สนุกดูเพลิน เดินเรื่องเป็นเส้นตรง เน้นขายขำขายมีม เป็นหนังแอ็กชันคอเมดี้ที่สุนกอีกเรื่อง แต่ไม่ค่อยมีอะไรให้จดจำเท่าไหร่ นักแสดงนำอย่าง Ryan Gosling กับ Emily Blunt ก็เล่นดีกันทั้งคู่ เคมีเข้ากันดี

สนุกกว่าภาคแรกขึ้นมาหน่อย แต่บทยังไม่รอดเหมือนเดิม เหตุการณ์ที่เกิดในหนังคือแทบไม่มีอะไรเลย เป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ ที่ไม่ควรทำเป็นหนังด้วยซ้ำ และที่สำคัญคือสโลว์ทั้งเรื่องเหมือนเดิม แต่ยอมรับว่าทำฉากแอ็กชันได้ดีมาก ถ้าเขียนบทมาดีกว่านี้คือจะสมบูรณ์แบบเลย ตกม้าตายที่บทจริงๆ

ดูได้สนุกเพลินๆ หนังสร้างจากเรื่องจริงของภารกิจลับในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกอย่างดีงามหมด มีแค่เรื่องบทที่ค่อนข้างธรรมดา เดินเรื่องเป็นเส้นตรงแบบสุดๆ แต่ยังดีที่การดำเนินเรื่องทำได้ดี บวกกับนักแสดงนำอย่างป๋าเฮนรี่ คาวิลล์ที่ช่วยแบก ทำให้ดูไปได้เพลินๆ ไม่น่าเบื่อ ซึ่งส่วนตัวผมชอบพี่แกในบทนี้มากๆ นะ เล่นได้โคตรกวนจริงๆ
อีกสิ่งที่ช่วยส่งเสริมหนังมากๆ คือสไตล์สุดจัดจ้านของผู้กำกับกาย ริชชี่ มันช่วยให้หนังมีสีสันมากขึ้น เสื้อผ้าหน้าผมสุดแหวก สีสันจัดจ้านฉูดฉาด บวกกับบทพูดและการกระทำของตัวละครที่แสนยียวนกวนประสาท ถ้าไม่พวกนี้หนังคงจืดไปเลย เพราะฉากแอ็กชันในเรื่องก็ไม่ได้มีเยอะมากนัก แต่ยังดีที่ทำออกมาได้ดีทุกซีน โดยเฉพาะฉากแอ็กชันของเฮีย อลัน ริตช์สัน เดือดทุกซีนจริงๆ ดุดันจัดๆ โคตรชอบ เสียดายอย่างเดียวคือฉากแอ็กชันท้ายเรื่องที่จืดไปหน่อย ถ้าทำเดือดๆ ไปเลยจะสนุกกว่านี้

ของดีที่ทุกคนควรดู ซีรีส์ประวัติศาสตร์การเมืองเนื้อหาเข้มข้นที่จะติดตามกันหักเหลี่ยมเฉือนคมกันของเหล่าขุนนางเพื่อหาโชกุนคนใหม่ บทเขียนมาอย่างดีและเรียลมาก ความดิบความเถื่อนนี่จัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก งานภาพและการโปรดักชั่นก็อลังการไม่แพ้หนังฉายโรงเลย นักแสดงก็แสดงดีกันทุกคน ไม่แปลกเลยที่คนส่วนใหญ่จะยกให้ซีรีส์เรื่องนี้สนุกเทียบเท่ากับ Game of Thrones เอาเป็นว่าไปดูกันเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ดูแปปเดียวเพราะมีแค่ 10 ตอนจบไม่มีภาคต่อ

โคตรเบียว แต่ได้กูวะ! ยกคำนี้มาจากหนังเลย สนุกดูเพลินใช้ได้ มีหลากหลายอารมณ์ดี เริ่มเรื่องด้วยความเบียว จบท้ายด้วยดราม่าซึ้งๆ

รีวิวนี้อาจมีเนื้อหาที่เป็นสปอยล์ หากคุณต้องการดูกรุณากดที่นี่

หนังสายลับสุดกาวจากผู้กำกับ Kingsman ติดตามเรื่องราวของ Elly Conway (รับบทโดย Bryce Dallas Howard) นักเขียนนิยายสายสืบยอดฮิตที่ดันถูกลากไปพัวพันกับภารกิจสายลับของจริงๆ เมื่อผลงานที่เธอเขียนดันไปตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทำให้เธอถูกองค์กรชั่วร้ายไล่ล่า แต่ในขณะเดียวกัน Aidan Wilde (รับบทโดย Sam Rockwell) สายลับปริศนาก็ได้เข้ามาช่วยเธอ และพาเธอไปร่วมทำภารกิจเพื่อปกป้องโลก
หนังเรื่องนี้คือส่วนตัวผมค่อนข้างตั้งตารอมากๆ แต่พอได้ไปดูจริงๆ กลับไม่ชอบอย่างที่คิด ตัวเริ่มเปิดเรื่องมาได้ดี มีการสับขาหลอกคนดูให้ดูฉากสายลับตอนแรก ก่อนจะเฉลยว่ามันเป็นฉากในนิยาย จากนั้นก็ดำเนินเรื่องอย่างลื่นไหลให้เราได้เห็นนางเอกไปร่วมมือกับพระเอกเพื่อทำภารกิจ ซึ่งในระหว่างทางก็จะมีฉากแอ็กชันและการไล่ล่าเข้ามาเพื่อให้เราไม่เบื่อ ช่วงต้นถึงช่วงกลางคือทำมาได้ค่อนข้างดีใช้ได้เลย ดูได้สนุกเพลินๆ
จนมาถึงช่วงกลางเรื่องทุกอย่างก็เริ่มกาวขึ้นเรื่อยๆ ตัวหนังพาเราไปจุดหักมุมหลายครั้ง แบบหักแล้วหักอีก คือมันหักมุมหลายรอบจนไม่สนุก ซึ่งมันไม่ได้เป็นเพราะว่าการหักมุมหลายรอบเป็นเรื่องไม่ดี แต่ที่มันดรอปมันเพราะการหักมุมที่เขาหักมันไม่ได้ทำให้คนดูว้าวมากพอ คือมันเป็นอะไรที่พอเดาได้ แถมการหักมุมเหล่านี้มันก็ทำให้ตัวหนังยืดยาวกินจำเป็นอีกด้วย ช่วงซีนท้ายเรื่องนี่คือเนื้อเรื่องออกทะเลไปไกลมาก อีกอย่างคืองาน CG ไม่ค่อยดี ฉากที่ใช้ CG คือลอยมากๆ ทุกฉาก ภาพมันเหมือนเกมมากกว่าหนัง
ยังดีที่ฉากแอ็กชันทำออกมาได้ดี แม้ว่ามันจะดูเวอร์วังไปบ้าง แต่ผมมองว่ามันเป็นฉากที่เวอร์แบบแหวกแนวและน่าจดจำดี สิ่งเดียวที่ผมติดเลยคือความยืดเยื้อของตัวหนัง หนังมันไม่ควรยาวถึง 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ช่วงท้ายเรื่องอารมณ์มันเลยดรอปไปหมดแล้ว จากที่สนุกมาแรกๆ ก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเขาพยายามยืดให้มันไม่จบเสียที สรุปโดยรวมเลยก็คือ เรื่องนี้เป็นหนังแอ็กชันที่แหวกแนว สนุกดูเพลิน แต่ไม่ค่อยมีความน่าจดจำเท่าไหร่ เอาเป็นว่าไปดูกันเองดีกว่า ผมไม่ค่อยชอบ ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะรู้สึกเหมือนกัน

