จาก The Handmaiden (2016) สู่ Alienoid (2022) Kim Tae-ri คือความลงตัวของภาพยนตร์ที่ทำให้ทุกอย่างดูสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

การพยายามหาวิธีที่จะอธิบายภาพยนตร์เรื่อง Alienoid ที่แม่นยำและชัดเจนที่สุดก็เหมือนกับการพยายามเก็บรายละเอียดแห่งกาลเวลาไว้ในมือเรา เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย Choi Dong-hoon ซึ่งเป็นภาพยนตร์แอ็กชันที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางข้ามเวลาของเกาหลีใต้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีการเน้นความเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ และความแฟนตาซีเข้าด้วยกัน จึงดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่วุ่นวายยุ่งเหยิง และดูน่ากลัวด้วยในเวลาเดียวกัน การบอกเล่าเรื่องราวนั้นครอบคลุมไทม์ไลน์ และแนวประเภทที่หลากหลาย ตัวภาพยนตร์ค่อนข้างจะจัดการได้ยากหรือไม่สามารถทำให้เรื่องราวกระชับได้ง่ายๆ จึงถือว่าเป็นลักษณะที่ยากจะรับมือได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังเป็นภาพยนตร์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วแทบจะหยุดหายใจ เพราะมันมีทุกอย่างให้เราได้รับชมบนหน้าจอ อย่างไรก็ตาม หัวใจของเรื่องนี้คือ Kim Tae-ri ที่ดูโดดเด่นในบทบาทของ Lee Ahn คนจากยุคเก่าที่ได้รับมอบหมายให้ต้องทำภารกิจกู้โลกตามที่เรารู้ข้อมูลของภาพยนตร์เรื่องนี้

เธอเป็นที่รู้จักมากที่สุดจากผลงานอันโดดเด่นในภาพยนตร์เรื่อง The Handmaiden และ Space Sweepers ของปี 2021 เธอเป็นนักแสดงที่มีพลัง ที่สามารถหายเข้าไปในบทบาทของตัวละครทุกตัวที่เธอแสดงจนถึงปัจจุบัน แม้แต่ใน 2 บทบาทจากภาพยนตร์ตามที่เอ่ยถึงด้วยเช่นกัน เธอสามารถแสดงได้มากมายหลายบทบาทและครอบคุลมมากกว่านักแสดงส่วนใหญ่ทำตลอดอาชีพการแสดง ใน The Handmaiden เธอสามารถเปลี่ยนจากการแกล้งเป็นคนรับใช้ที่ไม่อวดดีให้กลายเป็นทายาทของผู้มั่งคั่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการหลอกลวงที่ซับซ้อนไปจนถึงตกหลุมรักมาร์คดังกล่าว เธอได้ทำให้หนังระทึกขวัญเร้าอารมณ์ดูมีชีวิตชีวาซึ่งเป็นประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ท่วมท้นขณะที่เธอดึงดูดใจอย่างเต็มที่ในทุกแง่มุมและการเป็นจุดศูนย์กลางที่ทำให้เราต้องติดตามเธออย่างละสายตาไม่ได้ ไม่มีช่วงเวลาใดที่เราไม่เชื่อว่าเธอแสดงเป็นตัวละครตัวนั้น ในขณะที่เธอแสดงผ่านการหลอกลวง และความปรารถนาที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ มันยังคงเป็นภาพยนตร์ที่น่าทึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งจากการแสดงตัวตนที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้

ในภาพยนตร์เรื่อง Space Sweepers เป็นเหมือนละครโอเปร่าในอวกาศ ที่เป็นนิยายวิทยาศาสตร์และดูเหมือนว่าจะถูกประเมินค่าต่ำไปจากปีที่แล้ว เธอรับบทเป็นกัปตัน Jang และยังเป็นหัวหน้าของลูกเรือแร็กแท็กที่เดินทางผ่านกาแลกซีด้วยยานเรืออวกาศ Victory ของพวกเขาในฐานะผู้เก็บกวาดขยะอวกาศ พวกเขาเดินทางไปรอบๆ เพื่อเก็บเศษซากต่างๆ ในอวกาศ และพวกเขาทำมันทั้งหมดนี้เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น ตั้งแต่วินาทีแรกที่เราได้ถูกแนะนำให้รู้จักกับกัปตน Jang เธอก็ดูเท่และนำความมั่นใจมาสู่ตัวละครอย่างแท้จริง แม้ในขณะที่พวกเขาใช้กลอุบายบางอย่างเธอก็ยังแสดงนิสัยที่แข็งกร้าวออกมาเพื่อปกปิดอดีตอันมืดมิดของตัวเอง ถ้าคุณจะใส่สิ่งนี้ควบคู่ไปกับภาพยนตร์เรื่อง The Handmaiden คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่านี่คือนักแสดงคนเดียวกัน ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครสุดแหวกแนว เธอก็ดูโดดเด่นตั้งแต่ตอนที่เธอสวมแว่นตา และถ่ายภาพจากขวดโหลก่อนจะออกสู้รบพร้อมกับเหล่าลูกเรือของเธอและคู่แข่ง เธอสามารถรับมือกับสถานการณ์ไม่คิดเฉพาะหน้าได้อย่างแม่นยำ และไม่พลาดพลั้งท่ามกลางปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น

