เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Netflix ได้ออกมาประกาศยกเลิกการสร้างซีรีส์ First Kill หลังจากซีซันแรกเพิ่งออกฉายไปได้ไม่นาน ล่าสุด Felicia D. Henderson ผู้สร้างของซีรีส์เรื่องนี้ ได้ออกมาพูดถึงความรู้สึกของเธอหลังจากซีรีส์ถูกยกเลิก และวิพากษ์วิจารณ์กลยุทธ์การตลาดที่ Netflix ใช้ในการโปรโมตซีรีส์

ซีรีส์ First Kill จะเล่าเรื่องราวของโลกของนักล่าสัตว์ประหลาด และจะติดตามเรื่องราวของแวมไพร์วัยรุ่นที่ตกหลุมรักนักล่าแวมไพร์ แต่ดูเหมือนว่ากระแสตอบรับของซีรีส์เรื่องนี้จะยังดีไม่พอ ทำให้ทาง Netflix ได้ตัดสินใจที่จะไม่ให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้ไปต่อในซีซันที่ 2 ทว่าผู้สร้างซีรีส์อย่าง Felicia D. Henderson กลับรู้สึกว่าปัญหาส่วนใหญ่มาจากกลยุทธ์ทางการตลาดของ Netflix โดยเธอบอกว่า Netflix ทุ่มสุดตัวเพื่อโฆษณาซีรีส์ First Kill ด้วยการระบุว่าเป็นซีรีส์แวมไพร์เลสเบี้ยน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น เธอแย้งว่ายังมีอีกหลายแง่มุมในซีรีส์ที่ควรถูกมานำเสนอ แต่ Netflix มุ่งเน้นไปที่เรื่องแวมไพร์เลสเบี้ยนอย่างเดียวทั้งในโปสเตอร์และตัวอย่าง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันทำให้บางคนรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่น่าสนใจ

เมื่อไม่นานมานี้ Felicia D. Henderson ได้ไปให้สัมภาษณ์กับ Daily Beast หลังจากที่ซีรีส์ถูกยกเลิก ซึ่งเธอได้อธิบายหลายๆ อย่างในการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ โดย Felicia D. Henderson ได้กล่าวว่า

ฉันเซ็นสัญญาเข้าร่วมรายการนี้อย่างกระตือรือร้น เพราะมันมีบางสิ่งสำหรับทุกคน มีสตรีผู้แข็งแกร่งเป็นผู้นำ การวางอุบายเหนือธรรมชาติ มหากาพย์การต่อสู้ของเชคสเปียร์ระหว่างครอบครัวที่ทำสงคราม และครอบครัวคนดำที่โดดเด่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชมผิวดำต้องการรวมถึงผู้ชมทั่วไปก็ต้องการเช่นกัน

สำหรับการตลาดช่วงแรกถือว่าดี ฉันคิดว่าฉันคาดหวังว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้น และมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่น่าสนใจและสำคัญไม่แพ้กันในซีรีส์เรื่องนี้ ทั้งสัตว์ประหลาดกับนักล่าสัตว์ประหลาด การต่อสู้ระหว่างหัวหน้าเผ่าที่มีอำนาจสองคน และอื่นๆ อีกมากมาย ฉันคิดว่ามันจะได้รับการโปรโมต แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น

ตอนที่ฉันได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าพวกเขาไม่ได้ต่ออายุรายการเพราะว่าอัตราความสำเร็จไม่สูงพอ แน่นอนว่าฉันรู้สึกผิดหวังมาก ฉันได้ยินมาเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนว่าพวกเขาหวังว่าความสำเร็จจะสูงขึ้น ฉันเดาว่ามันคงไม่เป็นเช่นนั้น

ซีรีส์เรื่อง First Kill ประสบความสำเร็จในระดับปานกลางสำหรับ Netflix ด้วยการเปิดตัวเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 ในสัปดาห์แรก เป็นรองแค่เพียง Stranger Things และ Peaky Blinders โดยในเดือนแรกหลังจากการเปิดตัว ซีรีส์เรื่องนี้ทำยอดผู้เข้าชมได้มากกว่า 100 ล้านชั่วโมง แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ดูไม่จบ เพราะอัตราการดูจนจบของซีรีส์เรื่องนี้นั้นต่ำกว่าที่คาดไว้ ซึ่งหมายความว่าผู้ชมส่วนใหญ่ที่เริ่มเปิดใจดูตอนแรกๆ แต่พอดูไปเรื่อยๆ แล้วกลับไม่ชอบและไม่ไปต่อจนจบ

เมื่อดูจากยอดเข้าชมที่สูง แต่ผู้ชมส่วนใหญ่ดูกันไม่ครบทุกตอนจนจบซีซัน จึงดูเหมือนว่าบางทีอาจไม่ใช่ความผิดของ Netflix เพียงฝ่ายเดียวที่ทำการตลาดไม่ดี เนื่องจากการที่ผู้ชมดูไม่จบนั้นไม่ได้เกี่ยวกับ Netflix แล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะตัวซีรีส์เองมีปัญหาบางอย่าง อาจจะเพราะเรื่องราวไม่มีความน่าดึงดูดใจมากพอ จนทำให้ผู้ชมหลายคนรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าติดตาม และไม่ไปต่อกับซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ผมดูไปได้ประมาณ 1-2 ตอน อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีคนชอบซีรีส์เรื่องนี้มากแค่ไหน แต่เมื่อตัวเลขออกมาไม่น่าพึงพอใจ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทาง Netflix จะตัดสินใจไม่ไปต่อกับซีรีส์เรื่องนี้ และแม้ว่าผู้สร้างจะออกมาวิจารณ์ยังไง ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับ Netflix