Glass Onion กับการกล่าวถึงวัฒนธรรมของผู้มีอิทธิพลจอมปลอมที่น่าขัน
Knives Out ของ Rian Johnson เป็นเรื่องราวยอดเยี่ยมที่ให้ความลึกลับที่น่าค้นหาเกี่ยวกับเรื่องราวการสืบสวนสอบสวนแบบคลาสิกและเรื่องราวของ Agatha Christie
แม้ว่าภาพยนตร์ประเภทนี้จะฟื้นคืนชีพในช่วงทศวรรษที่ 1980 ด้วยเบาะแสแต่ส่วนใหญ่ถือว่าเป็นภาพยนตร์สไตล์โบราณที่ไม่เชื่อมโยงกับผู้ชมยุคใหม่อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม Johnson ได้ทำให้เรื่องราวประเภทนี้สนุกอีกครั้งด้วยคำวิจารณ์ในแง่ดีและครึกโครมซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเหลื่อมล้ำทางความมั่งคั่ง ความสมบูรณ์ทางศิลปะ และประสบการณ์ของผู้อพยพ ภาคต่อที่ยอดเยี่ยมอย่าง Glass Onion: A Knives Out Mystery ได้สานต่อบทวิจารณ์นี้ด้วยการสำรวจที่ตลกขบขันเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของวัฒนธรรมผู้ทรงอิทธิพล
Glass Onion คืออะไร?
หลังจากเหตุการณ์ใน Knives Out ภาคแรก นักสืบ Benoit Blanc รับบทโดย Daniel Craig เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม Blanc ก็ได้รับโอกาสในการไขคดีใหม่ เมื่อเขาได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมงานปาร์ตี้ปริศนาการฆาตกรรมที่จัดขึ้นโดยมหาเศรษฐีอัจฉริยะด้านเทคโนโลยีอย่าง Miles Bron รับบทโดย Edward Norton Blanc รู้สึกเหมือนปลาขาดน้ำในหมู่แขกของ Bron แขกผู้เข้าร่วมที่เหลือล้วนแต่เป็นผู้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมของตนเอง Bron ได้เชิญผู้ว่าการรัฐคอนเนตทิคัต Claire Debella รับบทโดย Kathryn Hahn, นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่บริษัทของเขาอย่าง Lionel Toussaint รับบทโดย Leslie Odom Jr., ผู้สร้างวิดีโอไวรัล Duke Cody รับบทโดย Dave Bautista, แฟนสาวของ Dave ชื่อ Whiskey รับบทโดย Madelyn Kline, ดีไซเนอร์ Birdie Jay รับบทโดย Kate Hudson และผู้ช่วยของ Birdie อย่าง Peg รับบทโดย Jessica Henwick และ Andi Brand รับบทโดย Janelle Monáe อดีตหุ้นส่วนธุรกิจของ Miles ที่เขาไล่ออกจากบริษัทก็ตอบรับคำเชิญนี้อย่างน่าประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาแต่ละคนมีชื่ออยู่ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งยากที่ Miles บอกให้พวกเขาปิดโทรศัพท์ระหว่างงานปาร์ตี้ที่ถูกจัดขึ้น
Glass Onion ได้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโตในเดือนกันยายน 2022 ที่ผ่านมา และยังได้แสดงให้เห็นว่าตัวละครแต่ละตัวนั้นยึดติดกับชื่อเสียงของตนอย่างไรเพื่อเชื่อมโยงกัน
Glass Onion เปิดเผยสิ่งที่เรียกว่าอิทธิพลนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา
ตัวละครที่ดูจะไร้สาระที่สุดใน Glass Onion คือ Miles ซึ่งเป็น ‘ตัวก่อกวน’ อย่างแท้จริง เขาอธิบายตัวเองว่าภูมิใจในความสามารถของตัวเองในการสร้างปรากฎการณ์ Blanc รู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาได้เห็นเหตุการณ์สุดขั้วที่ Miles ทำเรื่องความคิดเกี่ยวกับงานปาร์ตี้ของเขาเอง ในบรรดาสิ่งของที่เขาสะสมไว้คือภาพวาดโมนาลิซาของจริง เป็นสิ่งเดียวที่ Miles ทำเพื่อพิสูนจ์ว่าเขาได้รับรางวัลทั้งหมดจากการบริจาคแม้ว่า Miles จะไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล แต่เขาก็ช่วยสร้างอาชีพให้กับตัวละครอื่นๆ ซึ่งได้ส่งผลกระทบให้กับสังคมทุกๆ ด้าน Miles มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองที่สกปรก โครงการเงินต่างประเทศ ความเป็นภัย และการขาดความเชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์
หลังจากการพูดทักทายแขกของเขา Miles ต้องการให้แขกทุกคนได้เล่นเกมไขปริศนาฆาตกรรมซึ่งใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการคิดเกมนี้ขึ้นมาแต่ Blanc ได้ไขปริศนานี้อย่างง่ายดายโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ส่งผลให้แผนการทั้งหมดของ Miles ผิดพลาดไปทั้งหมด
หากดูหลายๆ ด้านแล้ว Miles เป็นคนที่มีความตรงกันข้ามกับ Blanc อย่างมากซึ่ง Blanc ไม่ได้ต้องการความพึงพอใจในตนเองสิ่งเดียวที่เขาต้องการคือการเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้น หลังจากการย้อนอดีตได้เผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของ Blanc กับ Andi Brand ที่มีการเปิดเผยว่า Miles ได้ทำการฆ่าหุ้นส่วนของเขาและขโมยแนวคิดเบื้องหลังเทคโนโลยี Alpha สิ่งนี้ไม่เพียงแต่น่าอายสำหรับคนอย่าง Miles ที่ยึดติดกับความเหนือกว่าคนอื่นๆ แต่ Lionel ก็ได้เปิดเผยว่าอุปกรณ์ดังกล่าวอาจระเบิดได้ และ Miles เต็มใจที่จะทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกอยู่ในอันตรายก่อนที่จะยอมรับว่าเขาทำพลาด
สิ่งนี้ถูกเปิดเผยต่อผู้ชมในบทการพูดคนเดียวที่น่าทึ่งของ Blanc เกี่ยวกับแผนของ Miles ที่ฟังดูโง่เง่ามากเพียงใด สิ่งเดียวที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือความเขลาที่แท้จริงของผู้ที่กระทำความผิด ในขณะที่คำอธิบายของ Blanc นั้นเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่คำถามที่ลึกซึ่งยิ่งกว่านั้นคือเรื่องเกี่ยวกับผู้คนที่ถูกครอบงำโดยความมีอิทธิพลของ Miles และโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยี จะเป็นอย่างไรหากวิธีการแก้ปัญหาที่ดูเหมือนจะง่ายนี้แผงมาด้วยสิ่งที่ผู้มีอิทธิพลยืนคุมอยู่เบื้องหลัง สิ่งที่น่ากังวลใจมากกว่าเกี่ยวกับแผนการของ Miles คือการให้เพื่อนๆ ของเขาขายตัวตนของตัวเองเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง
Glass Onion เป็นเพียงการล้อเลียนผู้มีอิทธิพลในปัจจุบัน
เพื่อนๆ ทุกคนของ Andi ปฏิเสธที่จะปกป้องเธอจาก Miles เพราะพวกเขาให้การสนับสนุนโครงการนี้ต่อสาธารณชน ไม่ว่าจะเป็นการหาเสียงทางการเมืองของ Claire, ช่องทางการสร้างรายได้ของ Duke และชื่อเสียงด้านวิชาชีพของ Lionel ทั้งหมดนี้อาจพังทลายได้เพียงชั่วข้ามคืน Birdie ก็ตกอยู่ในอันตรายเหมือนกัน เพราะ Miles รู้ว่าไลน์ผลิตแฟชันของเธอถูกพัฒนาโดยร้านขายเสื้อวอร์มผิดกฎหมาย แม้ว่าองค์ประกอบต่างๆ จะดูเป็นเพียงฉากแต่มันก็ไม่เกินจริงที่จะถูกควบคุมจากคนกุมความลับเอาไว้
จะมีผู้ลงเล่นการเมืองกี่คนที่เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งอย่าง Claire? ซึ่ง Claire เองก็ได้กล่าวในรายการข่าวอย่างกระตือรือร้นถึงบางสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ Miles ทำ ซึ่งนั่นทำให้เธอมีความผิดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการปิดบังอาชญากรรมของ Miles เพื่อปกป้องชื่อเสียงของเอเอง นั่นคือความปลอมเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ด้านการงานของเธอ
แล้วจะมีแบรนด์แฟชันกี่แบรนด์ที่ได้ประโยชน์จากการทำงานผ่านแรงงานข้ามชาติที่ถูกทารุณกรรม? จากช่วงเวลาที่น่ารังเกียจต่างๆ ของ Birdie เห็นได้ชัดว่าเธอเพียงขอโทษแบบส่งๆ เธอเปิดแบรนด์ของตัวเองด้วยการใช้ประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติอย่างผิดกฎหมายถึงแม้ว่า Peg จะพยายามปกป้องเธอจาก Miles เพื่อรักษาอาชีพการงานแล้วก็ตาม
Glass Onion กล่าวถึงคนดังที่ร่วมสมัยค่อนข้างน้อย
แม้ว่าภาคก่อนหน้านี้จะมีการแนะนำตัวละครที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนักเขียนลึกลับผู้ทรงอิทธิพล และครอบครัวสุดประหลาดของพวกเขา แต่ใน Glass Onion ได้นำจักรวาลของ Knives Out มาอยู่ในวัฒนธรรมสมัยนิยมของเราด้วยความช่วยเหลือจากคนมีชื่อเสียง ในฉากที่น่าสะเทือนใจที่สุดฉากหนึ่งในตอนต้นของภาพยนตร์ Blanc ได้เข้าร่วมการโทรผ่าน Zoom กับเพื่อนคนดังของเขาอย่าง Stephen Sondheim, Angela Lansbury, Kareem Abdul-Jabbar และ Natasha Lyonne เพื่อเล่นเกมซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขบขันที่มีการพูดถึงการจากไปของทั้ง Sondheim และ Lansbury เมื่อไม่นานมานี้
เราได้รับการอ้างอิงมากขึ้นถึงผู้มีอิทธิพลตัวจริงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในภายหลังไม่ว่าจะเป็น Kombucha ของ Jared Leto และซอสเผ็ดของ Jeremy Renner ซึ่งมีการกล่าวอย่างตลกๆ ที่บ่งบอกว่าผู้มีอำนาจในการให้ความช่วยเหลือผู้อื่นด้วยทรัพยากรของพวกเขานั้นกำลังเสียเวลาไปกันการพัฒนาเนื้อหาที่มีตราสินค้าของตนเองอยู่ อย่างไรก็ตามซอสเผ็ดของ Renner มีบทบาทสำคัญในเรื่องราวด้วย Blanc ต้องใช้ซอสนี้เพื่อแกล้งทำเป็นเลือดเมื่อตอนที่ Helen ถูกยิง และในการทำให้ตัวเองร้องไห้ต่อหน้า Miles ให้ได้
สิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลอ้างอิงที่น่าขันซึ่งไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริงมากจนเกินไป Jared Leto อาจไม่ได้พัฒนา Hard Kombucha ที่มีแอลกอฮอล์ 9% ที่ Andi ดื่มในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เขาเป็นที่รู้จักจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ไม่ธรรมดา ในทำนองเดียวกัน Renner อาจไม่ใช่ซอสเผ็ด แต่เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียส่วนตัวแปลกๆ ของเขาที่ทำให้เกิดความเดือดดาลเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ในขณะที่ Glass Onion ได้แสดงให้เห็นว่ามีตัวละคร แบรนด์ และข่าวที่เป็นกระแสเข้าร่วมมากมาย
Glass Onion เป็นวงจรแห่งการปกปิด
Duke เป็นตัวละครที่ใช้โอกาสเพื่อเกาะกระแสในการหาชื่อเสียงที่เขาได้รับจากโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่ง Duke เป็นคนที่ไปหา Andi ในคืนที่เธอถูกฆาตกรรม Duke เป็นเพียงคนเดียวที่อาจจะเต็มใจที่จะพูดต่อต้าน Miles และนั่นทำให้เขาต้องเสียชีวิต แต่เขาค่อนข้างจะผิดปกติ แม้แต่ Whiskey แฟนสาวของเขาก็เต็มใจที่จะเสียสละตัวเองเพื่ออาชีพทางการงานของเธอ
ความตึงเครียดใน Glass Onion เกี่ยวข้องกับการทำให้คนเหล่านี้รับผิดชอบต่ออาชญากรรมของพวกเขาเอง ในช่วงเวลาหนึ่งดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เนื่องจากตัวละครแต่ละตัวต้องการปกป้องชื่อเสียงของตัวเองในฐานะผู้มีอิทธิพลในแวดวงของตัวเองแทนที่จะยอมรับความผิดของ Miles ซึ่งเป็นการกล่าวถึงที่ค่อนข้างน่ารำคาญว่ากลุ่มผู้มีอำนาจเหล่านี้ยอมปกป้องชื่อเสียงของกันและกันอย่างไร ความยุติธรรมในตอนจบของภาพยนตร์คือการได้เห็น Birdie, Claire, Lionel และ Peg ปฏิเสธที่จะปกป้อง Miles ในที่สุด
การได้เห็นผู้มีความมั่งคั่งและผู้มีอำนาจต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชนนั้นเป็นหัวข้อที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในสื่อของปีนี้ Glass Onion จึงได้แสดงให้เห็นว่าผู้มีอิทธิพลนั้นล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีความปลอมเป็นเปลือกนั้นเป็นอย่างไร
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้