หลังจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame (2019) และ Spider-Man: Far From Home (2019) จักรวาล Marvel Cinematic Universe (MCU) ได้เข้าสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย นับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่จักรวาล Marvel เริ่มสร้างแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร่ขึ้นมา และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทำการเชื่อมโยงทุกอย่างเข้ากับเหตุการณ์ Infinity Saga ที่สิ้นสุดด้วยศึกสุดท้ายกับ Thanos ในภาพยนตร์ Avengers: Endgame (2019)

ปัจจุบันนี้ จักรวาล MCU ได้เดินทางมาถึง Phase ที่ 4 แล้ว ซึ่งใน Phase นี้มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร ได้เดินทางเข้าสู่ยุคใหม่ และมีการเปิดพหุจักรวาล (Multiverse) ทำให้จะมีตัวละครหน้าใหม่ออกมามากขึ้น และมีความหลากหลายมากกว่าเดิม อย่างเช่น ซีรีส์ Moon Knight ที่เพิ่งจบไปไม่นานนี้ ก็ได้แนะนำให้เราได้รู้จักกับตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นโรคหลายบุคลิก และพูดถึงเรื่องราวของเหล่าเทพอียิปต์ในจักรวาล MCU และล่าสุดก็คือซีรีส์ Ms. Marvel ที่จะแนะนำให้เรารู้จักกับซูเปอร์ฮีโร่สาวชาวปากีสถาน ซึ่งเป็นฮีโร่ชาวมุสลิมคนแรกของจักรวาล MCU โดยหลังจากนี้ยังมีภาพยนตร์และซีรีส์ใน Phase 4 อีกหลายเรื่องที่จะตามมา

เมื่อไม่นานมานี้ Richie Palmer หัวหน้าฝ่ายผลิตและพัฒนาของ Marvel Studios ได้ไปออกรายการ Special podcast ของ Empire Magazine ซึ่งเขาได้เปิดเผยว่า Phase ที่ 4 ของจักรวาล MCU ทั้งหมดเป็น “ผลกระทบ” ที่มาจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame (2019) ตัวละครทั้งหมดยังคงเศร้าโศกและพยายามจัดการกับความคิดของตัวเอง ที่อ่อนแอลงเพราะการสูญเสีย รวมถึงผลที่ตามมาจากเหตุการณ์นั้น โดย Richie Palmer ได้อธิบายให้ฟังว่า

Phase ที่ 4 ทั้งหมดคือผลกระทบ และผมไม่ได้หมายถึงส่วนของเราในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ ผมหมายถึงตัวละคร มันเป็นผลกระทบที่แสนบอบช้ำจากเหตุการณ์ใน Avengers: Infinity War (2018) และ Avengers: Endgame (2019) เรายังคงรู้สึกถึงผลกระทบเหล่านั้นในภาพยนตร์เหล่านี้ทั้งที่ผ่านมาแล้วหลายปี

ทว่าไม่มีตัวละครตัวไหนที่จัดการกับความโศกเศร้าและความสูญเสียเหมือน Wanda Maximoff ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญใน Phase ที่ 4 การเดินทางของเธอ ได้ทำให้เธอกลายเป็นวายร้ายในบางครั้ง ในขณะที่คนอื่นๆ ที่ต้องรับมือกับความสูญเสียก็จะมีวิธีในการรับมือที่แตกต่างกันออกไป และ Richie Palmer ก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดยเขาได้กล่าวว่า

มันเป็นสิ่งที่เราพูดกับ Elizabeth Olsen เกี่ยวกับการเติบโตของเธอ เราทำเพื่อเธอ การเดินทางของตัวละคร Wanda Maximoff ได้นำเธอไปสู่ช่วงเวลาแห่งความรับผิดชอบ และเราคิดว่าเธอไปถึงจุดนั้นแล้ว (สำนึกผิดแล้ว) วันก่อนผมยังเห็นมีม พวกเขาเปรียบเทียบ Wanda กับ Peter Parker ‘จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง’ คุณรู้ไหมบางคนจัดการกับมันแตกต่างจากคนอื่นๆ Peter Parker ได้เข้าสู่บทบาทของ Spider-Man จริงๆ ในตอนท้ายของ Spider-Man: No Way Home (2021) เขาปล่อยให้ตัวละคร Spider-Man เข้ามาแทนที่เพื่อตอบสนองต่อการสูญเสียและบาดแผลของเขา

ส่วนในด้านของ Wanda เธอมุ่งเน้นไปที่การเป็น Scarlet Witch ซึ่งเธอได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้จาก Agatha (แม่มดที่ปรากฎตัวในซีรีส์ WandaVision) และจากการศึกษาตำรา Darkhold ทว่าการค้นพบตัวตนของ Wanda นั้นต่างออกไป เธอได้กลายเป็นวายร้ายที่ร้ายกาจที่สุดตลอดกาล กลายเป็นผู้ทำลายล้างโลก ตอนนี้เธอรู้แล้ว ‘โอ้ ฉันควรจะเป็นพระเจ้า ฉันรู้เรื่องนี้มาตลอด มันอยู่ในจิตใต้สำนึก แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว และตอนนี้ วิธีจัดการกับความสูญเสียและบอบช้ำของฉัน คือการเติมเต็มในสิ่งที่ฉันเป็น คือการกลายเป็น Scarlet Witch’ และแน่นอนว่าในหนังของเรา เธอก็จะรู้สึกว่า ‘ฉันไม่อยากจะเป็นแบบนั้น ฉันอยากไปอยู่กับลูกๆ ดั้งนั้น ฉันขออยู่คนเดียว ฉันแค่ทำให้คุณรู้ไว้ว่าฉันคือ Scarlet Witch ดังนั้น อย่ามายุ่งกับฉัน’

โดยในปัจจุบันนี้ Phase ที่ 4 ของจักรวาลภาพยนตร์ MCU ยังคงดำเนินต่อไป ธีมและแนวคิดต่างๆ ใน Phase นี้จะเริ่มสร้างรูปร่างและทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อนำจักรวาลไปสู่เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น และมีความหลากหลายมากขึ้นในอนาคต ซึ่งในภาพยนตร์ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อไม่นานมานี้ ได้แอบวางเรื่องราวบางอย่างที่อาจจะนำเราไปสู่เหตุการณ์ Secret Wars ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล Marvel และถ้าหากจักรวาล MCU เกิด Secret Wars ขึ้นมาจริงๆ รับรองได้เลยว่าเราจะได้เห็นความสูญเสียครั้งใหญ่ ตอนนี้ก็ทำได้แค่เพียงรอติดตามกันต่อไป ส่วนใครที่อยากย้อนดูภาพยนตร์และซีรีส์ของจักรวาล MCU สามารถไปรับชมย้อนหลังได้ครบทุกเรื่องทาง Disney+ Hotstar