาของ Aaron Taylor-Johnson ในบทบาท Kraven the Hunter ก็ดูจะเป็นส่วนช่วยที่สำคัญเช่นกัน เพราะหากย้อนดูประวัติผลงานการแสดงของเขา จะเห็นว่าเขามีประสบการณ์ในการแสดงภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่มามากกว่า 10 ปี เคยแสดงมาแล้วหลายเรื่อง ตั้งแต่การแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Kick-Ass ในปี 2010 ที่เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และ ณ เวลานั้น จักรวาล Marvel Cinematic Universe (MCU) ก็ยังไม่ได้ทำการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ของจักรวาลออกมา นั่นคือเรื่อง Iron Man 2 ซึ่งถ้าพูดกันตามตรง การที่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ได้รับการยอมรับมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความสำเร็จของ Kick-Ass ซึ่งตอนนี้ยังคงเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

แต่เรื่อง Kick-Ass ไม่ใช่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เพียงเรื่องเดียวที่ Aaron Taylor-Johnson เคยแสดง เพราะเขายังได้แสดงในบทบาทเดิมอีกครั้งในภาคต่ออย่าง Kick-Ass 2 ในปี 2013 และหลังจากนั้น 2 ปี ในปี 2015 เขาก็ได้เข้าร่วมจักรวาล MCU ในบทบาท Pietro Maximoff หรือ Quicksilver ในภาพยนตร์เรื่อง Avengers : Age of Ultron และแม้ว่าตัวละครของเขาจะตายในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ตัวละครของเขาก็ยังคงส่งผลและมีการพูดถึงอยู่ในจักรวาล MCU จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ในซีรีส์ WandaVision ที่มีการเอ่ยถึงตัวละคร Pietro Maximoff ก็มีหลายคนอยากให้ Aaron Taylor-Johnson กลับมารับบทนี้ในภาพยนตร์เรื่อง Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้กลับมา

อย่างไรก็ตาม การที่เคยรับบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่มาก่อน ก็ไม่ได้แปลว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ยกตัวอย่างเรื่อง Morbius (2022) ที่เป็นครั้งที่ 2 ของ Jared Leto ในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาเคยแสดงเป็น Joker ในภาพยนตร์เรื่อง Suicide Squad (2016) ของผู้กำกับ David Ayer แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะ Morbius (2022) ไม่ได้ประสบความสำเร็จดังที่หวังไว้ ทว่ายังโชคดีที่ Aaron Taylor-Johnson เคยแสดงในบทบาทที่หลากหลาย ทำให้เขาสามารถแสดงได้ทั้งบทซูเปอร์ฮีโร่ และบทวายร้ายที่น่ารังเกียจ โดยก่อนหน้านี้เขาเคยแสดงบทวายร้ายในภาพยนตร์เรื่อง Nocturnal Animals (2016) ซึ่งเขาต้องแสดงเป็นวายร้ายที่ชื่อ Ray Marcus เขาสามารถตีบทแตกและขโมยซีนนักแสดงระดับ Jake Gyllenhaal ได้และมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ ด้วยความสามารถของ Aaron Taylor-Johnson ทำให้เขาเป็นนักแสดงที่ทาง Sony Pictures ต้องการในตอนนี้ เพื่อให้มาช่วยกอบกูจักรวาล Spider-Man ที่ความนิยมเริ่มเสื่อมลง