หนังแอ็กชันเรื่องล่าสุดของป๋าเจสัน สเตแธม ว่าด้วยเรื่องราวของ คนเลี้ยงผึ้งปริศนา (รับบทโดย เจสัน สเตแธม) ที่ได้เช่าพื้นที่ของยายแก่ใจดีคนหนึ่งอยู่ แต่อยู่มาวันหนึ่งยายแก่ที่แสนใจดีคนนี้กลับโดนพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกจนหมดตัว ซึ่งยายรับมือไม่ไหวจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย งานนี้หนุ่มเลี้ยงผึ้งจึงตัดสินออกตามถล่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อแก้แค้นให้ยาย
เรื่องนี้คือสนุกดูเพลินมาก เป็นหนังแอ็กชันแบบเน้นบันเทิงล้วนๆ ไอเดียตั้งต้นของพล็อตทำมาดี น่าสนใจ แต่บทอาจจะธรรมดาไปหน่อย การดำเนินเรื่องทำได้ดี เล่าเรื่องไว กระชับ โบ๊ะบ๊ะมากๆ ป๋าเจสันเรื่องนี้คือเท่มาก ไม่พูดเยอะเน้นหวดอย่างเดียว ชอบที่เขาเขียนบทมาให้ตัวพระเอกดูลึกลับ มันทำให้คนดูลุ้นตลอดเรื่องว่าสรุปแกเป็นใคร ทำให้น่าติดตามมากขึ้น แถมหนังยังเลยเถิดเตลิดไปไกลมากๆ จากปัญหาเล็กๆ ไปจนสู่ระดับชาติ ส่วนนี้คือผมชอบมากๆ ยกให้เป็นอีกหนึ่งหนังแอ็กชันที่ทุกคนควรดู

ซีรีส์เรื่องใหม่จากผู้สร้าง Narcos และ Narcos: Mexico แต่ในเรื่องนี้จะเปลี่ยนจากการติดตามเรื่องราวของเจ้าพ่อค้ายาที่เป็นผู้ชายมาติดตามเรื่องราวของเจ้าแม่ค้ายาที่เป็นผู้หญิงแทน โดยจะเล่าเรื่องราวชีวิตของ Griselda Blanco (รับบทโดย Sofía Vergara) อดีตแม่ค้ายายสายโหดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ Pablo Escobar ราชายายเสพติดยังกลัว ซึ่งจะติดตามเรื่องราวของเธอหลังจากที่ได้ลี้ภัยมายังอเมริกาแฃะเริ่มธุรกิจค้าโคเคน
สำหรับซีรีส์เรื่องนี้บอกเลยว่ายังคงดีงามเหมือนเคย พร้อมทั้งเต็มไปด้วยกลิ่นอายเดียวกับ Narcos และ Narcos: Mexico ดังนั้น ใครที่ชอบ 2 เรื่องนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมรับประกันได้เลยว่าคุณจะต้องตกหลุมรักซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน ตัวซีรีส์เล่าเรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องไวไม่ยืดเยื้อ เน้นแต่เนื้อไม่มีน้ำ ซึ่งยังคงคอนเซปต์เดิมด้วยการให้เราได้เห็นทั้ง 2 ฝั่ง คือฝั่งของ Griselda Blanco ที่ก่อร่างสร้างอาณาจักรโคเคนและสังหารคนที่ขวางทางไปมากมาย ตัดสลับกับฝั่งตำรวจที่เริ่มออกล่าตัวเธอจากคดีการฆาตกรรมที่เธอก่อ
คือมันสนุกมากจนต้องดูแบบรวดเดียวจบ สนุกตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้ายเลยจริงๆ บทเขียนมาดี งานภาพดี งานสร้างดี แถมนักแสดงก็แสดงดีกันทุกคนอีก โดยเฉพาะนางเอกที่รับบทโดย Sofía Vergara เธอตีบทแตกมากจริงๆ แสดงดีมาก เสน่ห์เหลือล้นสามารถดึงคนดูทุกคนไว้ได้อย่างอยู่หมัด มันดีไปหมดทุกอย่างจริงๆ เอาเป็นว่าไปลองดูกันเถอะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

