ประธาน Sony ออกมาบอกว่าภาพยนตร์เรื่อง Ghostbusters: Afterlife ได้ช่วยแฟรนไชส์ Ghostbusters เอาไว้
Tom Rothman ประธานและ CEO ของบริษัท Sony Pictures ได้เปิดเผยว่าภาพยนตร์ Ghostbusters ฉบับรีบูตในปี 2016 นั้น “ยังดีไม่พอ” และเขาได้บอกว่า Ghostbusters: Afterlife ของผู้กำกับ Jason Reitman ที่ออกฉายในปี 2021 นั้นมีบทบาทสำคัญในการกอบกู้แฟรนไชส์นี้
Sony Pictures ได้ตัดสินใจใช้วิธีการของแฟรนไชส์ Star Wars มาใช้ในการสร้าง Ghostbusters: Afterlife ก็คือการไม่รีบูตแฟรนไชส์ใหม่ แต่เลือกที่จะสร้างภาคต่อ หรือสร้างภาคแยกและเดินเรื่องด้วยตัวละครตัวใหม่แทน โดยภาพยนตร์เรื่อง Ghostbusters: Afterlife กำกับและร่วมเขียนบทโดย Jason Reitman ลูกชายแท้ ๆ ของ Ivan Reitman ผู้กำกับภาคต้นฉบับและเป็นผู้สร้างแฟรนไชส์ Ghostbusters ขึ้นมา ภาพยนตร์เรื่องนี้โฟกัสไปที่ครอบครัวของ Egon Spengler (รับบทโดย Harold Ramis) ที่ได้รับมรดกเป็นบ้านไร่ที่ทรุดโทรมใน Oklahoma หลังจากที่ Egon Spengler เสียชีวิต
โดยหลานของ Egon Spengler อย่าง Phoebe (รับบทโดย Mckenna Grace) และ Trevor (รับบทโดย Finn Wolfhard) ได้ค้นพบสิ่งประดิษฐ์ของ Egon ที่ใช้ในการปราบผี ซึ่งหลานทั้งคู่ได้ไปบอกเรื่องนี้กับ Callie (รับบทโดย Carrie Coon) แม่ของพวกเขา แต่เธอกลับไม่เชื่อ ยังดีที่มี Gary Grooberson (รับบทโดย Paul Rudd) ครูสอนวิทยาศาสตร์โรงเรียนภาคฤดูร้อนของ Phoebe ที่เชื่อเรื่องนี้และยื่นมือเข้ามาช่วย สุดท้ายแล้วพวกเขาได้ร่วมมือกับผู้อยู่อาศัยคนอื่น ๆ ในเมือง (และสุดท้ายคือสมาชิก Ghostbusters ดั้งเดิมที่เหลืออยู่) เพื่อช่วยโลกจาก Gozer the Gozerian อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่อง Ghostbusters: Afterlife อาจเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการระบาดของโรค Covid-19 หลังจากที่เลื่อนการฉายออกไปไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง แต่สุดท้ายก็เมื่อเข้าฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชม
ล่าสุด Tom Rothman ประธานและ CEO ของบริษัท Sony Pictures ได้ให้สัมภาษณ์กับ Deadline ซึ่งเขาได้พูดขอบคุณภาพยนตร์เรื่อง Ghostbusters: Afterlife ที่ได้ช่วยชุบชีวิตแฟรนไชส์ Ghostbusters ขึ้นมาอีกครั้ง โดย Tom Rothman ได้กล่าวว่า
ตอนที่ผมเข้ามาดูแล Sony แรก ๆ มีคนพูดว่า โอ้ Sony ไม่มีแฟรนไชส์อะไรเลย ซึ่งมันไม่จริง เรามีวัตถุดิบที่แฟรนไชส์จริง ๆ เราแค่ต้องให้ความสำคัญกับมัน เรามี Jumanji, Bad Boys, Uncharted, Ghostbusters และอื่น ๆ อีกมากมาย แค่เพียงเพราะก่อนที่ผมมาดูแล Sony พวกเขาเลือกเดินไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เนื่องจาก Jason Reitman และความสัมพันธ์ของเขากับ Ivan Reitman พ่อของเขา ที่ทำให้เราสามารถฟื้นคืนชีพให้แฟรนไชส์ Ghostbusters กลับมาประสบความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่
Ghostbusters ฉบับรีบูตปี 2016 ของผู้กำกับ Paul Feig แม้ว่าจะได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่หลายคนก็มองว่าเป็นส่วนเสริมที่ให้ความบันเทิง ตลก และไม่เหมือนใครในแฟรนไชส์นี้ น่าเสียดายที่นักแสดงตลกหญิงที่เป็นที่ยอมรับและมีความสามารถที่มานำแสดงในเรื่องนี้อย่าง Kristen Wiig, Melissa McCarthy, Kate McKinnon และ Leslie Jones กลับต้องเผชิญกับกระแสต่อต้านจากโลกออนไลน์หลังจากที่เข้ามาแสดงในแฟรนไชส์นี้ เพราะแฟน ๆ มองว่าทีมต้นฉบับเป็นผู้ชายการทำต่อก็ควรจะเหมือนเดิมบ้าง แถมในฉบับ 2016 ยังมีการปรับแต่งเนื้อเรื่องให้เปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร จึงไม่ได้รับการยอมรับจากแฟน ๆ และมีบางคนที่ถึงขั้นไม่นับภาคปี 2016 ว่าเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในแฟรนไชส์ Ghostbusters ซึ่งต่างจาก Ghostbusters: Afterlife ที่เนื้อหาเน้นไปที่ภาพยนตร์ต้นฉบับและยังมีแฟนเซอร์วิสอีกเป็นจำนวนมาก มีการนำนักแสดงภาคต้นฉบับมาร่วมสมทบ พร้อมกับแนะนำตัวละครใหม่ที่น่ารักไปพร้อม ๆ กัน จึงทำให้ Ghostbusters: Afterlife กลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับการยอมรับจากแฟน ๆ และสามารถกอบกู้แฟรนไชส์นี้เอาไว้ได้
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้