ภาพยนตร์เรื่อง Doctor Strange in the Multiverse of Madness ยังคงสามารถครองรายได้อันดับ 1 ของอเมริกาในสัปดาห์ที่ 2 หลังเปิดตัว แต่รายได้ประจำสัปดาห์นี้กลับลดลงจากรายได้สัปดาห์แรกมากที่สุดในภาพยนตร์ของจักรวาล Marvel Cinematic Universe (MCU)

ภาพยนตร์ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ออกฉายครั้งแรกในวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา (ไทยเข้าฉายวันที่ 4 พฤษภาคม) ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถเปิดช่วงฤดูร้อน (ของอเมริกา) ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยรายได้เปิดตัวในอเมิรกาสัปดาห์แรกสูงถึง 187 ล้านดอลลาร์ (6,493 ล้านบาท) และยังมากกว่ารายได้เปิดตัวสัปดาห์แรกของภาคแรกถึง 100 ล้านดอลลาร์ ทว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงอยู่แค่เพียงอันดับ 2 ของภาพยนตร์รายได้เปิดตัวสัปดาห์แรกสูงสุดประจำปี 2022 อันดับ 1 คือ The Batman ของจักรวาล DC ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ของจักรวาล MCU ที่เปิดตัวได้ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด Covid-19 เป็นรองแค่เพียง Spider-Man: No Way Home ที่ออกฉายเมื่อปลายปี 2021 ภาพยนตร์ MCU เริ่มกลับมาทำรายได้ดีขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่ Black Widow , Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings และ Eternals ที่สามารถทำรายได้ได้ดีพอสมควร ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าผู้คนเริ่มกลับมาดูหนังในโรงภาพยนตร์กันแล้ว อย่างไรก็ตาม Doctor Strange in the Multiverse of Madness มีคำวิจารณ์ที่ปะปนกันไป เพราะในเว็บไซต์ CnimaScore ภาพยนตร์เรื่อวนี้ได้คะแนนต่ำเป็นอันดับสองจากรั้งท้ายของภาพยนตร์ MCU ทุกเรื่อง และคำพูดจากปากต่อปากนั้นจะส่งผลกระทบต่อภาพยนตร์อย่างแน่นอนในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป

ตามรายงานของ Deadline ภาพยนตร์เรื่อง Doctor Strange in the Multiverse of Madness ทำรายได้น้อยลงถึง 67% ในสัปดาห์ที่ 2 หลังจากเปิดตัว แม้ว่าจริง ๆ แล้วสตูดิโออื่น ๆ จะคาดการณ์ว่ารายได้ในสัปดาห์นี้จะลดลงมากกว่า 68% ก็ตาม แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงสามารถครองอันดับ 1 รายได้สูงสุดประจำสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ประมาณ 61 ล้านดอลลาร์ (2,118 ล้านบาท) และทำให้รายได้รวมในอเมริกาเป็น 291 ล้านดอลลาร์ (10,105 ล้านบาท) ซึ่งรายได้ที่ลดลงนี้ทำให้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness กลายเป็นภาพยนตร์ที่รายได้ในสัปดาห์ที่สองหลังเปิดตัวลดลงสูงสุดเป็นอันดับ 2 เคียงข้างไปกับ Spider-Man: No Way Home และ Black Widow ส่วนอันดับ 1 คือ Hulk ที่ออกฉายในปี 2003

ในขณะที่ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ทำรายได้ลดลง 67% ในสัปดาห์ที่ 2 ซึ่งใกล้เคียงกับ Spider-Man: No Way Home ที่รายได้ลดลง 67.5% และ Black Widow ที่รายได้ลดลง 67.8% แต่ที่จริงแล้วตัวเลขพวกนี้ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะมันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อรายได้ที่ลดลง อย่าง Spider-Man: No Way Home ที่รายได้ลดลงเพราะออกฉายในวันศุกร์ที่ตรงกับวันหยุดคริสต์มาสอีฟ สัปดาห์แรกจึงมีรายได้สูงมาก ส่วนเรื่อง Black Widow ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของสตูดิโอที่ฉายบน Disney+ พร้อมกับโรงภาพยนตร์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สูญเสียรายได้ไปกว่า 600 ล้านดอลลาร์ จากการละเมิดลิขสิทธิ์

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ในอเมริกาสูงสุดอันดับที่ 17 ของภาพยนตร์ MCU แซงหน้ารายได้รวมของภาคแรกอย่าง Doctor Strange (2017) หลังจากเข้าฉายเพียง 10 วัน เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะยังสามารถครองตำแหน่งรายได้ในอเมริกาสูงสุดเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกันได้หรือไม่ และสุดท้ายแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำรายได้ทั่วโลกได้มากแค่ไหน คงต้องรอดูกันต่อไป