หนังเกาหลีแอ็กชันไซไฟเรื่องใหม่จาก Netflix ว่าด้วยเรื่องราวของโลกอนาคตหลังจากที่เกาหลีเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้กรุงโซลเหลือแต่ซากและกลายเป็นดินแดนอันป่าเถื่อน จนกระทั่งวันหนึ่งจู่ๆ ก็มีกลุ่มคนคลั่งเข้ามาหมายที่จะจับตัว ฮันซูนา (รับบทโดย โนจองอี) ไป งานนี้คุณลุงสุดโหดอย่าง นัมซาน (รับบทโดย มาดงซอก) จึงต้องออกล่ากลุ่มคนพวกนี้เพื่อช่วยเธอกลับมา
สำหรับเรื่องนี้บอกตามตรงว่าภาพรวมคือค่อนค้างธรรมดา เป็นแนวแอ็กชันคอเมดี้ผสมผจญภัยนิดๆ เรื่องราวไม่ได้มีอะไรมากมาย ได้เห็นลุงสุดโหดออกไล่ล่าพวกคนร้ายที่จับวัยรุ่นไปทดลองโดยหวังจะสร้างมนุษย์สายพันธ์ุใหม่ขึ้นมา มีดีที่ตรงฉากแอ็กชันที่ทำออกมาได้ดีมาก เลือดสาดซะใจถึงอารมณ์ดี เพราะในเรื่องคือพวกมนุษย์กลายพันธุ์จะออกแนวคล้ายๆ ซอมบี้ คือฆ่าไม่ตายนอกจากจะตัดหัว งานนี้เราเลยได้เห็นลุงมาดงซอกไล่ตัดหัวคนรัวๆ เลือดนี่สาดเต็มจอเลย
นอกจากฉากแอ็กชันที่ดีแล้วก็มีเรื่องงานภาพและงานโปรดักชันที่ออกมาดูดี ส่วนอื่นๆ ที่เหลือก็ธรรมดามาก พล็อตเรื่องไม่ได้แปลกใหม่หรือมีความน่าสนใจเท่าไหร่ ยังดีที่ยังดำเนินเรื่องดี กระชับ เลยไม่ค่อยรู้สึกน่าเบื่อมาก แต่หากให้พูดตามตรงเลยคือถ้าไม่มีป๋ามาดงซอก หนังจะน่าเบื่อกว่านี้เยอะ ป๋าแกคนเดียวแบกทั้งเรื่องจริงๆ สุดท้ายก่อนจะจากกันไป ขอฝากเอาไว้ว่าอย่าเชื่อทั้งหมดที่ผมรีวิว เพราะผมไม่ได้ชอบก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่ชอบเหมือนกัน รสนิยมและความชอบของคนเราต่างกันอยู่แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือทุกคนต้องไปดูด้วยตาตัวเอง จะได้รู้ว่าหนังเรื่องนี้มันสนุกสำหรับคุณหรื่อไม่

หนังปล้นสูตรสำเร็จที่จะได้เห็น Kavin Hart สวมบทเท่ๆ บ้าง หลังจากที่เป็นสายฮามานาน ภาพรวมของหนังค่อนข้างธรรมดา ไม่ได้มีอะไรพิเศษเท่าไหร่ เน้นความบันเทิงและยิ่งใหญ่อลังการเป็นหลัก แผนปล้นธรรมดาไม่ได้หวือหวาอะไรมากมาย แถมออกจะเวอร์เกินไปด้วยในบ้างซีน เอาเป็นว่าใครที่หาหนังดูง่ายๆ แก้เบื่อ เรื่องนี้ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี สนุกดูเพลิน แต่ไร้ความน่าจดจำ

เรื่องนี้เป็นภาคแยกจากซีรีส์ Money Heist หรือ ทรชนคนปล้นโลก หนึ่งในซีรีส์ปล้นยอดฮิตที่แฟนๆ ชาวไทยรู้จักกันดี แต่สำหรับเรื่องนี้มันจะแตกต่างออกไปพอสมควร ดังนั้น ใครที่ขาดหวังว่าจะได้ดูการปล้นแบบมันส์ๆ เหมือนในภาคต้นฉบับก็ต้องบอกเลยว่าอาจผิดหวัง เพราะเรื่องนี้จะมาในแนวโจรกรรม คือไม่ได้ไปปล้นแบบตรงๆ แต่จะเป็นแนวแอบย่องไปขโมยเสียมากกว่า
ภาพรวมของซีรีส์ถือว่าทำออกมาได้ดีเลย เขาแบ่งช่วงการเล่าเรื่องได้ดี เริ่มด้วยการรวมทีม แนะนำตัวละครว่าแต่ละคนเป็นใคร มีความสามารถอะไรบ้าง จากนั้นก็เริ่มอธิบายแผนการและเตรียมการปล้น ต่อด้วยช่วง 2 คือช่วงเริ่มปล้น และปิดช่วงท้ายด้วยการหลบหนี ซึ่งผมมองว่าช่วงการหนีนี่เป็นอะไรที่จำเป็นต้องมีจริงๆ เพราะมันเป็นส่วนที่ทำให้ซีรีส์สนุก ทำให้คนดูได้ลุ้นตามว่าเหล่าตัวละครหลักจะหลบหนีกันยังไง
แม้ว่าส่วนตัวผมจะชอบ แต่ก็ต้องยอมรับตามตรงว่าตัวซีรีส์แอบดำเนินเรื่องช้าไปนิดนึง เรื่องราวค่อนข้างยืดยาวไปหน่อย แถมเขายังมุ่งเน้นไปที่เรื่องความรักเสียเยอะ จึงอาจทำให้หลายคนเบื่อ แต่ยังดีที่เรื่องแผนการโจรกรรมเขาก็ยังทำออกมาได้ดีเหมือนเดิม ส่วนสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือเรื่องการแสดง ส่วนนี้คือดีเลย แคสต์นักแสดงมาดี และออกแบบตัวละครมาดีมาก ทุกตัวละครมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน จดจำได้ง่ายมาก

ซีซัน 2 ยังคงสนุกเหมือนเดิม ชอบการนำเสนอและการปูเรื่องราวมาก เขาปูเรื่องราวแยกกันเป็นตอนๆ เหมือนทุกตอนมีตอนจบในตอน แต่แล้วสุดท้ายเขาก็เอาทุกตอนที่ปูไว้มามัดรวมกันในตอนท้าย ภาพรวมคือทุกอย่างออกมาดูดีเลย ทั้งบท การดำเนินเรื่อง และงานภาพ ใครที่เคยดูซีซันแรกมาก่อนแล้วชอบ ซีซันนี้ก็น่าจะชอบเหมือนกัน ปล. เรื่องนี้เหมาะกับคนที่เป็นแฟนของจักรวาล MCU เพราะถ้าไม่เคยดูหนังและซีรีส์ MCU มาก่อนจะค่อนข้างงง เพราะเขาหยิบเอาเหตุการณ์และตัวละครจากหนังหลายเรื่องมาใช้

