บนโลกนี้จะมีเด็กสาวที่หลงรักความตาย กระหายการฆ่า แต่งตัวคลุมโทนเหมือนฟิลเตอร์ IG เดินได้บ้างไหม? ที่แน่ๆ เธอมีอยู่จริงใน Netflix ตอนนี้ ซึ่งเธอผู้นี้มีชื่อว่า Wednesday Addams

เชื่อว่าคนทุกวัยไม่มากก็น้อยต้องรู้จักกับ The Addams Family เพราะจากเท่าที่ผู้เขียนไปค้นคว้ามาแล้วภาพยนตร์ชุดนี้ออกมาแล้วหลายยุคหลายสมัย ทั้งในรูปแบบภาพยนตร์ ซีรีส์ทางทีวี และแอนิเมชัน แต่ทุกเรื่องก็ล้วนจะเล่าเรื่องราวของครอบครัวประหลาดนี้และโฟกัสที่ภาพรวมของครอบครัวโดยดำเนินเรื่องด้วย Morticia และ Gomez Addams ซะส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้เราจะได้เห็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่มีคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจที่สุดคนหนึ่งแบบเจาะลึกในซีรีส์ Wednesday ทาง Netflix

ซีรีส์ Wednesday สร้างโดย Alfred Gough และ Miles Millar ด้วยการซับพอร์ตของผู้กำกับสายโกธิกอย่าง Tim Burton ซีรีส์เรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวของ Wednesday Addams (รับบทโดย Jenna Ortega) ต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียนเก่าของเธอเนื่องจากพฤติกรรมสุดอันตรายที่อาจทำเพื่อนร่วมสถาบันถึงตายได้! ทว่าการถูกไล่ออกก็เป็นเรื่องปกติของเธออยู่แล้วเมื่อเธอต้องย้ายโรงเรียนมาไม่ต่ำกว่า 8 โรงเรียนด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ Wednesday จึงถูกส่งไปยังสถาบันเนเวอร์มอร์ (Nevermore Academy) ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของแม่เธออย่าง Morticia (รับบทโดย Catherine Zeta-Jones) โดยเป็นการฝากฝังลูกสาวไว้กับครูใหญ่ของโรงเรียนอดีตเพื่อนร่วมสถาบันอย่าง Larissa Weems (รับบทโดย Gwendoline Christie) เด็กสาวหน้าสวยสยองต้องเข้าร่วมห้องกับรูมเมท Enid Sinclair (รับบทโดย Emma Myers) นักเรียนมนุษย์หมาป่าสาวสุดร่าเริงที่คลั่งสีสันสดใส แต่ในความคิดของ Wednesday ก็มีแค่แผนการร่วมกับ Thing เจ้ามือสารพัดประโยชน์ ที่ต้องช่วยกันพยายามหนีไปจากโรงเรียนที่รวมคนแปลกประหลาดแห่งนี้

เพียงแค่วันแรก Enid ก็พา Wednesday เดินทัวร์ไปรอบโรงเรียนเพื่อแนะนำให้รู้จักกับเนเวอร์มอร์มากยิ่งขึ้น ในฉากนี้ทำให้รู้สึกมีความคล้ายกับหนังวัยรุ่นสาวอเมริกันไฮสคูลหลายๆ เรื่อง แต่กลุ่มต่างๆ ที่เธอแนะนำประกอบไปด้วยกลุ่มที่แปลกประหลาดอย่าง Fangs (แวมไพร์), Furs (มนุษย์หมาป่า), Stoners (กอร์กอน) และ Scales (ไซเรน) ซึ่งกลุ่มสุดท้ายนี้นำโดยเด็กสาวผิวสีชื่อ Bianca Barclay (รับบทโดย Joy Sunday) ที่เป็นตัวละครที่คอยขับเคี่ยวกันกับ Wednesday ตามสไตล์หนังวัยรุ่นไฮสคูล นอกจากนี้ Enid ก็ยังแนะนำตัวละครบางตัวที่จะเป็นศูนย์กลางของความลึกลับที่ในไม่ช้า Wednesday ก็ต้องไขความลับนั้น

เรื่องราวต่างๆ เริ่มมีปริศนาให้ Wednesday ต้องทำการคลี่คลาย ในระยะเวลาทั้งหมด 8 ตอนของซีรีส์ ปมต่างๆ เริ่มแทรกซึมเข้ามาในชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ฆาตรกรรมปริศนาที่ตำรวจต้องจับจ้องมาที่เนเวอร์มอร์, คำพูดที่กล่าวหาว่าพ่อของเธอ Gomez (รับบทโดย Luis Guzmán) เป็นฆาตรกรในตอนวัยรุ่น, ภาพวาดในหนังสือที่ห้องใต้ดินลับที่ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นอนาคต หรือการเห็นนิมิตของ Wednesday และอื่นๆ ที่จะตามมา ทั้งหมดล้วนเปลี่ยนใจเธอจากการพยายามหนีออกไปนอกรั้วโรงเรียนเป็นการเข้าสู่การเผชิญหน้ากับมัน

