Harry Potter ฉบับรีบูต จะสามารถดึงดูดฐานแฟนๆ ที่รู้สึกเห็นต่างกับกรณีของ J. K. Rowling ได้หรือไม่? และมันจะไปไกลได้ถึงขนาดไหน?

Harry Potter ฉบับรีบูตจะถูกทำใหม่ด้วยความคิดถึงหรือไม่?

Screen Shot 2566-04-22 at 14

แฟรนไชส์ Harry Potter ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ J.K. Rowling และ Warner Bros. Discovery มีความภูมิใจที่จะกล่าวว่าทุกอย่างจะถูกดำเนินการไปตามปกติ ขอบคุณมาก อย่างไรก็ตาม แฟรนไชส์ของ Harry Potter ไม่ด้พูดความจริงทั้งหมด

แม้จะมีวิดีโอเกมที่ขายดีที่สุด และคำมั่นสัญญาของซีรีส์ความยาว 7 ซีซัน เรื่องใหม่ แต่แฟรนไชส์นี้ก็มีปัญหาที่ทำให้หลายคนต้องเลิกติดตามในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เนื่องจากมุมมองของ Rowlin เกี่ยวกับสิทธิของคนข้ามเพศซึ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ แฟนๆ หลายคนยินดีที่จะสนับสนุนผลงานของเธอต่อ แต่บางส่วนก็รู้สึกได้ถึงการที่เธอเป็นภัยคุกคมต่อสิทธิมนุษยชนทั่วโลก แต่เธอก็ยังคงมีส่วนร่วมอย่างมากในทุกโปรเจ็กต์ที่เกี่ยวข้องกับ Harry Potter ที่ออกมา

Rowling มีฐานแฟนคลับจำนวนมากที่แปลกแยกออกไป กล่าวคือเธอทำให้แฟนๆ ที่เห็นต่าง และแฟนที่สนับสนุนเธอได้เห็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ถูกทารุณกรรม ซึ่งเราได้รู้ต่อมาว่าเขาเป็นพ่อมด และต้องการจะปกป้องโลก ถึงอย่างนั้นความคิดถึงที่มีต่อแฟรนไชส์ Harry Potter ก็ยังคงแข็งแกร่ง ร้านค้ายังคงขายสินค้าได้มากมายเกี่ยวกับเด็กชายผู้รอดชีวิต และไม่ว่าจะแปลกหรือไม่ก็ตาม แฟนๆ หลายคนไม่สามารถละทิ้งความรักที่เคยมีต่อฮอกวอตส์ และสภาพแวดล้อมที่เป็นภาพจำได้ ความคิดถึงนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ Warner Bros. Discovery ตัดสินใจดัดแปลงนิยายต้นฉบับทั้ง 7 เล่มของ Rowling เป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์

แต่ความคิดถึงจะมากพอที่จะทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นจริงหมือไม่? มีความรักมากแค่ไหนสำหรับโปรเจ็กต์ใหม่ของ Potter? การรีบูต Harry Potter เป็นสิ่งที่แฟนๆ ต้องการจากแฟรนไชส์นี้จริงหรือ? และท้ายที่สุดมันสำคัญขนาดนั้นหรือไม่?

จำนวนของแฟรนไชส์ Hogwarts Legacy และ Fantastic Beasts ได้บอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกันทั้ง 2 เรื่อง

Screen Shot 2566-04-22 at 14

สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ต้องทำความเข้าใจว่าซีรีส์ Harry Potter สามารถคงอยู่ในหัวใจ และความคิดถึงของแฟนๆ ได้อย่างไร คือมันไม่เคยจบลงอย่างแท้จริง แน่นอนว่าหนังสือเล่มสุดท้ายของเทพนิยายดั้งเดิมอย่าง Harry Potter and the Deathly Hallows ที่ออกมาในปี 2007 สำหรับภาพยนตร์ ยังมี Daniel Radcliffe แสดงเป็นพ่อมดเด็กที่มีชื่อเสียงอย่าง Harry Potter และ Harry Potter and the Deathly Hallows พาร์ท 2 ก็ได้รับการเผยแพร่เมื่อปี 2011