อาจไม่ได้สนุกเท่าภาคแรก แต่ภาคนี้ก็ยังมีความสนุกอยู่บ้าง ดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ งานภาพทำออกมาได้ดี ยิ่งใหญ่อลังการ ฉากแอ็กชันดี นักแสดงทุกคนเล่นดี ติดแค่เรื่องบทที่ออกมาแบบสูตรสำเร็จ ธรรมดาจนไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าไหร่ ซีนสู้กับตัวร้ายท้ายเรื่องก็จบง่ายเกินไป ถ้าให้เวลาช่วงซีนแอ็กชันสุดท้ายมากกว่านี้คงจะดี

ซีรีส์ไทยแห่งปี ครบรสทุกอารมณ์ เป็นการตอกย้ำเลยว่าในปีนี้ทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ไทยมีผลงานดีๆ ออกมาเยอะมาก เรื่องนี้เองก็รวมเป็นหนึ่งในนั้นด้วย เขาเขียนบทมาดีมาก ทุกอย่างลงตัวไปหมด เกลี่ยบทได้ดี ทุกตัวละครมีมิติตื้นลึกหนาบาง จากคนพังๆ ที่มารวมตัวกันเป็นครอบครัวปลอมๆ แต่พออยู่ไปอยู่มาเริ่มผูกพันจนกลายเป็นครอบครัวจริงๆ การดำเนินเรื่องก็ดีและลื่นไหลมาก ตัดสลับเส้นเรื่องหลักเส้นเรื่องรองให้คนดูได้ตามไปเรื่อยๆ
เป็นซีรีส์ที่เหมาะจะดูกับครอบครัวมากๆ ดูจบแล้วได้บทเรียนเลยว่าการเป็นครอบครัวกันเมื่อมีปัญหากัน ทางออกที่ดีที่สุดคือเปิดใจพูดคุยกัน อย่ารอให้นานเกือบ 30 ปีเหมือนพระเอกในเรื่องเลย แต่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่บท เพราะนักแสดงเองก็เล่นดีสมบทบาททุกคนเช่นกัน แคสต์นักแสดงมาดีมาก อันนี้ขอชม เคมีทุกคนมันเข้ากันได้แบบลงตัวสุดๆ
ส่วนงานภาพเองสวยมาก สวยในระดับเดียวกับภาพยนตร์ฉายโรงเลย ซึ่งถือเป็นมาตรฐานที่ดีมากๆ ในวงการซีรีส์ แถมงานสร้างเองก็ดี เขาถ่ายทอดความเป็น Y2K ออกมาได้แนบเนียนไม่ดูยัดเยียด และที่ขาดไม่ได้เลยคือเพลงประกอบ เพลงประกอบทุกเพลงเพราะมากๆ แถมมีการสอดแทรกมุขในยุคปี 1999 เอาไว้ด้วย ส่วนตัวชอบมุขจากหนัง The Matrix ที่ให้ตาเลือกระหว่างยาเม็ดสีฟ้ากับเม็ดสีแดง คือเขาเอามุขนี้ไปขยี้ต่อในตอนท้ายด้วย คือดีมากจริงๆ เอาเป็นว่าไปดูกันเถอะครับ รับประกันว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

ส่วนตัวมองว่ามันดูดีขึ้นกว่าซีซันแรกหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดีจนอยากแนะนำ ตัวซีรีส์มีดีที่พล็อตเรื่องที่ความน่าสนใจ แต่ดันมาตกม้าตายกับบทและการเล่าเรื่อง คือช่วงตอน 1-3 ยังพอสนุกถูๆ ไถๆ ไปได้ แต่พอขึ้นตอนที่ 4 ทุกอย่างก็เริ่มสะเปะสะปะ มีการแนะนำตัวละครใหม่เข้ามาหลายตัวจนจำชื่อไม่ได้ บวกกับเน้นปูเรื่องราวอย่างเดียว โดยเป็นการปูเรื่องที่ไม่เห็นจุดหมายว่าจะไปจบตรงไหน ทำให้หลายคนอาจรู้สึกเบื่อจนดูไม่จบ เพราะมันไม่มีจุดยึดอะไรให้คนดูเลย แถมปูมาตั้งนานตอนจบของซีซันนี้ก็แทบไม่ได้บทสรุปอะไรเลย ปูมาถึงตอนจบและตอนจบก็ปูต่อไปซีซันต่อไปอีก
แม้ว่าส่วนตัวอาจจะไม่ได้รู้สึกชอบมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเกลียด คือมันพอดูได้แบบเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ทนดูได้เพราะชอบบิ๊กไอเดียของเรื่องแค่นั้นเลย แบบอยากรู้ว่าเพราะอะไรคนที่เครียดถึงได้กลายเป็นสัตว์ประหลาด และพวกสัตว์ประหลาดที่กลายพันธุ์นี่กลายพันธุ์ไปได้ไกลถึงแค่ไหน นอกนั้นแทบไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย

ไม่ถึงกับดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ ตัวหนังยังคงสไตล์ของปู่ริดลีย์ เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ เนิบๆ ไม่ได้ตื่นเต้นหรือน่าติดตามมากนัก ใครที่ไม่ชอบก็อาจจะเบื่อได้ แต่ต้องบอกก่อนว่าตัวหนังไปโฟกัสที่ชีวิตรักของนโปเลียนเสียเยอะ ตัดสลับกับเล่าเส้นทางชีวิตด้วยปนๆ กันไป
ถึงอย่างนั้นตัวหนังก็ยังมีดีเยอะ การแสดงของนักแสดงในเรื่องคือเอาอยู่ทุกคน ป๋าวาคีนแบกหนังทั้งเรื่องได้สบายๆ งานภาพงานโปรดักชันออกมาดีงามดูเพลินมาก ส่วนตัวมองว่าหนังมันแอบคล้ายสารคดีมากกว่าภาพยนตร์ไปหน่อย คือเหมือนเราดูชีวิตเขาไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย ไร้จุดยึด แต่ข้อมูลค่อนข้างครบถ้วน หนังไม่ได้เล่าตั้งแต่เด็ก เริ่มเล่าตอนที่นโปเลียนทำผลงานครั้งแรกยาวไปถึงบั้นปลายชีวิต
เหมาะกับคนที่ชอบงานของปู่ริดลีย์เป็นทุนเดิมหรือคนที่ชอบหนังแนวช้าๆ เล่าเรื่องเรื่อยๆ ก็น่าจะเอ็นจอยไปได้ ส่วนคนที่อยากดูฉากสงครามความตื่นเต้นอาจจะผิดหวัง ซึ่งในเรื่องก็มีฉากสงครามอยู่ แต่มันไม่ได้ถูกยกขึ้นมาให้เป็นประเด็นหลักเท่าไหร่ เหมือนฉากสงครามเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งของเรื่องราวเท่านั้น เอาเป็นว่าอย่าเชื่อที่ผมรีวิวทั้งหมด ไปลองดูกันเองดีกว่าครับจะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ

การคืนฟอร์มของผู้กำกับ David Fincher ตัวหนังสนุกดูเพลินมาก ช่วงต้นเรื่องอาจช้าๆ ไปบ้าง แต่พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ก็สนุกยาวๆ ส่วนตัวชอบอยู่พอสมควร ชอบตัวละครพระเอก เขาสร้างออกมาให้ดูเป็นนักฆ่าจริงๆ ลักษณะนิสัยคือเหมาะกับงานนี้มากจริงๆ เป็นพวกที่ไม่พูดไม่จาแต่คิดอยู่ในหัวตลอด มีระเบียบ ยึดมั่นในแผนการ ทุกครั้งที่จะฆ่าใครเขาจะสะกดจิตตัวเองในหัวตลอดว่า "ยึดตามแผน อย่าด้นสด ห้ามใจอ่อน" ซึ่งเจ้าความยึดมั่นอันนี้แหละที่ทำให้เขาทำงานได้สำเร็จไปตลอดจนจบเรื่อง
พอพระเอกเป็นพวกไม่ปราณีใครมันก็ยิ่งทำให้โทนหนังมันดูจริงมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก เพราะเขาเลือดเย็นสมกับเป็นนักฆ่าจริงๆ แถมทั้งเรื่องดูตั้งแต่ต้นจนจบเราก็ยังไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วพระเอกชื่ออะไร เพราะเขาใช้ชื่อปลอมตลอด ส่วนฉากแอ็กชันในเรื่องที่อาจจะมีไม่เยอะ แต่ทุกฉากที่ทำมาคือดีหมด งานภาพก็ดี การตัดต่อก็เยี่ยม โปรดักชันจัดเต็ม พระเอกแสดงดีมาก เพลงประกอบก็เพราะ เอาเป็นว่าไปดูกันเถอะ ไม่ผิดหวังแน่นอน

"หนึ่งในอนิเมะที่ดีที่สุดตลอดกาล" คำพูดนี้คงจะไม่เกินจริงสำหรับอนิเมะเรื่องนี้ ดีงามทุกภาคส่วน ตั้งแต่เนื้อเรื่อง ไปจนงานแอนิเมชัน โดยเฉพาะ 2 ตอนสุดท้าย ยกให้เป็นที่สุดของที่สุด ทุกอย่างมันสุกงอมจนมาถึง 2 ตอนนี้มันระเบิดแบบตู้มต้ามจัดเต็ม เป็น 2 ตอนที่อิ่มเอมและกินใจมากๆ ใครที่ยังไม่ได้ดูไม่ควรพลาดจริงๆ เนื้อเรื่องเขียนมาได้ดีแบบไร้ที่ติ เป็นการ์ตูนไซไฟที่มีความสมเหตุสมผลและโคตรจะเรียล มิติของตัวละครก็ซับซ้อนดูเป็นมนุษย์จริงๆ ไปดูเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน

ดีงามเหมือนเดิมตามสไตล์ปู่มาติน เรื่องดำเนินไปแบบเรื่อยๆ แต่สนุกดูเพลินมากๆ หนังยาว 3 ชั่วโมงเกือบครึ่งทำให้เราได้ค่อยๆ รู้จักตัวละครและผูกพันกับตัวละคร บทเขียนมาเฉียบคม ละเมียดละไม งานภาพดีงาม แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นการแสดง เรื่องนี้ลีโอกับโลเบิร์ตฉายแสงมาก ไม่ทีใครยอมใครจริงๆ นักแสดงสบทบคนอื่นๆ ก็แสดงได้ดี โดยเฉพาะ Brendan Fraser ที่โผล่มานิดเดียวแต่แสดงดีชนิดที่ว่าลืมไม่ลง

ของดีย์ สนุกเกินคาดมาก พล็อตแปลกแบบเอาหลายๆ แนวมาผสมกัน บทเขียนมาดีและพาเราไปไกลมากๆ จากแนวเกมไปสู่เอไอทำลายล้างโลก แถมยังผูกประเด็นครอบครัวไว้ได้อย่างแข็งแรง พูดได้คำเดียว่า ชอบ!

ส่วนตัวไม่ใช่สายนี้เท่าไหร่ แต่ก็ลองเปิดใจดู ถือว่าสนุกดูได้เพลินๆ เลย แต่อาจจะเดินเรื่องช้าไปสำหรับบางคน ความดาร์กความน่ากลัวก็ไม่ได้สยองขนาดนั้น มีดีที่บทแข็งแรงและน่าติดตาม นักแสดงเล่นดีกันทุกคน งานภาพ การตัดต่อ โปรดักชัน เสื้อผ้าหน้าผมทุกอย่างเป๊ะหมด ถือเป็นซีรีส์สยองขวัญอีกเรื่องที่ควรลองดู

