Elvis และ Top Gun: Maverick กำลังแข่งขันเพื่อชิงที่ 1 บนบ็อกซ์ออฟฟิศประจำสัปดาห์นี้

นี่คือการประลองแห่งศตวรรษที่ 20 ภาพยนตร์ของคน Baby Boomer เรื่อง Elvis จะต้องแข่งขันกับภาพยนตร์ภาคต่อของคน Gen X เรื่อง Top Gun: Maverick เพื่อแย่งชิงอันดับ 1 เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ในอเมริกาสูงที่สุดประจำสัปดาห์นี้

1

Elvis ภาพยนตร์ชีวประวัติของผู้กำกับ Baz Luhrmann จะเล่าเรื่องราวของ “King of Rock and Roll” หรือ “ราชาร็อกแอนด์โรล” อย่าง Elvis Presley ซึ่งมีการคาดเดาว่าจะสามารถทำเงินได้ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 3,906 โรงในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว และถ้าหากทำเงินได้ตามที่คาดไว้จริงๆ นี่จะกลายเป็นการเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จที่สุดเป็นอันดับ 2 ของผู้กำกับ Baz Luhrmann เป็นรองเพียง The Great Gatsby ในปี 2013 ที่สามารถเปิดตัวสัปดาห์แรกได้ด้วยรายได้ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์เรื่อง Elvis นำแสดงโดย Austin Butler และ Tom Hanks นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีโอกาสทำลายสถิติการเปิดตัวในประเทศของภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แฟรนไชส์สูงที่สุด นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรค Covid-19 ซึ่งตอนนี้อันดับ 1 เป็นของ The Lost City ของ Paramount Pictures ที่เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยทำรายได้เปิดตัวสัปดาห์แรกไว้ที่ 30.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่มั่นคงสำหรับ Elvis จากสตูดิโอ Warner Bros. ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการวิจารณ์ในแง่บวกจากบรรดานักวิจารณ์ โดยส่วนใหญ่ต่างชื่นชมการแสดงของ Austin Butler ในบทบาท Elvis Presley หัวหน้านักวิจารณ์ภาพยนตร์ของ Variety ได้เขียนถึงการแสดงของ Austin Butler ว่า “เขามีสายตาที่ยั่วยวน ปากที่อวบอิ่ม และการเคลื่อนไหวอย่างกับเป็นราชาไฟฟ้าสถิต” ภาพยนตร์เรื่อง Elvis ได้รับคะแนนบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 78% ในฝั่งนักวิจารณ์ และ 94% ในฝั่งผู้ชม และยังได้คะแนนบทเว็บ CinemaScore อยู่ที่ระดับ A-

2

Elvis จะต้องกวาดรายได้อีกมากเนื่องจากมีทุนสร้างสูงถึง 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาวมากถึง 159 นาที (2 ชั่วโมง 39 นาที) ซึ่งมีความยาวมากกว่าอันดับ 1 ของสัปดาห์ที่แล้วอย่าง Jurassic World Dominion เพียง 12 นาที และเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของไอคอนแห่งยุค 60s จึงคาดหวังว่าจะฉายให้กับคนที่ทันในยุคนั้น โดยจำนวนผู้ชม 60% ล้วนแต่อายุมากกว่า 35 ปี และคำพูดจากปากต่อปากได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้

แม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง Elvis จะเปิดตัวได้ดีในระดับปานกลาง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงชันในการครองตำแหน่งอันดับ 1 ในบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกา ต้องแข่งขันกับทั้ง Jurassic World Dominion, Lightyear และภาพยนตร์ที่มาแรงสุดๆ ในตอนนี้อย่าง Top Gun: Maverick ที่แม้ว่าจะฉายมาเกิน 1 เดือนแล้วแต่ก็ยังดึงดูดผู้ชมได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Elvis ยังต้องแข่งขันกับภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง The Black Phone ที่พึ่งเข้าฉายในสุดสัปดาห์นี้ นำแสดงโดย Ethan Hawke และกวาดรายได้ไปแล้ว 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยทาง Universal Pictures คาดการณ์ว่าภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องนี้จะสามารถทำเงินได้ทั้งหมด 23.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากโรงภาพยนตร์ 3,150 โรงในสุดสัปดาห์นี้

3

ภาพยนตร์เรื่อง The Black Phone มีโอกาสสร้างผลกำไรที่ดีด้วยงบประมาณเพียง 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ไม่รวมต้นทุนการตลาดและการจัดจำหน่าย) ซึ่งเป็นไปตามหลักของ Blumhouse Productions สตูดิโอผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนสูงหลายเรื่อง ได้แก่ Get Out (2017), Happy Death Day (2017) และ Ma (2019) โดยภาพยนตร์เรื่อง The Black Phone ได้รับคะแนนวิจารณ์บนเว็บ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 84% ในฝั่งนักวิจารณ์ และ 90% ในฝั่งผู้ชม และยังได้คะแนนบทเว็บ CinemaScore อยู่ที่ระดับ B+

ส่วนในด้านของ Top Gun: Maverick ที่เข้าฉายมานานกว่า 5 สัปดาห์ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกจากโรงภาพยนตร์ เนื่องจากภาพยนตร์ภาคต่อของ Tom Cruise เรื่องนี้ยังคงทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง และทางสตูดิโอผู้สร้างอย่าง Paramount Pictures ก็คาดหวังที่จะทำรายได้ให้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขึ้นเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุดประจำปี 2022 สุดท้ายแล้วในสัปดาห์นี้ Elvis ที่พึ่งเปิดตัวในสัปดาห์นี้ จะสามารถเอาชนะภาพยนตร์เหล่านี้ได้หรือไม่ ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป ส่วนใครที่ยังไม่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ในบ้านเราเข้าฉายแล้ว สามารถไปดูกันได้แต่มีรอบฉายแค่เพียงบางโรงเท่านั้น

ที่มา: Variety
ชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ เพราะหนังให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
0 ความคิดเห็น

คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้

poster
Elvis

เอลวิส

Jun 22, 2022

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวจัดอันดับ

ประจำเดือนนี้