อย่างไรก็ตาม Rowling ยังคงรักษาแฟรนไชส์นี้ไว้ได้ผ่านการตีพิมพ์หนังสือในจักรวาลนี้ เช่น The Tales of Beedle the Bard และผ่านทางเว็บไซต์ Pottermore ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว คำอธิบายตัวละคร และแบบทดสอบบุคลิกภาพที่สัญญาว่าจะให้ผู้อ่านเลือกบ้านฮอกวอตส์ หรือเลือกไม้กายสิทธิ์ Pottermore ได้ทำมากกว่านั้นเล็กน้อย เพื่อให้เปลวไฟของ Harry Potter ยังคงสว่างสไวต่อไป

แต่โปรเจ็กต์ที่เป็นที่จดจำที่สุดที่ออกมาจากแฟรนไชส์คือภาพยนตร์เรื่อง Fantastic Beasts and Where to Find Them และวิดีโอเกม Hogwarts: Legacy ซึ่งเป็นหนึ่งในนิทานและเรื่องราวความสำเร็จของแฟรนไชส์

Screen Shot 2566-04-22 at 14

ภาพยนตร์ชุด Fantastic Beasts นำแสดงโดย Eddie Redmayne รับบทเป็น Newt Scamander นักสะสมสัตว์มหัศจรรย์ที่ถูกมองว่าเป็นพรีเควลของซีรีส์ Harry Potter โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่การกำเนิดขึ้นของพ่อมดแห่งศาตร์มืดอย่าง Gellert Grindelwald ที่รับบทโดย Colin Farrell/Johnny Depp และ Mads Mikkelsen ภาพยนตร์เรื่องแรกออกฉายในปี 2016 และได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักวิจารณ์ และผู้ชม แต่เนื่องจากปัญหาตั้งแต่การเล่าเรื่องที่ไม่ดี ไปจนถึงพฤติกรรมที่น่าสงสัยของคนที่อยู่ทั้งหน้าและหลังกล้อง ภาคที่ 2 และ 3 ของแฟรนไชส์จึงไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งทำรายได้ต่ำในบ็อกซ์ออฟฟิศ โดยตอนแรกมีการกำหนดไว้ว่าจะมีความยาวถึง 5 ภาค แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีวี่แววของภาพยนตร์ลำดับที่ 4 และ 5 ออกมาให้เราได้เห็น

การรีบูต Harry Potter เป็นสิ่งที่แฟนๆ ต้องการหรือไม่?

Screen Shot 2566-04-22 at 14

ถึงอย่างนั้น Harry Potter ก็ถูกรีบูตตามที่แฟนๆ ต้องการหรือเปล่า? นับตั้งแต่นิยายเกี่ยวกับพ่อมดโด่งดังขึ้นเป็นครั้งแรก แฟนๆ ต่างขอร้องให้ขยายจักรวาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Potterheads ที่หลายๆ คนรอคอยที่ถูกทำออกมาเป็นตอนสั้นๆ ที่เรื่องราวพุ่งประเด็นไปที่เพื่อนซี้ทั้ง 4 คนนำโดยพ่อของ Harry Potter อย่าง James Potter รับบทโดย Adrian Rawlins และเพื่อนๆ ของเขา Remus Lupin รับบทโดย David Thewlis, Sirius Black รับบทโดย Gary Oldman และ Peter Pettigrew รับบทโดย Timothy Spall เรื่องราวจะเป็นการติดตามพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาในฮอกวอตส์ และการขึ้นสู่อำนาจครั้งแรกของ Lord Voldemort ที่รับบทโดย Ralph Fiennes

คำขอทั่วไปอื่นๆ รวมถึงภาพยนตร์ หรือรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับการก่อตั้งฮอกวอตส์ หรือเกี่ยวกับลูกๆ ของตัวเอกของซีรีส์ คำขอเหล่านี้ได้รับการตอบสนองเมื่อไม่กี่ปีก่อนเมื่อละครเวที Harry Potter and the Cursed Child เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ West End และ Broadway แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับแฟนๆ จนถึงตอนนี้ หรืออย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มีแผนสำหรับภาพยนตร์ Harry Potter and the Cursed Child หรือเวอร์ชันโทรทัศน์ก็ตาม