ของดีอีกเรื่อง ความสัมพันธ์อันสวยงามที่พังทลายลงเพราะความอิจฉาริษยา บทและการเล่าเรื่องดีสุดๆ ตัวหนังเล่าแบบช้าๆ เรื่อยๆ ให้เราได้ติดตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปผสมไปกับให้เราได้ทำความรู้จักตัวละคร นักแสดงนำทั้ง 2 เล่นดีมาก ฉากปะทะคารมกันนี่เดือดสุด ชอบประเด็นที่ตัวหนังพยายามเล่นคือพระเอกเป็นผู้ชายที่มีความคิดแบบเก่าๆ ติดอีโก้สูงที่คิดว่าผู้ชายต้องเหนือกว่าผู้หญิง ไม่ยอมรับความจริงว่านางเอกทำงานได้เก่งกว่าจึงได้เลื่อนตำแหน่ง แทนที่จะยินดีเขากลับไปตั่งแง่ชวนทะเลาะ และความคิดนี้เองเนี่ยแหละที่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์มันเริ่มบั่นทอนลงเรื่อยๆ
ความเจ๋งคือหนังเรื่องนี้เขาไม่ได้ให้เราเห็นแค่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในฐานะคู่รักเท่านั้น แต่ยังให้เราไปติดตามการทำงานของพวกเขาในฐานะผู้บริหารกองทุนอีกด้วย ซึ่งฉลาดมากที่เลือกให้ตัวเอกทำอาชีพนี้ เพราะมันเป็นอาชีพที่ตึงเครียดและชีวิตอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา หากพลาดครั้งเดียวก็สามารถโดนไล่ออกได้เลย ทั้งจากความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยบวกกับหน้าที่การงานที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ความตึงเครียดในเรื่องมันเลยยิ่งทวีคูณไปอีก ซึ่งผมชอบมากจริงๆ แถมบทสรุปของเรื่องก็ทำออกมาได้ดีด้วย ตัดจบแบบคมๆ ดูแล้วได้คิดและเข้าใจความรักมากขึ้นเลย เหมาะกับคนที่กำลังมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ หากได้ดูเรื่องนี้คุณจะได้เข้าใจและคิดอะไรมากขึ้น

หนังผีไทยที่ดีเกินคาด ยกให้เป็นหนังไทยแห่งปีอีกเรื่อง ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด การแสดงของนักแสดงที่ดูจริงและเข้าขากันดีมากๆ มันทำให้ฉากตลกมันยิ่งตลกไปอีก แต่ก็ไม่แปลกเพราะพวกเขาแสดงด้วยกันมาหลายเรื่องแล้ว บทเองก็เขียนมาดีเช่นกัน มีเส้นเรื่องหลักๆ ให้เราได้ติดตาม สลับไปกับให้เราได้รู้จักอาชีพสัปเหร่อมากขึ้น แถมยังเล่นกับความเชื่อของคนอีสานได้อย่างดี
งานภาพมุมกล้องต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดีกว่าภาคก่อนๆ ใครที่ชอบจักรวาลไทบ้านไม่ควรพลาดจริงๆ ยกให้เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในจักรวาลนี้ ส่วนตัวชอบงานดีไซน์ช่วงตอนถอดจิตมาก ดูรู้เลยว่าได้เรฟมาจากหนัง Marvel แน่ๆ แต่เขาเอามาดัดแปลงในสไตล์ของตัวเองที่โคตรจะไทบ้านจริงๆ ฉากเก้าอี้แดงลอยยังติดตาอยู่เลย ไม่คิดว่าจะได้เจออะไรแบบนี้ในหนังไทย เกินความคาดหมายจริงๆ
เขาผสมทุกอย่างได้ลงตัวทั้งความดราม่า ความตลก และความเป็นหนังผี ส่วนตัวไม่ได้เชื่อเรื่องผีแต่ก็ดูแบบเป็นไซไฟสนุกๆ ไปได้ ฉากถอดจิตอาจดูเวอร์แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาทำออกมาได้ดี ปล.แนะนำให้ดูภาคเก่าๆ ไปก่อนจะยิ่งดูสนุกและอินมากขึ้น

หนังไทยแห่งปีที่ไม่ควรพลาด เป็นความเรียบง่ายที่แสนกลมกล่อม เล่าเรื่องเรื่อยๆ ช้าๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ พาผู้ชมย้อนอดีตไปสู่ยุคทองของวงการภาพยนตร์ไทย ร่วมเดินทางไปกับหน่วยเร่ขายยาฉายหนังที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความฝัน ดูจบแล้วอยากไปดูหนังกลางแปลงพากย์สดเลย สิ่งที่ชอบมากๆ คือมันทำให้เราได้รู้ว่าแต่ก่อนนั้นภาพยนตร์มีอิทธิพลต่อผู้คนขนาดไหน ในยุคสมัยที่ยังไม่มีทีวีและอินเทอร์เน็ต การดูหนังกลางแปลงจึงเป็นสิ่งเดียวที่มอบความบันเทิงให้ผู้คนได้ นอกจากนี้การนำเสนอเรื่องราวของคุณมิตร ชัยบัญชาก็ทำออกมาได้ซึ้งและกินใจมากๆ อีกสิ่งที่ชอบมากๆ คืองานภาพและงานสร้างที่ทำออกมาได้ดีและดูเหมือนอยู่ในยุคนั้นจริงๆ

ดีกว่าที่คิดไปเยอะ บทเขียนค่อนข้างดี ชอบการนำของไร้ประโยชน์มาประยุกต์เพื่อเอาชีวิตรอด ดำเนินเรื่องดีน่าติดตาม นางเอกแสดงดีจนทำเอาลุ้นตามทุกวินาที งานสร้างก็ยอดเยี่ยมสมจริง ยกเว้นแค่ฉากคลอดลูกที่ลูกดูปลอมเป็นตุ๊กตา แต่ที่เหลือคือดีหมด เป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม แม้พล็อตจะไม่ได้แปลกใหม่มากนัก แต่องค์ประกอบอื่นๆ ในหนังมันช่วยอุ้มให้ภาพรวมออกมาดูดีและสนุก

พอดูได้สนุกเพลินๆ พล็อตเรื่องธรรมดาไม่ได้แปลกใหม่หรือมีความน่าสนใจเป็นพิเศษ หนังเน้นความสมจริง ไม่ได้แอ็กชันมากมายแบบเวอร์วัง เน้นความไวแบบเลือดเย็น คือถ้าจังหวะนางเอกก็ฆ่าเลย ไม่มีลีลา ตัวหนังความยาวชั่วโมงครึ่ง ซึ่งถือว่ากำลังดี เพราะเรื่องราวมันไม่มีอะไรมาก ดำเนินเรื่องได้ไม่ช้าไม่เร็วกำลังดี มีดีสุดคืองานภาพและงานสร้าง อันนี้ขอชมเพราะถ่ายทำดีสวยทุกซีน โลเคชันและเสื้อผ้าหน้าผมนักแสดงก็ดี แต่ภาพรวมก็ยังถือว่ากลางๆ เหมาะกับคนที่หาหนังแอ็กชันดูแก้เบื่อ

