ในบรรดาตัวละครมาสคอตค่ายเกมที่ถือกำเนิดในยุค '90s ตัวหนึ่งที่ยังอยู่รอดมาจนทุกวันนี้และเป็นที่รู้จักแพร่หลายคือดาวเด่นของ Sega อย่าง Sonic the Hedgehog หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ‘โซนิก เม่นสายฟ้า’ เม่นขนสีฟ้ายืน 2 ขาเหมือนมนุษย์พร้อมสกิลเฉพาะตัวในการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเสียง มีเกมของตัวเองกว่า 30 เกม ซึ่งแม้จะได้กระแสตอบรับบวกบ้างลบบ้าง (หลังๆ มานี่ลบมากกว่าบวก) แต่ในภาพรวมก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ทั้งยังมีสื่อมัลติมีเดียที่นำเสนอเรื่องราวภาคเสริมในแฟรนไชส์อีกหลายอย่าง ทั้งการ์ตูนคอมิก ภาพยนตร์ และซีรีส์ รวมถึงซีรีส์เรื่องล่าสุดที่ฉายใน Netflix อย่าง Sonic Prime

Sonic Prime เป็นซีรีส์แอนิเมชันคอมพิวเตอร์กราฟิก (ซีจี) 3 มิติที่ WildBrain Studios ผลิตร่วมกับ Man of Action Entertainment โดยมี Sega และ Netflix สนับสนุน นำแสดงโดยกลุ่มตัวละครขาประจำจากเกมและการ์ตูนในแฟรนไชส์ Sonic ในยุคศตวรรษที่ 21 ได้แก่ โซนิก (พากย์เสียงโดย Deven Mack), เทลส์ จิ้งจอก 2 หาง (พากย์เสียงโดย Ashleigh Ball), นักเคิลส์ ดิ อีคิดนา (พากย์เสียงโดย Adam Nurada และ Vincent Tong), เอมี โรส เม่นสาวสีชมพู (พากย์เสียงโดย Shannon Chan-Kent) และศัตรูตลอดกาลของโซนิกและผองเพื่อนอย่าง ดร.เอกก์แมน (พากย์เสียงโดย Brian Drummond) สมทบด้วยตัวละครชั้นรองที่โผล่มาไม่บ่อยเท่า 5 ชื่อแรกเมื่อกี้ อย่างเช่น ชาโดว์ เม่นดำจอมขี้เก๊ก (พากย์เสียงโดย Ian Hanlin) ค้าวคาวรูจ (พากย์เสียงโดย Kazumi Evans) บิ๊ก แมวตัวอ้วนใหญ่สมชื่อ (พากย์เสียงโดย Hanlin) ออร์บอต & คิวบอต หุ่นผู้ช่วย (เบ๊) ของ ดร.เอกก์แมน (ทั้งคู่พากย์เสียงโดย Mack) เป็นต้น

ในแฟรนไชส์ Sonic จะมีกิมมิกอย่างหนึ่งที่โผล่มาให้เห็นเรื่อยๆ นั่นคือมีหินหรืออัญมณีอะไรสักอย่างที่มีพลังมหาศาล แล้วตัวร้ายอย่าง ดร.เอกก์แมน (หรือชื่อเวอร์ชันฝรั่งคือ ‘ดร.โรบอตนิก’) จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หินหรือมณีที่ว่ามาครอบครองและเอาพลังไปทำเรื่องชั่วๆ ส่วนโซนิกและพวกก็จะต่อสู้เพื่อปกป้องหรือแย่งชิงหินเหล่านั้นกลับมา สำหรับเกมและการ์ตูนในยุค 90’s ของที่ว่านี้คือมรกตเคออส (Chaos Emerald) ในเกม Sonic Mania (2017) และ Sonic Forces (2017) คือทับทิมมายา (Phantom Ruby) ส่วนในกรณีซีรีส์ Sonic Prime มันคือแก้วผลึกที่เรียกว่า ‘ปริซึมแห่งความย้อนแย้ง’ (Paradox Prism)

