X-Men ของ MCU เริ่มต้นขึ้นอย่างลับ ๆ เมื่อ 11 ปีที่แล้วใน Captain America ภาคแรก

ซึ่งมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา ก่อนที่กลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์จะปรากฏในไทม์ไลน์หลักของ Marvel Cinematic Universe (MCU) และ Captain America: The First Avenger (2011) ได้ทำการจัดเตรียมการกลับมาของ X-Men ไว้ได้อย่างน่าประหลาดใจ

mutants-x-men-teased-in-captain-america-the-first-avenger-Wolverine-and-professor-x

อันที่จริงแล้ว Marvel Studios ได้เริ่มสร้าง X-Men อย่างละเอียด ที่รวมไปถึง Wolverine และ Professor X ใน MCU มาตลอดการดำเนินงานใน Captain America: The First Avenger เมื่อ Marvel ทำการเปิดตัว MCU ที่ต้องย้อนกลับไปในปี 2008 พวกเขาก็ต้องมุ่งเป้าหมายไปที่ฮีโร่ที่ตอนนั้นถือว่าอยู่ในระดับรอง ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เคยขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ให้กับตัวละครฮีโร่ที่โด่งดังที่สุดหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง X-Men, Fantastic Four และ Spider-Man ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถสร้างภาพยนตร์ของตัวเองที่นำแสดงโดยตัวละครเหล่านี้ได้

การเปลี่ยนแปลงก็ได้เกิดขึ้นเมื่อ Disney ได้ทำการซื้อทรัพย์สินทางภาพยนตร์และโทรทัศน์ของ Fox ในปี 2019 และสิทธิ์ใน X-Men และตัวละครที่เกี่ยวข้องก็ได้กลับมายังบ้านเกิดอย่าง Marvel Studios สำหรับ MCU เฟสที่ 4 ก็ได้มีการนำเสนอตัวละครและสถานที่ระดับรองออกมาจำนวนหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะ Ursa Major ใน Black Widow และ Madripoor ใน The Falcon & the Winter Soldier ในขณะที่ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ก็ได้มีการนำเสนอ Patrick Stewart ที่รับบทเป็น Professor X ที่เป็นตัวแปรสำคัญ และอีกไม่นานมนุษย์กลายพันธุ์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของไทม์ไลน์หลักใน MCU

เรื่องที่น่าแปลกก็คือ X-Men ได้ทิ้งคำใบ้ที่ละเอียดอ่อนมาตั้งแต่ MCU เริ่มต้นขึ้น ใน Captain America: The First Avenger ในปี 2011 มีบทสนทนาที่หลุดลอดออกมาง่าย ๆ หลังจากการเสียชีวิตของ Abraham Erskine ที่สันนิษฐานว่ากัปตันอเมริกาเป็นทหารชั้นยอดเพียงคนเดียว และพันเอก Phillips ที่โมโหก็หันมาหาเขา “คุณคือการทดลอง” เขาตะคอก “คุณกำลังจะตรงไปที่อลาโมกอร์โด” นี่เป็นส่วนลึกในตำนานของ X-Men ในคอมิกส์ Brian พ่อของ Professor X ทำงานในโรงงานที่เดิมเชื่อว่าเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอาลาโมกอร์โด (Alamogordo) รัฐนิวเม็กซิโก แต่ในที่สุดลูกชายของเขาได้เรียนรู้ว่านี่คือห้องทดลองปฏิบัติการ black ops ของรัฐบาลที่ทำการทดลองกับซุปเปอร์โซลเยอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ สิ่งนี้เข้ากันได้อย่างลงตัวกับความคิดเห็นของผู้พัน Phillips ต่อ Rogers

Wolverine-in-the-Weapon-X-program

การทดลองที่อลาโมกอร์โด ยังคงเป็นปริศนาแม้แต่ในคอมิกส์ แต่ในที่สุด Professor X ก็รู้ว่าสถานที่นี้ดำเนินการโดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อ Nathaniel Essex ซึ่งเป็นนามแฝงที่วายร้ายใน X-Men มักใช้คือ Mr. Sinister ซึ่งเป็นนักพันธุศาสตร์ที่เจ้าเลห์ ซึ่งมาจากลอนดอนในยุควิคตอเรีย และเชี่ยวชาญด้านการทดลองทางพันธุกรรม เขาทำงานร่วมกับ Brian Xavier, Kurt Marko พ่อเลี้ยงของ Professor X และแม้แต่ Mystique and Destiny ที่กลายพันธุ์มายาวนาน ที่นั่น พวกเขาทำการทดลองครั้งแรกกับการกลายพันธุ์ แต่แล้วก็เป็นดั่งสัญญาณที่ไม่ดี เมื่อ Brian Xavier มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อตั้ง Weapon X Project ซึ่งรับผิดชอบในการเคลือบกระดูกของ Wolverine ด้วย Adamantium

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้จะมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็น Easter Egg เท่านั้น แม้ว่าจะมีความละเอียดอ่อนจนเล็ดลอดผ่านผู้ชมส่วนใหญ่แล้วก็ตาม แต่ Marvel Studios สามารถนำไปใช้ใหม่ได้ในขณะนี้ เนื่องจากพวกเขามีสิทธิ์ในภาพยนตร์มนุษย์กลายพันธุ์และ X-Men เพียงเพราะมันอาจจะทำหน้าที่เป็นการตั้งค่าใหม่ในภายหลัง และล่าสุด MCU ก็ได้รวมเอาแนวคิดของ X-Men ไว้ในเฟส 4 แล้ว และ Easter Egg จุดเล็ก ๆ เช่น การอ้างอิงถึงอาลาโมกอร์โด ก็ทำให้พวกเขาสามารถจำลองชุมชนมนุษย์กลายพันธุ์ให้เป็นส่วนหนึ่งอย่างลับ ๆ ของ MCU ได้ตลอด ด้วยมนุษย์กลายพันธุ์ที่ทำงานในเงามืดซึ่งซ่อนตัวจากการมองเห็น และอย่างน้อยในเบื้องต้น Captain America: The First Avenger ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างไอเดียให้กับ X-Men ได้จริง ๆ

ที่มา: Screen Rant
0 ความคิดเห็น

คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้


ภาพยนตร์ในเครือ
Avengers 5

Avengers 5

-

0.0

Blade

Blade

เบลด

0.0

แสดงเพิ่มเติม

ข่าวจัดอันดับ

ประจำเดือนนี้