Zoe Saldaña นักแสดงสาวผู้รับบทเป็น Nyota Uhura ในแฟรนไชส์ Star Trek เวอร์ชันล่าสุดที่ตั้งอยู่ในจักรวาลอื่นที่เรียกว่า “Kelvin Timeline” โดยเมื่อไม่นานมานี้ Saldaña ได้ออกมาเปิดเผยถึงเหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์ Star Trek ภาคที่ 4 ล่าช้า

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Paramount Pictures ได้ถอดภาพยนตร์ Star Trek ภาคที่ 4 ออกจากปฏิทินกำหนดการฉายภาพยนตร์ ซึ่งเดิมที่แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดการฉายในเดือนธันวาคม 2023 แต่หลังจากผู้กำกับ Matt Shakman ได้ถอนตัวออกไปเพื่อกำกับภาพยนตร์ Fantastic Four ของ Marvel Studios ปัจจุบันนี้ Paramount ยังคงกำลังค้นหาผู้กำกับคนใหม่มาควบคุมโปรเจกต์นี้ต่อ พร้อมกับออกมาประกาศให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ที่สำคัญที่สุดของสตูดิโอ

เมื่อไม่นานมานี้ J.J. Abrams ผู้กำกับจาก 2 ภาคแรก และยังรับหน้าที่เป็นผูัอำนวยการสร้างของภาคที่ 4 ที่กำลังจะมาถึงนี้ J.J. Abrams ได้ออกมาเปิดเผยว่า Star Trek ภาค 4 จะนำนักแสดงหลักจากภาพยนตร์ 3 ภาคแรกกลับมา หลังจากที่มีหลายคนคาดเดากันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจมีนักแสดงใหม่เข้ามา นอกจากนี้ ล่าสุด Zoe Saldaña หนึ่งในนักแสดงหลักของแฟรนไชส์นี้ ก็เพิ่งได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง Deadline ซึ่งเธอได้เปิดเผยถึงเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ภาพยนตร์ล่าช้า โดยเธอได้กล่าวว่า

เราได้ติดต่อกับ JJ และกำลังพยายามดูว่าเราจะได้เห็นมันในฤดูใบไม้ร่วงนี้หรือไม่ ฉันไม่คิดว่ามันเป็นไปได้ ฉันมีไอเดียแต่มันอาจเป็นแค่ตารางเวลา เราไม่สามารถหาวันเวลาที่นักแสดงทั้งหมดและทีมงานทั้งหมดจะมารวมตัวกันได้ แต่ฉันคิดว่ามันมีเรื่องอื่นที่ต้องทำกับโปรเจกต์ด้วย ฉันรู้ว่าเราทุกคนอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เราทุกคนอยากที่จะกลับมา

ก่อนหน้านี้ Patrick McKay ผู้จัดจากซีรีส์ The Lord of the Rings: The Rings of Power ได้เคยออกมาเปิดเผยถึงแนวคิดดั้งเดิมของ Star Trek ภาคที่ 4 ที่วางแผนไว้ว่าจะให้คนดูได้เห็นกัปตัน Kirk (รับบทโดย Chris Pine) และพ่อของเขา George Kirk (รับบทโดย Chris Hemsworth) ที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง โดยจะติดตามเรื่องราวของทั้งคู่ที่ออกผจญภัยไปเจอกับวายร้ายคนใหม่ ทว่าทาง Paramount ได้ตัดสินใจยกเลิกสคริปต์นั้นหลังจากการเจรจาสัญญาประสบปัญหาในปี 2019 ทำให้ Chris Hemsworth ถอนตัวออกไป

นอกจากนี้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Brian Robbins ประธานของ Paramount Pictures ก็ได้เคยออกมาบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสำคัญต่อสตูดิโออย่างไร และคุณค่าของการได้นักแสดงดั้งเดิมกลับมาสำคัญแค่ไหน โดยเขาได้กล่าวว่า

เราสนิทสนมกับ J.J. Abrams มาก และรู้สึกเหมือนว่าเราเข้าใกล้จุดเริ่มต้น เราตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เรากำลังจะสร้างสรรค์ ผมเป็นคนโง่เรื่องการค้นคว้า และข้อมูลบอกผมว่าผู้ชมต้องการนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมา

เราต้องก้าวไปข้างหน้า ผมมุ่งเน้นไปที่แฟรนไชส์ของเรา เราโชคดีที่เรามีแฟรนไชส์ที่น่าทึ่ง ซึ่งเราต้องพึ่งพา เรามีแฟรนไชส์สำหรับผู้ใหญ่ เช่น Mission: Impossible, A Quiet Place, Transformers และ Star Trek แถมเรายังมีแฟรนไชส์ครอบครัวอย่าง Teenage Mutant Ninja Turtles และ SpongeBob คุณต้องมีแผนหลายปีสำหรับแฟรนไชส์เหล่านี้ คุณไม่สามารถแค่สร้างหนังและรอดูว่ามันจะเป็นอย่างไร จากนั้นตัดสินใจสร้างอีกเรื่อง เพราะถ้าคุณทำอย่างนั้น มันจะต้องใช้เวลาหลายปีระหว่างภาคต่อ เช่นเดียวกับ Sonic the Hedgehog เราจะสร้างภาคแยกของตัวละคร Knuckles เป็นมินิซีรีส์ฉายทาง Paramount+ ซึ่งจะปูทางเราไปสู่ภาพยนตร์ Sonic เรื่องที่ 3 ที่มีไข่อีสเตอร์ (Easter eggs) มากมาย การวางแผนนั้นคือสิ่งที่ผมมุ่งเน้น รวมทั้งเพิ่มโปรเจกต์ให้กับผู้สร้างภาพยนตร์ที่เราหลงใหล เหล่าผู้กำกับที่ต้องการเล่าเรื่องในแบบของตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเปิดไฟเขียวให้กับโปรเจกต์ต่างๆ เช่น โปรเจกต์ใหม่ที่เรามีจาก Matt Stone และ Trey Parker ผู้สร้าง South Park พวกเขากำลังสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ร่วมกับ Kendrick Lamar