ของโคตรดี ยกให้เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ไม่ควรพลาด ดีทุกอย่างจริง ทั้งบท งานสร้าง มุมกล้อง ไปจนการตัดต่อ มีสไตล์ที่จัดจ้านและชัดเจนแบบสุดๆ เขาทำการบ้านมาดีมาก ถ่ายทอดความตึงเครียดและสถานการณ์ในห้องครัวออกมาได้สมจริง เขียนบทมาดีมาก ทุกตัวละครมีมิติตื้นลึกหนาบาง แถมนักแสดงยังเล่นดีกันทุกคนอีก
การดำเนินเรื่องก็สนุกดูเพลินมากๆ มีเส้นเรื่องหลักคือการพัฒนาร้านอาหารที่ทำให้เรารู้สึกอินและคอยเอาใจช่วย สมทบด้วยเส้นเรื่องรองคือการเจาะลึกถึงตัวละครและพัฒนาการของตัวละครแต่ละตัว ส่วนตัวชอบซีซัน 2 ตอนที่ 6 มากที่สุด เป็นตอนที่เราได้เห็นตัวละครมาปะทะคารมกันแบบจุใจ ไม่เคยคิดเลยว่าแค่การกินเลี้ยงคริสมาสต์มันจะทำออกมาดราม่าและตึงเครียดได้ขนาดนั้น เกินความคาดหมายจริงๆ เอาเป็นว่าไปดูกันเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน!

ดรอปลงจากภาคเก่าๆ แทบทุกด้าน ให้อารมณ์เหมือนหนังทุนต่ำ ฉากแอ็กชันธรรมดาค่อนไปทางแย่ ถ้าเทียบกับซีนแอ็กชันของหนังยุคนี้ มีดีแค่นักแสดง บทก็ธรรมดามาก การเล่าเรื่องรีบตัดจนดูไวไปหมด ทุกอย่างครึ่งๆ กลางๆ ไปไม่สุดซักทาง ฉากแอ็กชันระยะประชิดที่น่าขายก็ทำออกมาได้ไม่น่าจดจำ แถมยังมีน้อยไปนิดนึง ส่วนฉากยิงก็ไม่ได้ระห่ำสะใจก็ดันธรรมดา มีดีแค่มาในเรต R พอมีความเลือดสาดให้ซะใจอยู่บ้าง ปล.พี่โทนี่จามีบทอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้โชว์เทพจนน่าจดจำเหมือนที่เราเคยเห็นในหนังเก่าๆ ของแก

ซีรีส์เกาหลีแห่งปีที่ยกให้เป็นที่หนึ่งในใจ มันดีพร้อมครบถ้วนไปซะทุกอย่าง ยกระดับวงการซีรีส์เกาหลีไปอีกขั้น บทเขียนมาดีมาก เรื่องราวน่าติดตาม การเล่าเรื่องก็ดี อาจจะย้อนอดีตเยอะไปหน่อยแต่มันเป็นการย้อนที่สำคัญและสนุกทุกตอน บทเขียนมาละเอียดมาก ได้เห็นทุกมิตอของตัวละคร ตัวซีรีส์ถ่ายทอดความบาดหมางของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ออกมาได้ดี แสดงให้เห็นเลยว่าคนที่ออกมาสู้กันก็เป็นเพียงหมากของผู้นำ พวกเจาไม่ได้โกรธแค้นหรือรู้จักกันมาก่อน พวกเขาแค่ถูกบังคับให้ทำตามคำสั่งก็เท่านั้น
แต่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่บทเท่านั้น เพราะด้านการแสดงก็ดีงามไม่แพ้กัน แคสต์นักแสดงมาดีมาก แสดงดีกันทุกคน โดยเฉพาะ รยูซึงรยง ที่รับบทเป็น จางจูวอน คนอื่นที่ว่าแสดงดีแล้วคนนี้ปล่อยของแบบสุด ส่วนตัวชอบซีนร้องไห้ตอนที่เสียภรรยามาก แสดงโคตรสมจริง ร้องไห้แบบคนใจจะขาดจริงๆ ยกให้เป็นซีนดราม่าที่เจ็บปวดที่สุดของเรื่องเลย
ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชัน อันนี้ไร้ที่ติเลยจริงๆ งานภาพดีงามทุกช็อต ทั้งมุมกล้อง จังหวะการตัดต่อ แทบจะไม่ใช่ซีรีส์แล้ว การตัดอย่างกับหนังใหญ่ เล่าเรื่องผ่านภาพเก่งมากๆ งานโปรดักชันก็จัดเต็ม ฉากแอ็กชันทำได้ถึงใจและสนุกทุกฉาก งานซีจีก็ดีมาก อย่างที่บอกว่านี่คือการยกระดับซีรีส์เกาหลีจริงๆ ส่วนตัวชอบฉากแอ็คชั่นตอนแฟรงค์สู้กับเจ๊เสริมสวยที่มีพลังมองทะลุมากที่สุด ซีนนั้นดีไซน์ออกมาได้ดีมากๆ แต่ไม่ได้แปลว่าฉากอื่นไม่ดีนะ ดีเหมือนกันเพียงแต่ชอบอันนี้มากสุด
ซึ่งสิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างจากหนังและซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ ที่เราเคยดูก็คือ เรื่องนี้ไม่ใช่ซุเปอร์ฮีโร่แนวกู้โลกหรือช่วยเหลือผู้คน แต่มันคือซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่แนวการเมืองและครอบครัว คือเรื่องราวของผู้มีพลังวิเศษที่ถูกรัฐบาลใช้เป็นหมากเพื่อทำภารกิจทั้งที่ไม่เต็มใจ พอเวลาผ่านไปจนมีลูกพวกเขาก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกๆ ไม่ให้ต้องเผชิญเส้นทางชีวิตแบบเดียวกับตัวเอง คือมันเป็นเรื่องราวที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังและกินใจมากจริงๆ ตัวซีรีส์มีครบรสทุกอารมณ์ ทั้งความรักโรแมนติก แอ็กชัน เกมการเมือง ครอบครัว ไปจนถึงมิตรภาพ จึงไม่แปลกที่จะฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะมันเข้าถึงง่าย ทุกคนสามารถดูแล้วสนุกไปกับมันได้ เอาเป็นว่าไปดูกันเองเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน

ดีเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเป็น หนึ่งในซีรีส์ชีวิตวัยรุ่นที่ร่วมสมัยและดีที่สุด นิยามง่ายๆ "ความรัก มิตรภาพ ครอบครัว และความหลากหลาย" เขียนบทมาดีสุดๆ มันไม่ได้ล้ำลึกอะไร แต่ละเอียดละออและเข้าถึงจิตใจคนดู ตัวละครมีมิติที่หลากหลาย สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ส่วนตัวชอบพาร์ทครอบครัวมากๆ ทำดีและกินใจ ความรู้สึกคือยิ่งซีซันหลังๆ ซีรีส์มันยิ่งดี คนดูยิ่งอิน เพราะเราได้เห็นการเติบโตของตัวละครที่ร่วมเดินทางกันมาตั้งแต่ซีซันแรก แต่ใช่ว่าจะทำได่ง่ายๆ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ทำได้
ส่วนด้านกาแสดงนั้นไม่มีอะไรจะติ นักแสดงก็เล่นดีทุกคน การเล่าเรื่องก็ดี ส่วนด้านงานภาพและการตัดต่อนั้นไม่ต้องพูดถึง ดีมากกก ฉากเปิดดีทุกตอนเลยซีซันนี้ ตอนจบก็จบสวย มันสมเหตุสมผลแล้วที่จบแบบนี้ คือจะไปต่อหรือพอแค่นี้เลยก็ได้ ส่วนตัวซีซันนี้ชอบตัวละครเมฟมาก ชอบฉากงานศพแม่มาก ตอนที่เมฟพูดถึงแม่มันคือการสื่อสารตรงไปตรงมาว่าไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นหรือเลวร้อยเปอร์เซ็น แม่เมฟที่ติดยาและไม่เอาไหนก็ยังมีความรักให้ลูก ไม่เคยปล่อยให้ลูกอดอยาก ถึงจะทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดี แต่ก็ยังรักลูกและดูแลเท่าที่จะทำได้ ใครที่มีปัญหาไม่ลงรอยกับครอบครัว ถ้าได้ดูเรื่องนี้คุณจะเห็นมุมมองและได้คิดอะไรมากขึ้น อีกซีนที่ชอบคือตอนที่เมฟไปคุยกับแม่โอทิส มันเป็นซีนที่ตัวละครนี้ได้ปลดล็อคจริงๆ หลังจากเก็บทุกอย่างไว้ในใจมานาน ไปดูกันเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ยกให้เป็นซีรีสน้ำดีอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เป็นการปิดไตรภาคอย่างสวยงาม ใครหวังอยากเห็นแอ็กชันเดือดๆ ทั้งเรื่องก็อาจจะผิดหวัง เพราะภาคนี้มันคือบทสรุปของตัวละคร แนะนำให้ดู 1-2 ไปก่อน จะได้อินและเข้าใจตัวละครมากขึ้น ตัวหนังดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ ให้เราได้เห็นจุดพลิกผันของพระเอกที่ฆ่าคนมาเยอะและอยากจะหยุดพักในเมืองอันสงบสุข แต่กลับต้องเจอกับพวกมาเฟีย งานนี้พี่แกเลยขอไล่เชือดทิ้งท้ายเสียหน่อย
บทเขียนมากำลังดี เล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ แต่ไม่น่าเบื่อ ยังมีฉากฆ่าแบบเก๋าเกมให้เราได้หายคิดถึงอยู่ Robert McCall (รับบทโดย Denzel Washington) ก็ยังคงเป็นคนเดิม ถึงแม้จะเกษียณแล้วแต่แกก็เลือดเย็นเหมือนเดิม ส่วนตัวชอบการแสดงของป๋า Denzel มาก ถ้าไม่ใช่แกรับบทนำตัวหนังอาจจะดรอปกว่านี้ ภาพรวมคือดี เสียดายอย่างเดียวคือตัดจบไวไปหน่อย ยังอยากเห็นแกออกโรงอีกนิด

หนังที่เอานิทานยอดฮิตอย่างหนูน้อยหมวกแดงกับซินเดอเรลล่ามายำร่วมกันพร้อมทำเป็นแนวสืบสวนคดีฆาตกรรม ตัวหนังทำล้อเลียนแบบเอาฮาหลายฉาก บทเขียนมากลางๆ เรื่องการฆาตกรรมก็พอเดาได้ การสืบคดีก็ง่ายเกินไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ตัดจบเร็วมาก ภาพรวมคือธรรมดาไปทางแย่เสียด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรน่าจดจำเป็นพิเศษ

ไซไฟข้ามเวลาดราม่าโรแสนติกสไตล์เกาหลี บทเขียนมาดีมีความสลับซับซ้อน ช่วงกลางเรื่องสนุกมาก เสียดายที่บทเน้นไปที่พระนางมากเสียจนตัวละครอื่นดูเบาบางบวกกับตอนจบที่ธรรมดาไปหน่อย งานภาพดีงานโปรดักชันดี พระนางแสดงดีร้องไห้แบบสั่งได้จริงๆ นางเอกเล่นเป็นสองตัวละครได้แบบแนบเนียนเหมือนคนละคน ปล.เพลง Gather my tears ของซอจีวอนที่ใช้ประกอบเพราะมาก เพราะจนดูจบแล้วต้องมาหาฟังต่อ เสียอย่างเดียวคือใช้เพลงเดียววนซ้ำๆแทบทั้งเรื่อง

หนังระดับตำนานที่ดูตั้งแต่เด็ก ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ทึ่งทุกครั้งที่ดูว่าเขาทำงานโปรดักชันแบบนั้นออกมาได้ไงในยุคนั้น ครบรสทั้งความฮาและการเสียดสีชีวิตของคนงานในยุคปฏิวัติอุสาหกรรม การแสดงของ Charlie Chaplin คือที่สุด เป็นหนังที่ไม่มีเสียงแต่ทำให้เราอมยิ้มและสนุกไปกับมันได้จนจบ นี่แหละคือความมหัศจรรย์ของชายที่ชื่อ Charlie Chaplin