แต่หากเราได้เห็นวาทกรรมของ Harry Potter ก่อนปี 2023 ทางออนไลน์ คุณจะได้เห็นความต้องการที่มีความหมายสำหรับซีรีส์ทางโทรทัศน์ที่สร้างจากหนังสือต้นฉบับทั้ง 7 เล่ม และนั่นเป็นเพราะหนังสือได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในระหว่างปี 2001 ถึง 2011 มหากาพย์ Harry Potter ประสบความสำเร็จอย่างมากโดยภาพยนตร์ 3 ใน 8 เรื่องติด 100 เรื่องที่ทำรายได้สูงสุดตลอดการโดยอิงจาก Box Office Mojo

นอกเหนือจากผลตอบแทนทางการเงินแล้ว นักแสดงและรูปลักษณ์โดยรวมของภาพยนตร์ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้นึกถึง Harry Potter ในปัจจุบัน เมื่อไหร่ก็ตามที่เรานึกถึง Boy-Who-Lived ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของ Daniel Radcliffe คือสิ่งที่นึกถึง ศาสตราจารย์ Snape ก็คือ Alan Rickman, Hagrid ก็คือ Robbie Coltrane และอื่นๆ อีกมากมาย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ภาพยนตร์ออริจินัลแต่ดัดแปลงจากหนังสือ แต่การสร้างบทบาทใหม่เหล่านี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับการนำ Luke Skywalker ที่รับบทโดย Mark Hamill มาสร้างใหม่ นั่นคือรู้สึกผิด ตัวละครเหล่านี้ไม่ใช่ตัวละครที่ไร้ใบหน้าเหมือนกับฮีโร่ แต่เป็นตัวละครที่ฝังรูปลักษณ์เอาไว้อย่างแน่นหนา และสามารถครองใจผู้ชมทั่วโลกไว้ได้

ความคิดถึงเป็นสิ่งที่ Warner Bros. Discovery ทำให้ซีรีส์เกิดขึ้นจริงหรือไม่?

Screen Shot 2566-04-22 at 14

ด้วยเหตุนี้ ซีรีส์ทางโทรทัศน์ของ Harry Potter จะสามารถสร้างรายได้จากปัจจัยแห่งความคิดถึงได้หรือไม่? ในแง่หนึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นตลาดสำหรับเรื่องราวในฮอกวอตส์ J.K. Rowling ทำเพื่อแยกฐานแฟนคลับของเธอ ในทางกลับกันแฟนๆ ไม่ได้คิดถึงแต่หนังสือของเธอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาพยนตร์ที่กำกับโดย Chris Columbus, Alfonso Cuarón, Mike Newell และ David Yates อีกด้วย ความพยายามที่ภาพยนตร์จะถูกแทนที่ด้วยรูปแบบอื่นๆ ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง อย่างน้อยๆ ก็เรื่องที่แฟนๆ รุ่นเก่าแสดงความกังวลออกมา

แต่บางทีการคิดเล็กน้อยกับเรื่องทั้งหมดนี้ บางที Warner Bros. Discovery อาจไม่ได้พยายามหาเงินจากความคิดถึง แต่เพื่อสร้าง Potterheads รุ่นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อดึงดูดผู้ชมอายุน้อยที่เข้าไม่ถึงความหมายในสิ่งที่ Rowling พูดถึงเพศอื่นๆ ผู้ชมอายุ 11 ขวบที่ตกหลุมรัก Harry Potter ในปัจจุบันคงไม่ต่างจากแฟนเกม Ender’s หลายคนที่เติบโตมาและพบว่า Orson Scott Card เป็นพวกรักร่วมเพศ เมื่อถึงเวลาที่เด็กๆ รุ่นนี้โตพอที่จะเข้าใจกับเรื่องราวที่ Rowling เคยพูด พวกเขาก็คงใช้เงินไปจำนวนมากกับสินค้า Potter และเมื่อพิจารณาถึงแฟรนไชส์ว่ามีท่าทีอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิของคนข้ามเพศ ยังคงเป็นบทสรุปที่น่าเจ็บปวด แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของแฟรนไชส์ก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้น

แล้วผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ คอมเมนต์พูดคุยกันได้ด้านล่างนี้นะคะ👇🏼💭

ที่มา: Collider
0 ความคิดเห็น

คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้

poster
Harry Potter and the Philosopher's Stone

แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์

Nov 16, 2001

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวจัดอันดับ

ประจำเดือนนี้