แม้ว่า Alienoid จะไม่ค่อยดีเท่าภาพยนตร์ 2 เรื่องก่อนหน้านี้ แต่ Kim Tae-ri ก็ได้ยกระดับทุกช่วงเวลาที่เธอได้เฉิดฉายอยู่บนหน้าจอ การแนะนำตัวของเธอในภาพยนตร์ดีมากคุ้มค่าแก่การรอคอย ตัวละครของเธอมีปืนที่ใช้มาตลอดจนถึงศตวรรษที่ 14 โดยไม่ต้องมีอะไรมากเกินไปในช่วงเริ่มต้น เธอวางยาพิษเจ้าบ่าว ขโมยหนวดปลอม และออกไปต่อสู้ เธอกลับมาเย็นชาอีกครั้งภายใต้แรงกดดัน และกำจัดศัตรูตามหลังได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าในลักษณะที่ดูจะงี่เง่ามากขึ้นเมื่อเธอกัดฟันของเธอในฉากการต่อสู้แต่ละครั้ง และเธอจะถึงปืนของเธอออกมาในเวลาที่เหมาะสมเสมอ ขณะที่เธอยิ่งนักธนูที่กระโจนใส่ และจับทุกคนเพื่อขโมยไอเท็มเวทมนตร์ที่เธอได้มา ทั้งหมดนี้เธอก็ไม่สะทกสะท้านกับคู่สามีภรรยาที่มองไม่เห็นซึ่งเธอได้ติดต่อด้วยก่อนที่พยายามจะหลบหนี เมื่อเธอถูกจับคุณจะไม่สามารถรอให้เธอหลุดพ้นได้

น่าเสียดายที่ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะสามารถกลับไปหาเธอได้ เนื่องจากเรื่องราวก้าวไปข้างหน้าอีกไกลสำหรับรันไทม์ที่เหลือส่วนใหญ่ โดยไม่ได้ให้อะไรเลย Lee Ahn ติดอยู่ซึ่งเหมือนเป็นการกีดกันเธอ และจบลงด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นการเสียนักแสดงที่มีพรสวรรค์ไป แม้ว่าจะมีส่วนที่ 2 รออยู่ ซึ่งก็ยังคงเป็นข้อพิสูจน์ถึงความน่าสนใจของการมีอยู่บนหน้าจอว่าเธอสามารถก้าวข้ามขอบเขตของการเล่าเรื่องที่ยังคงให้ความรู้สึกสนุกสนานระหว่างการรับชม บทบาทของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เปี่ยมล้น ซึ่งมีการนำเสน่ห์และความตลกขบขันที่เหมาะสมมาสู่สถานการณ์ที่ตัวละครของเธอต้องเผชิญ บ่อยครั้งที่นักแสดงฉากแอ็กชันอาจทำให้คนดูรู้สึกเฉยเมย และเย็นชา แต่ Lee Ahn นั้นแตกต่างออกไปเธอมักจะทำให้จบลงด้วยความรู้สึกขี้เล่น และสนุกสนานอย่างแท้จริงในการรับชม เพราะ Kim Tae-ri สามารถทำให้ฉากต่างๆ ของเธอเปล่งประกายได้อย่างง่ายดาย

การโต้ตอบอย่างรุนแรงนั้นเข้ากันได้เฉพาะกับแรงดึงดูดที่เธอนำมาขณะที่เธอเล่าว่าเธอพบตัวเองในอดีตได้อย่างไร ซึ่งเป็นการปลุกฝังทุกอย่างด้วยเดิมพันทางอารมณ์ที่จำเป็นซึ่งมักจะถูกใช้กับการแสดงในส่วนที่เหลือ ด้วยระยะและความมั่นใจของเธอ เธอได้สร้างตัวละครที่มีทั้งไหวพริบ และเฉลียวฉลาด ทำให้แม้แต่ในช่วงเวลาที่เธอพลิกบทไปที่การถูกตามล่าและจับกุมก็เป็นเรื่องที่สนุก แม้จะจบลงด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อยสำหรับตัวละครของเธอระหว่างการกระโดดไปมาตลอดเวลา ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เธอเป็นจุดสนใจของภาคต่อ เธอยังคงต้องเดินไปในรูปแบบที่จะสามารถสร้างความตื่นเต้นให้เราได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลำดับการถ่ายแบบปิดที่รู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องราวทั้งหมดกำลังค่อยๆ ถูกสร้างขึ้น

หากปราศจากความแข็งแกร่งของเธอในฐานะนักแสดง และความสามารถในการนำบทสรุปนี้ไว้บนบ่าของเธอ ในขณะที่ตัวละครกระดดดขึ้นไปในอากาศ มันก็คงไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับประสบการณ์ที่เธอได้รับ เธอมั่นใจว่ามันจะเป็นบันทึกที่ชัดเจนสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่จะจบลงด้วยการจัดการส่วนที่หยาบบางส่วนให้มีความละเอียดมากขึ้น เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกยินดีและให้อภัยในข้อผิดพลาดบางอย่างได้ อย่างน้อยที่สุดมันก็ได้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเธอสามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่พุ่งเข้ามาหาเธอได้ ไม่ว่าเรื่องราวจะตั้งอยู่ในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ หรือการเดินทางข้ามเวลา เธอจะยังคงเป็นเหตุผลที่ควรจะได้รับผลงานและโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต