[สปอยล์] ภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick ทำให้การตายของ Goose ใน Top Gun ภาคแรกน่าจดจำยิ่งกว่าเดิม
การตายของตัวละคร Nick “Goose” Bradshaw (รับบทโดย Anthony Edwards) ในภาพยนตร์เรื่อง Top Gun (1986) นั้นถือเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดฉากหนึ่งของภาคแรก และบทบาทของลูกชายเขา Bradley “Rooster” Bradshaw (รับบทโดย Miles Teller) ใน Top Gun: Maverick ช่วยทำให้การตายของเขาน่าจดจำยิ่งกว่าเดิม
ภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick เป็นภาคต่อของ Top Gun (1986) ซึ่งในภาคนี้เราจะได้เห็น Tom “Iceman” Kazansky (รับบทโดย Val Kilmer) ได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายพลของกองทัพเรือสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภาคนี้มีการนำเรื่องราวในภาคแรกมาสานต่อ นั่นคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง Pete “Maverick” Mitchell (รับบทโดย Tom Cruise) และ Bradley “Rooster” Bradshaw (รับบทโดย Miles Teller) ลูกชายของ Goose ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครใหม่ในภาคนี้ที่ Maverick ต้องฝึกให้
Goose เสียชีวิตใน Top Gun (1986) ในระหว่างการฝึกซ้อมที่ ออกแบบมาให้ Maverick และ Iceman แข่งขันกัน แต่แล้วในระหว่างการฝึก Maverick ก็วู่วามจนบินไปโดนไอร้อนจากเครื่องบินลำข้างหน้า ทำให้เครื่องของพวกเขา (Goose เป็นผู้ช่วยหนังอยู่ด้านหลัง) ขัดข้องและสูญเสียการควบคุม ทั้งคู่พยายามดีดตัวออกจากเครื่องบิน ซึ่ง Maverick ดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ในด้านของ Goose นั้น ในระหว่างดีดตัวออกจากเครื่องบิน ตัวเขาได้กระแทกกับฝาครอบห้องนักบินอย่างแรง ทำให้คอของเขาหักจนเสียชีวิต และฉากการตายของเขาก็ถือเป็นฉากที่ดีและน่าจดจำที่สุดของภาพยนตร์ภาคแรก อย่างไรก็ตาม ใน Top Gun: Maverick ดูเหมือนว่าตัวละคร Maverick ยังคงรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ในครั้งนั้น ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้วเกือบ 40 ปี
การตายของ Goose มีความหมายมากขึ้นใน Top Gun: Maverick เนื่องจากไดนามิกที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ระหว่าง Rooster และ Maverick ที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดี ซึ่งนอกจากที่ Rooster จะเกลียด Maverick เพราะว่าเป็นเหตุที่ทำให้พ่อเขาเสียชีวิตแล้วนั้น เขายังเกลียด Maverick ที่ดึงใบสมัครเข้ากองทัพเรือของเขาออก เพราะแม่ของเขาขอไว้ เนื่องจากไม่อยากให้ลูกชายต้องไปเป็นนักบินและทำงานเสี่ยงๆ เหมือนพ่อของเขา สิ่งนี้ทำให้ Rooster ต้องเสียเวลาไปถึง 4 ปี เพื่อกลับเข้ามาสมัครอีกครั้ง โดยในตอนต้นเรื่อง Rooster เกลียดและไม่อยากมีสัมพันธ์กับ Maverick แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มพัฒนามากขึ้นเมื่อ Maverick ได้แสดงฝีมือในทักษะการบินของเขาให้ Rooster ได้เห็น ทำให้เขาเข้าใจว่า Maverick เป็นนักบินที่เก่งแค่ไหน และการตายของพ่อเขามันเป็นอุบัติเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การตายของ Goose ยิ่งส่งผลมากว่าเดิมในตอนท้ายเรื่อง เมื่อ Maverick ตัดสินใจจะเสียสละตัวเองเพื่อให้ Rooster รอดชีวิต แต่ท้ายที่สุด หลังจากเครื่องบินตก Maverick กำลังจะโดนยิง จู่ๆ Rooster ก็ย้อนกลับมาช่วยเขา จากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดีขึ้น และกลายเป็นซีนที่น่าประทับใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องกล่าวชมเหล่าทีมงานและผู้กำกับ ที่ทำให้การตายของ Goose น่าจดจำกว่าเดิมและมีคุณค่ามากขึ้น เก่งมากจริงๆ
การเสียชีวิตของ Goose นั้นได้ถูกนำกลับมาพูดถึงใน Top Gun: Maverick อีกครั้ง หลังจากที่เกือบมีการสูญเสียจากการฝึกสุดโหดของ Maverick เพื่อเตรียมตัวสำหรับทำภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ โดยในการฝึกนั้น Maverick ได้ให้เหล่านักบินฝึกบินด้วยความเร็วที่มากพอสำหรับทำภารกิจ พร้อมกับฝึกร่างกายเพื่อให้ทนต่อแรง G (แรงกดอากาศ) ซึ่งในระหว่างการฝึก Javy “Coyote” Machado (รับบทโดย Greg Davis) ได้หมดสติระหว่างบินเนื่องจากแรง G ที่มากเกินไป ทำให้เครื่องบินของเขากำลังดิ่งลงพื้น แต่ยังโชคดีที่ Maverick ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทัน ทำให้ตัว Maverick ได้พูดระบายความในใจของเขา ที่ไม่เคยพูดในตอนที่ Goose เสียชีวิต นอกจากนี้ Natasha “Phoenix” Trace (รับบท Monica Barbaro) และ Robert “Bob” Floyd (รับบทโดย Lewis Pullman) เครื่องบินของพวกเขาก็เสียการควบคุมเช่นกัน ยังดีที่ทั้งคู่ดีดตัวออกมาได้ทันและรอดทั้งคู่ ทำให้ Maverick โล่งใจมากขึ้น เนื่องจากไม่มีลูกศิษย์คนใดในทีมของเขาที่เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick ได้รับการยอมรับในระดับสากล และยังมีการคาดการณ์ว่าจะสามารถทำรายได้เปิดตัวสัปดาห์แรกในอเมริกาได้สูงถึง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับทำลายสถิติเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ Tom Cruise ที่ทำรายได้เปิดตัวในอเมริกาได้เกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใครที่ยังไม่ได้ดูแนะนำมากๆ ครับ กำลังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ ส่วนภาคแรกอย่าง Top Gun (1986) สามารถดูได้ทาง HBO GO
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้