ล่าสุด David Zaslav ประธานบริษัทของ Warner Bros. Discovery ได้ออกมายืนยันว่า ภาพยนตร์เรื่อง The Flash ที่มีกำหนดการฉายในปี 2023 จะยังคงปลอดภัยและได้ไปต่อ หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Batgirl เพิ่งถูกยกเลิกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

การประกาศของ Warner Bros. Discovery เมื่อไม่กี่วันก่อนได้สร้างความแตกตื่นไปทั่วทั้งฮอลลีวูดและฐานแฟน ๆ ของ DC หลังจากที่ได้มีการประกาศว่าภาพยนตร์เรื่อง Batgirl ถูกระงับโดยไม่มีแผนที่จะออกฉายในโรงภาพยนตร์หรือทาง HBO Max ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยคู่หูผู้กำกับที่กำลังมาแรงอย่าง Adil El Arbi และ Bilall Fallah จาก Bad Boys for Life (2020) และซีรีส์ Ms. Marvel นำแสดงโดย Leslie Grace นักแสดงดาวรุ่งจาก In the Heights (2021) ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการคาดหวังอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการพัฒนาที่ยาวนาน ดังนั้น การยกเลิกในครั้งนี้จึงส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อทั้งผู้ชมและผู้ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เกิดการอภิปรายอย่างดุเดือดทางออนไลน์ เนื่องจากหลายคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้

หลังจากการคาดเดามากมาย ทางสตูดิโอ Warner Bros. ก็ได้ออกคำพูดอย่างเป็นทางการโดยระบุว่าการตัดสินใจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงผู้นำของสตูดิโอ ซึ่งตอนนี้ผู้นำคือสตูดิโอ Warner Bros. Discovery ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ และพวกเขาได้วางกลยุทธ์ใหม่เพื่อมุ่งเน้นเฉพาะโครงการที่มีความสำคัญและเน้นไปที่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ หลังจากนั้น David Zaslav ผู้บริหารของ Warner Bros. Discovery ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ โดยเขาได้บอกว่า พวกเขาจะไม่ปล่อยภาพยนตร์ใดๆ ออกมาจนกว่าพวกเขาจะมั่นใจว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นดีพอสำหรับผู้ชม กลยุทธ์ของ Warner Bros. Discovery ทำให้แฟนๆ เริ่มกังวลว่าโปรเจกต์อื่นๆ ของจักรวาล DC Extended Universe (DCEU) เช่น The Flash ที่อาจจะเผชิญชะตาเดียวกันกับ Batgirl เนื่องจากนักแสดงนำอย่าง Ezra Miller ถูกจับกุมหลายครั้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในข้อหาประพฤติมิชอบและทำร้ายร่างกาย แฟนๆ จึงกังวลว่าทางสตูดิโอจะยกเลิก The Flash ด้วยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับใหม่ของ The Hollywood Reporter (THR) ได้มีการระบุว่า แม้จะมีเรื่องข่าวฉาวของ Ezra Miller แต่ภาพยนตร์เรื่อง The Flash ยังไม่ตกอยู่ในอันตรายและยังคงได้ไปต่อ ซึ่ง David Zaslav ได้กล่าวว่า เขาตื่นเต้นกับภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึง Black Adam และ Shazam: Fury of The Gods อย่างไรก็ตาม เขากำลังพิจารณาที่จะปรับแต่งองค์ประกอบบางอย่างเพื่อทำให้ The Flash เป็นงานภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดย David Zaslav ได้อธิบายว่า

เราตื่นเต้นมากเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องที่เหลือ เราได้ดูภาพยนตร์เหล่านั้นแล้ว [The Flash, Black Adam, Shazam: Fury of The Gods และ Aquaman and the Lost Kingdom] เราคิดว่าทั้งหมดนั้นยอดเยี่ยม และเราคิดว่าเราสามารถทำให้พวกเขาดียิ่งขึ้นไปอีกได้

แม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง The Flash จะดูปลอดภัยจากการถูกยกเลิก แต่อนาคตในจักรวาล DCEU ของ Ezra Miller ก็ยังคงตกอยู่ในอันตราย แม้กระทั่งก่อนเกิดประเด็นเรื่อง Batgirl บทบาท Barry Allen ของ Ezra Miller ก็ไม่ได้มั่นคงอยู่แล้ว เนื่องจากข้อกล่าวหาของเขาเมื่อไม่นานมานี้ ได้ส่งผลให้แฟนๆ ทั่วโลกออกมาเรียกร้องให้ทางสตูดิโอเปลี่ยนตัวนักแสดงใหม่ แถมเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเปิดตัวแคมเปญเรียกร้องให้นักแสดงคนอื่นมารับบท The Flash แทนเขา โดยมีนักแสดง 3 คนที่แฟนๆ อยากให้มารับบทนี้ ได้แก่ Elliot Page, Dylan O’Brien และ Grant Gustin ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนผู้บริหารของ Warner Bros. Discovery จะส่งผลต่อภาพยนตร์อย่างไร แต่เมื่อพิจารณาจากบทสัมภาษณ์ของ David Zaslav ที่บอกว่าเขาต้องการปรับปรุงภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่า The Flash อาจถูกเลื่อนการฉายออกไปอีก

แม้ว่าสตูดิโอ Warner Bros. Discovery จะเปิดตัวภาพยนตร์ The Flash ได้ตามแผนโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใดๆ ในปี 2023 แต่มีแนวโน้มว่าสตูดิโอจะประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับแฟรนไชส์หลังจากการฉายรอบปฐมทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตัวละคร Barry Allen ขึ้นมาใหม่ หรือใช้ประโยชน์จากมัลติเวิร์สเพื่อแนะนำตัวละครเวอร์ชันอื่นก็ย่อมทำได้ เดิมทีแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง The Flash ได้รับการจัดเตรียมเพื่อปูทางไปสู่แฟรนไชส์ใหม่ โดยในตอนแรก Sasha Calle กำลังจะได้แสดงนำในภาพยนตร์เดี่ยวของตัวเองเรื่อง Supergirl แต่รายงานล่าสุดที่ออกมาได้ระบุว่าแผนเหล่านั้นถูกลดทอนลง ผู้บริหารคนใหม่อ้างว่ามีแผน 10 ปีที่เหมาะสมสำหรับจักรวาล DCEU แต่ด้วยความที่ขาดข้อมูลเฉพาะเจาะจง จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาได้ว่าฮีโร่และวายร้ายที่ก่อตั้งมาในแฟรนไชส์นี้จะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอนาคตของจักรวาล DCEU จะเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามกันต่อไป