ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่ใช่ชีวประวัติที่ตรงไปตรงมา แต่ต้องใช้เสรีภาพทางจินตนาการและความคิดมากกว่าที่ควรจะเป็น

แม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง Don’t Worry Darling (2022) อาจทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือด แต่ Blonde ของ Andrew Dominik ก็ได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีการโต้เถียงมากที่สุดในปี 2022 ได้อย่างง่ายดาย สัญญาณดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสเป็นเวลากว่าหลายเดือน ในขณะที่ได้รับเสียงปรบมือขณะที่ทุกคนยืนขึ้น ซึ่ง Blonde เป็นหนึ่งในภาพยนตร์สมัยใหม่ที่หาได้ยากในการสร้างแนว NC-17 ภาพยนตร์เรื่องนี้มีระยะเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในการรับชม ถือเป็นการทดสอบความอดทนสำหรับผู้ชมเพื่อทำสอบขีดจำกัดของตนเอง

ชีวิตของ Marilyn Monroe นั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และแม้ว่า Monroe จะเป็นนักแสดงที่มากฝีมือกว่าใครๆ ในสมัยนั้นก็ตาม เธอยังได้ผ่านโชคชะตาที่เลวร้ายอย่างน่าเศร้า และอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในยุคนั้นยังผลักให้เธอเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากสัญลักษณ์ทางเพศ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยโศกนาฎกรรมตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อแม่ของเธอต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวช และถูกประกาศให้เป็นผู้ป่วยของภาครัฐ ยังมีเรื่องราวของการถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกหลายๆ ครั้ง ที่ Monroe ต้องเผชิญ ถือเป็นเรื่องที่น่าสลดใจและทำให้เราต้องกลับไปคิดว่าเธอต้องอดทนกับอะไรบ้างในชีวิตแสนเศร้านี้

Blonde ไม่ใช่ชีวประวัติแบบดั้งเดิม แต่มีการเสริมเติมแต่งจินตนาการที่ยืดยาวจากนวนิยายของ Joyce Carol Oates ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรื่องนี้เป็นเรื่องราวสมมติของใครบางคนที่คล้ายกับ Monroe และยังมีการแสดงองค์ประกอบต่างๆ ในชีวิตของเธออย่างที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน แม้ว่านี่จะเป็นแนวคิดที่น่าสนใจในทางทฤษฎีสำหรับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ แต่ Dominik เลือกที่จะสนุกกับการดึงความโหดร้ายที่ Monroe ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นการถูกล่วงละเมิด บาดแผล และการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนักแสดงเท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องมีการแยกแยะ Blonde ออกจากหมวดสารคดี เนื่องจากทุกคนต้องการที่จะเรียนรู้เรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Monroe ซึ่งเราแนะนำให้คุณไปหาหนังสือ Marilyn: Norma Jean ของ Gloria Steinem หรือ MM Personal ของ Lois Banner – From the Private Archive of Marilyn Monroe แทน Blonde มีความไม่ถูกต้องบางประการที่เราได้เห็นซึ่งบางคนอาจมองว่ามันเป็นเรื่องราวที่ทำให้เธอต้องเสียเกียรติ และเป็นการเอาเปรียบเธอ มากกว่าที่จะแสดงชีวิตของเธอ

Marilyn Monroe แต่งงานกับใคร?

องค์ประกอบอย่างหนึ่งของเรื่องที่ดูเหมือนว่า Blonde จะเข้าใจคือเรื่องของความสัมพันธ์ที่ดูวุ่นวายระหว่าง Monroe กับสามีคนแรกของเธอ Joe DiMaggio รับบทโดย Bobby Cannavale เขาเป็นดาราเบสบอลชาวนิวยอร์กแยงกี้ในปี 1954 แต่พวกเขาก็เริ่มมีปัญหากันทันทีหลังแต่งงาน เมื่อมีรายงานว่า DiMaggio นั้นรู้สึกอับอายเมื่อภรรยาของเขาต้องไปแสดงตัวต่อหน้าทหารอเมริกันในเกาหลี และแม้ว่า DiMaggio จะอ้างว่าพวกเขายังคงเป็นเพื่อนกัน ข่าวลือเรื่องการล่วงละเมิดของเขาก็มีมาหลายปีแล้ว ในทำนองเดียวกัน Blonde ก็ได้มีการสำรวจการแต่งงานในครั้งที่ 2 ของ Monroe ด้วย

การแต่งงานครั้งที่ 2 ของ Monroe เกิดขึ้นกับนักเขียนบทละคร rthur Miller รับบทโดย Adrien Brody ทั้งคู่ดูเป็นคู่รักที่ค่อนข้างแปลกประหลาดในตอนแรก เนื่องจาก Miller เป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จ และยังอยู่ภายใต้การสืบสวนของสภากิจกรรม Un-American แม้ว่า Miller และ Monroe จะสามารถทำงานร่วมกันได้ในบางโปรเจ็กต์ แต่ Miller ก็รู้สึกหงุดหงิดกับความคาดเดาไม่ได้ของภรรยา และฟ้องหย่าเธอในปี 1961

Marilyn มีความสัมพันธ์กับ Charles Chaplin Jr. หรือไม่?

