เมื่อ Jurassic Park เปิดตัวในปี 1990 และมันไม่ได้เป็นครั้งแรกที่จะมีสตูดิโอมีความคิดเกี่ยวกับการสร้างแฟรนไชส์ในทันทีโดยเฉพาะหนังของ Steven Spielberg และภาคต่อของนักเขียนบทอย่าง Michael Crichton ที่ดัดแปลงเป็นหนังภาคต่ออีก 5 ภาคก็ได้ออกฉายในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา โดยแฟรนไชส์นี้ทำรายได้ทะลุ 6 พันล้านดอลลาร์ในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก

ล่าสุด Jurassic World Dominion ถือเป็นจุดสุดยอดสำหรับทุกสิ่งก่อนหน้านั้น โดยการรวบรวมนักแสดงทั้งเก่าและใหม่เข้าเป็นหนึ่งเดียว แม้ว่าจะเป็นหนังใหญ่ของค่ายยักษ์อย่าง Universal และเป็นอันดับที่หกของแฟรนไชส์ทั้งหมด แต่ผู้กำกับ Colin Trevorrow ก็ออกมายอมรับความคิดเห็นของเขาว่าภาคต่อของแฟรนไชส์ไม่ควรเกิดขึ้น

Colin Trevorrow เปิดเผยกับ Empire ว่า:

ผมทำสิ่งที่แตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นโดยเฉพาะเพื่อเปลี่ยน DNA ของแฟรนไชส์ หนังห้าเรื่องก่อนหน้านี้เป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับไดโนเสาร์ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวละครในโลกที่พวกเขาอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์ เพื่อให้แฟรนไชส์สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ เพราะมันไม่มีแฟรนไชส์โดยเนื้อแท้ จริงๆ น่าจะมี Jurassic Park เพียงเรื่องเดียว แต่ถ้าเราจะทำ ผมจะปล่อยให้พวกมันเล่าเรื่องในโลกที่มีไดโนเสาร์ได้อย่างไร นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเราถึงต้องไปที่เกาะ?

Trevorrow กล่าวต่อไปว่าเขาไม่ได้พิจารณา Jurassic World Dominion เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในซีรีส์ โดยเปิดเผยว่าเขาไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจนกว่าเขาจะเห็นว่ามันถูกนำไปใช้ในการตลาด เขากล่าวเสริมว่า:

สำหรับผม ผมคิดว่ามันอาจจะชัดเจนกว่านี้ถ้าพวกเขาพูดว่า ‘ยุคสิ้นสุด’ แทนการพูดทั้งหมด เพราะไม่ว่าจะเล่นด้วยคำพูดอย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าพวกเขาต้องการทำเงินมากขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ Jurassic World เกี่ยวข้อง

ผู้สร้างภาพยนตร์ยังคงย้ำความรู้สึกของเขาว่าซีรีส์นี้จะดำเนินต่อไปในบางจุดอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าเขาจะเน้นย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่เขาแน่นอนที่จะกลับมากำกับภาพยนตร์เรื่องต่อไปที่จบลงไปแล้ว Trevorrow เปิดเผยว่า:

สิ่งที่ผมรู้สึกตื่นเต้นก็คือ หากมีการจัดโต๊ะไว้ที่นี่เพื่อให้ใจคนอื่นทำในสิ่งที่ผมทำกับ Steven Spielberg แล้วนั่งลงและพูดว่า ‘ฟังนะ ฉันมีไอเดียแล้ว’ ผมจะให้คนนั้นนั่งกับผมหรือ Steven และพูดว่า ‘ฉันเข้าใจแล้ว!’