ซีรีส์ Wednesday ทำให้เราคุ้มค่าสำหรับรสชาติและอารมณ์ที่เหมือนเป็นการรวมภาพยนตร์หรือซีรีส์หลายๆ เรื่องเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนเนเวอร์มอร์ที่เป็นโรงเรียนประจำสุดพิเศษ เป็นสถานที่รวมตัวของมนุษย์ที่เหมือนๆ กัน โดยแบ่งเป็นกลุ่มก้อน มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราจะคิดถึง Harry Potter ในทันทีจากความรู้สึกแรก หรือเรื่องราววุ่นๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งของท้องถิ่นทำให้เรานึกถึงซีรีส์อเมริกันทีนอย่าง Riverdale หรือเรื่องรักสามเศร้าต่างสายพันธ์แบบ Twilight หรือ The Vampire Diaries หรือฉากที่แสดงให้เห็นความเป็นสาวไฮสคูลแบบ Mean Girls และ Do Revenge อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับหลักอย่าง Tim Burton เป็นผู้มีประสบการณ์อย่างดีสำหรับหนังแนวโกธิกดาร์กคอเมดี้ หรือแนวแฟนตาซีเหนือธรรมชาติ เช่น Charlie and the Chocolate Factory (2005), Alice in Wonderland (2010) หรือ Dark Shadows (2012) เป็นต้น มันจึงทำให้การผสมผสานกันของสิ่งเหล่านี้มันจึงดูมีความพิเศษและมีสไตล์เป็นของตัวเองสูง

การตีความตัวละครหลักอย่าง Wednesday Addams จากภาพยนตร์ต้นฉบับในยุค 90s ที่แสดงโดย Christina Ricci (ซึ่งเธอก็ได้มาแสดงในซีรีส์ด้วยในบท Marilyn Thornhill) เราจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันอยู่ นักแสดงสาวอย่าง Jenna Ortega ต้องแบกรับบทบาทที่นำไปสู่การดำเนินเรื่องทั้ง 8 ตอน และต้องเดินไปบนเส้นบางๆ ระหว่างความอ่อนโยนและความแข็งกร้าว จึงทำให้ Wednesday เวอร์ชัน Netflix จะเป็นคนที่ดูภายนอกเหมือนจะไร้หัวใจแต่ก็มีอารมณ์อ่อนไหวที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ภายใน ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นภาพของ Wednesday ที่ดูนุ่มนวลกว่าที่คนยุค 90s เคยรู้จัก แต่ถือว่าเป็นบทที่ยากและท้าทายสำหรับนักแสดงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ตัวละคร Wednesday เป็นตัวแทนในการพูดด้านลบๆ ทางโลกของมนุษย์ได้อย่างคมคาย จังหวะประชดประชัน เสียดสีแดกดัน เผยออกมาในไดอะล็อกที่ฟังแล้วสร้างอารมณ์ขันไม่น้อย ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นเรื่องร่วมสมัย เช่น การพูดถึงโซเชียลมีเดีย การพูดถึงประเด็นของผู้หญิงในสังคม ไปจนถึงสถาบันครอบครัว เป็นต้น ด้วยการที่เธอไม่สนใจชีวิตที่จะเติบโตในโลกห่วยๆ ฉะนั้นเธอยังคงรักษาคาแรกเตอร์สุดคลาสสิกนี้ไว้เพื่อจะกลายเป็นเชื้อเพลิงที่พร้อมจะเผาผลาญทั้งในจอและนอกจอ

ในเมื่อการนำเสนอ The Addams Family ที่เคยออกมาอย่างยาวนานและหลากหลายรูปแบบ จนเป็นการยากที่จะหาสิ่งใหม่ให้มาพูดถึง แต่เมื่อความคิดสร้างสรรค์ของทีมงานผู้สร้างเลือกที่จะนำตัวละครลูกสาวคนโตมาเล่าแบบละเอียดเช่นนี้ จนทำให้เราได้ท่องไปในโลกของโรงเรียนเนเวอร์มอร์ เครื่องแต่งกายที่มีไอเดียบรรเจิด รวมถึงเรื่องราวที่น่าติดตาม ดังนั้น สาวน้อยผู้ทำลาย อาจจะไม่ต้องสร้างความวายป่วงอย่างที่เราเคยรับรู้กันมาอย่างยาวนาน เพราะบางทีเราอาจจะไม่ต้องการเห็นเธอแบบนั้นแล้วใน Wednesday