ดูเหมือนว่า Blonde จะมีการเสริมเติมแต่งความรักของ Monroe ที่มีกับ Charles Chaplin Jr. รับบทโดย Xavier Samuel และ Edward G. Robinson Jr. รับบทโดย Evan Williams ซึ่งเป็นแง่มุมที่ขัดแย้งกันมากที่สุดอย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากมันแสดงให้เห็นว่า Monroe ถูกบังคับให้ต้องทำแท้งเพื่อปกปิดการตั้งครรภ์จาก DiMaggio ในภายหลังยังได้เปิดเผยอีกว่า Charles Jr. หรือเรียกว่า Cass ได้ปลอมจดหมายถึง Monroe จากพ่อของเธอ ในขณะที่ Monroe มีข่าวลือว่ามีความสัมพันธ์กับ Chaplin เขาอ้างว่าในอัตชีวประวัติ My Father, Charlie Chaplin ว่าทั้งคู่ออกเดทตกันเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น และยังคงเป็นเพื่อนกัน แต่รายละเอียดของความสัมพันธ์ของ Monroe กับ Robinson หรือที่พวกเขาเรียกกันว่า Eddy นั้นหาได้ยากกว่า แต่พวกเขาก็พบกันหลังจากที่ความสัมพันธ์ของ Monroe กับ Chaplin ได้ข้อสรุปแล้ว

ครอบครัวของ Marilyn

Blonde มีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง แต่การวิเคราะห์ของ Monroe ไม่ได้ซับซ้อนไปกว่าปัยหาเรื่อง ‘พ่อ’ ของเธอ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ Monroe พยายามค้นหาพ่อที่แท้จริงของเธอซึ่งเธอเชื่อจนหมดใจตามที่แม่ของเธอเคยบอกตั้งแต่สมัยเด็กว่าพ่อของเธอคือชายหนุ่มที่มีภาพติดอยู่ที่ฝาผนังของบ้าน ต่อมาเธอมาทราบทีหลังว่าพ่อที่แท้จริงของเธอคือ Clark Gable นักแสดงจากภาพยนตร์สุดคลาสสิกฃในตำนานอย่าง Gone With The Windตัวเอียง (1939) ซึ่ง Blonde ได้จบประเด็นนี้ด้วยการลำดับเหตุการณ์ด้วยจินตนาการของเธอในชีวิตหลังความตาย โดยไม่สนใจการเพิ่มรายละเอียดให้มากกว่านี้ Monroe รู้สึกแค่ว่า Gable เป็นพ่อของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอฝังใจมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จากการออกเดทช่วงสั้นๆ ของแม่เธอ แต่ในความเป็นจริงนั้น นี่ไม่ความเชื่อที่แท้จริงของ Monroe ในตอนที่เธอได้เป็นนักแสดงที่โด่งดังแล้ว เธอและ Gable เคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง The Misfits ปี 1961 ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของพวกเขาทั้งคู่

เกิดอะไรขึ้นระหว่าง Marilyn และ JFK?

นี่คือเรื่องราวที่มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ที่ถูกกล่าวหาของ Monroe และประธานาธิบดี John F. Kennedy ที่ยังคงมีอยู่เป็นระยะเวลาหลายปี เช่นเดียวกับองค์ประกอบอื่นๆ ในชีวิตของ JFK ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นทฤษฎีที่ถูกตีความกันอย่างหลากหลาย และถูกปกปิดเป็นความลับ ตามรายงานจากทางการ Monroe มีชื่อเสียงโด่งดังมากจนถูกเชิญให้ไปร้องเพลงในวันเกิดอายุครบ 45 ปี ของเขาที่เมดิสัน สแควร์ การ์เดน เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ปี 1962 เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่เธอจะเสียชีวิต

ตามที่ James Spada ผู้เขียนชีวประวัติของ Monroe ได้กล่าวไว้ว่า ‘ค่อนข้างชัดเจน’ ว่าเธอมีความสัมพันธ์กับทั้ง JFK และ Robert Kennedy น้องชายของเขา ในขณะที่ DiMaggio ได้กล่าวว่า พี่น้อง Kennedys มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของอดีตภรรยาของเขาอย่างแน่นอน Dr. Rock Positano ได้ชี้แจงในชีวประวัติเมื่อปี 2017 ในตอนที่เขาทานอาหารค่ำกับ DiMaggio และจากความทรงจำของเขาที่ได้คุยกับหมอประจำตัวของ Monroe คือ พวก Kennedys ทำให้ Monroe มีสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคง ในขณะที่เธอต้องเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพจิต และอื่นๆ ยังมีฉากที่น่าขยะแขยงขณะที่ JFK รับบทโดย Caspar Phillipson ได้ล่วงละเมิดทางเพศ Monroe ในทำเนียบขาว ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากฉากที่คล้ายกันในนวนิยายของ Oate ขณะที่อดีตสายสืบหน่วยราชการลับยอมรับว่าได้มีการติดตาม Monroe ในช่วงที่เธออยู่กับ Kennedy แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเคยมีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น

ภาพยนตร์เรื่อง Blonde สามารถรับชมได้แล้วที่สรีมของ Netflix