ภาพยนตร์แนวลึกลับ-ระทึกขวัญเรื่องใหม่ของผู้กำกับ Olivia Wilde อย่าง Don’t Worry Darling ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่บนโลกออนไลน์ เนื่องจากปัญหาดราม่าต่างๆ ทั้งเรื่องการถอนตัวของนักแสดงและข่าวลือที่ว่านักแสดงนำทะเลาะกับผู้กำกับ อย่างไรก็ตาม ดราม่าเหล่านี้ทำให้ภาพยนตร์ได้รับความสนใจมากขึ้น แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะดีจริงหรือไม่? โดยในตอนนี้คะแนนวิจารณ์แรกของ Don’t Worry Darling จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ได้ออกมาแล้ว

Don’t Worry Darling นำแสดงโดย Harry Styles และ Florence Pugh ตัวภาพยนตร์มีกำหนดการเปิดตัวในช่วงปลายเดือนนี้ แต่ได้มีการฉายรอบปฐมทัศน์ไปแล้วที่งานเทศกาลภาพยนตร์เวนิส และในตอนนี้ก็มีคะแนนวิจารณ์แรกบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes อย่างเป็นทางการแล้ว ในตอนนี้ Don’t Worry Darling มีคะแนนในฝั่งนักวิจารณ์อยู่ที่ 46% จากนักวิจารณ์ 24 คน โดยคะแนนทั้งหมดล้วนเป็นคะแนนจากนักวิจารณ์ที่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วจากการฉายรอบปฐมทัศน์

คะแนนวิจารณ์ที่ออกมานั้นไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับการโน้มน้าวใจผู้ชมให้เดินทางไปยังโรงภาพยนตร์เพื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้น กระแสดราม่านอกจอของ Don’t Worry Darling อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ในตอนนี้ สำหรับเรื่องดราม่าที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้คือ Olivia Wilde ผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มีปัญหาเบื้องหลังกับนักแสดง Shia LaBeouf ซึ่งในสุดท้ายเธอได้ไล่เขาออกจากโปรเจกต์ไป และถูกแทนที่ด้วย Harry Styles แต่ยังไม่หมด เพราะยังมีดราม่าของ Florence Pugh ที่เกิดขึ้นที่งานเทศกาลภาพยนตร์เวนิส เมื่อเธอได้มาร่วมในงานฉายรอบปฐมทัศน์แต่ตัดสินใจไม่ร่วมในการโปรโมตภาพยนตร์ รวมถึงเธอได้แสดงความไม่พอใจกับตัวอย่างที่ถูกกระแสโฟกัสที่ฉากเลิฟซีนของเธอเพียงอย่างเดียว โดยเธอได้บอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีดีมากกว่านั้น

หลังจากงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิสเพียง 1 วัน สื่อสังคมออนไลน์ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดราม่าของภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง ทั้งเรื่องที่ Florence Pugh เลี่ยงงานแถลงข่าว เรื่องความตึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์ของ Harry Styles และ Olivia Wilde ที่เป็นแฟนกัน (ชาวเน็ตสงสัยว่าเลิกกันแล้ว) นอกจากนี้ยังมีวิดีโอที่กลายเป็นกระแสไปทั่วโลก คือวิดีโอจากงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิส ที่เห็นเหมือนกับว่า Harry Styles ได้ถุยน้ำลายหรืออะไรบางอย่างใส่ Chris Pine นักแสดงสมทบของเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวผู้กำกับอย่าง Olivia Wilde ได้ออกมาแก้ข่าวเรื่อง Florence Pugh แล้ว โดยเธอได้บอกว่าการที่ Florence Pugh ไม่มาร่วมการโปรโมตนั้นเป็นเพราะว่าเธอต้องไปร่วมถ่ายทำภาพยนตร์ Dune: Part Two แต่ในเรื่องของ Shia LaBeouf นั้นต่างออกไป เนื่องจาก Shia LaBeouf ได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาไม่ได้ถูกไล่ออก แต่เขาออกมาเองเพราะว่าไม่มีเวลาซ้อมบทกับนักแสดงคนอื่นๆ พร้อมกับเปิดเผยคลิปวิดีโอของ Olivia Wilde ที่ขอร้องให้เขากลับไปแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ Olivia Wilde บอกกับนักข่าว เพราะเธอบอกว่าเธอเป็นคนไล่ Shia LaBeouf ออกเพราะพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ณ จุดนี้ ผู้ชมต่างพากันพูดว่าดรามาของภาพยนตร์เรื่อง Don’t Worry Darling ควรจะถูกนำไปทำเป็นสารคดีในอนาคต แถมบอกว่าดราม่าเหล่านี้มีความน่าสนใจมากกว่าเรื่องราวในภาพยนตร์เสียอีก และดูเหมือนว่าเหล่านักวิจารณ์ก็จะเห็นด้วยเรื่องที่ว่า Don’t Worry Darling ยังเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ดีพอ โดยนักวิจารณ์จาก Entertainment Weekly (EW) อย่าง Leah Greenblatt ได้วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้เอาไว้ว่า

Pugh นักแสดงชาวอังกฤษวัย 26 ปี… อินเข้าไปในตัวละครทำให้ Alice มีชีวิตขึ้นมา ทว่าบทภาพยนตร์ยังขาดๆ เกินๆ และอย่างน้อย Harry Styles ก็ดูยอดเยี่ยมในชุดสูท แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิดเกี่ยวกับความรัก โครงสร้างทางเพศ และการใช้ชีวิตในยุคสมัยใหม่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกอย่างให้อารมณ์เหมือนหุ่นยนต์ ทั้งหมดมันไร้สาระและโอ่อ่า (หมายถึงมีแต่ความหรูหราแต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น) และในตอนจบก็ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

แต่ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนที่ไม่ชอบ เพราะคนที่สนุกเพลิดเพลินไปกับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน Stephanie Zacharek นักวิจารณ์จากนิตยสาร Time ได้คิดว่าข้อดีของ Don’t Worry Darling จะเข้ามาแทนที่ข่าวดราม่าหรือตราบาปที่หนังกำลังเผชิญอยู่ โดยเขาได้กล่าวว่า

Don’t Worry Darling ไม่สำคัญว่าคุณจะยืนอยู่ที่ใดในเรื่องชีวิตส่วนตัวของ Olivia Wilde หรือว่าคุณคิดอย่างไรกับความทะเยอทะยานของเธอ แต่ต้องตัดสินมันด้วยตัวของมันเอง และก็มีข้อดีอยู่บ้าง… โครงเรื่องดำเนินไปอย่างชาญฉลาด มีการหักมุมสไตล์ M. Night Shyamalan ที่ดีกว่าการหักมุมของ Shyamalan แทบทุกเรื่อง ยกเว้นใน The Sixth Sense และอย่างน้อยก็มีต้นกำเนิดของความคิดอันชาญฉลาดที่เป็นหัวใจของภาพยนตร์เรื่องนี้

Don’t Worry Darling มีกำหนดการเข้าฉายในบ้านเราวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ (เข้าช้ากว่าอเมริกา)