เปิดเรื่องมาตอนที่ 1 เอกก์แมนก็กำลังจะขุดปริซึมออกมาจากหุบเขากรีนฮิลได้แล้ว พวกโซนิกไม่รู้ว่าปริซึมนี้มีพลังอะไร เอกก์แมนต้องการไปทำไม ดร. แกก็ไม่ได้บอกอะไร แต่ผู้ชมก็ได้รู้ในอีกไม่นาน เมื่อโซนิกใช้ท่าโจมตีประจำตัวอย่างหมุนตัวเป็นก้อนกลมพุ่งเข้าใส่เอกก์แมน แต่กลับทำให้ปริซึมแตกเป็นชิ้นๆ โดยไม่ตั้งใจ พลังงานมหาศาลที่แผ่ออกมาก่อให้เกิดพหุจักรวาลซึ่งในเรื่องนี้เรียกว่า ‘แชตเตอร์สเปซ’ (Shatterspace) โซนิกที่เป็นตัวแทนคนดูถูกส่งไปเยือนจักรวาลคู่ขนานแห่งแล้วแห่งเล่าซึ่งต่างก็มีคอนเสปต์เฉพาะตัว ทั้งกรีนฮิลที่กลายเป็นดิสโทเปียอุตสาหกรรมหนัก กรีนฮิลที่ปกคลุมด้วยผืนป่า กรีนฮิลที่จมอยู่ใต้ทะเล ฯลฯ อีกทั้งได้พบเจอเพื่อนๆ ในเวอร์ชันต่างๆ รวมถึงค้นพบว่าแต่ละจักรวาลมีเศษชิ้นส่วนปริซึมอยู่แห่งละชิ้น ระหว่างนั้นเอง ตัวร้ายหลักประจำซีซันก็ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของชิ้นส่วนปริซึม ก่อนจะวางแผนเดินทางไปเก็บรวบรวมชิ้นส่วนปริซึมในจักรวาลต่างๆ เพื่อใช้ยึดครองแชตเตอร์สเปซทั้งหมด

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ซีรีส์นี้มีความแฟนเซอร์วิสสูงมากๆ มีการใส่ Easter eggs เอาไว้ดักแฟนๆ หรือผู้ชมที่คุ้นเคยกับ Lore หรือความเป็นมาของเนื้อเรื่องและตัวละครในแฟรนไชส์ Sonic the Hedgehog เยอะมาก เช่น ตัวเลข ‘1992’ ที่เทลส์ (ทั้งในจักรวาลหลักและในนครนิวโย้ก) ตั้งเป็นรหัสผ่านเข้าแล็บส่วนตัว คือเลขปีที่เกม Sonic the Hedgehog 2 วางจำหน่ายครั้งแรก หรือเรียกได้ว่าเป็นปีเกิดของเทลส์นั่นเอง และในฉากที่โซนิกเล่าความเป็นมาของเพื่อนๆ บางตัว อย่างเทลส์และนักเคิลส์ ภาพในช่วงนั้นจะทำเลียนแบบกราฟิกในเกมที่ตัวละครเหล่านั้นปรากฏตัวครั้งแรก

ในทางกลับกัน ถ้าคุณเป็นคนดูที่ไม่รู้สี่รู้แปดอะไรเกี่ยวกับแฟรนไชส์ Sonic มาก่อน ซีรีส์นี้จะแนะนำให้คุณรู้จักบรรดาตัวละครหลักเพียงผิวเผิน ก่อนจะทิ้งให้คุณยืนงงกลางดงรายละเอียดยิบย่อยมากมาย เป็นต้นว่า ทำไมสัตว์พูดได้พวกนี้ม้วนตัวเป็นก้อนกลมโจมตีด้วยท่าสปินแดชได้? ทำไมโซนิกต้องวิ่งเก็บห่วงสีทองๆ? ทำไมชาโดว์ถึงดูคล้ายโซนิกในภาคแบดบอยและพุ่งตัวไปมาด้วยท่าทางเหมือนกำลังไถโรลเลอร์สเกตตลอดเวลา? ฯลฯ ถ้าดีเทลเหล่านี้กวนใจคุณจนทำให้ติดตามเรื่องต่อไปได้ยาก ขอแนะนำให้ค้นหาคำตอบในกูเกิลหรือยูทูบดูเอาแทน เพราะคุณจะไม่ได้คำตอบของเรื่องเหล่านี้ในซีรีส์นี้แม้แต่น้อย

ข้อมูลจาก WildBrain Studios แจ้งว่าวางแผนทำซีรีส์นี้ไว้ทั้งหมด 3 ซีซัน รวมจำนวนตอน 24 ตอน ซีซันแรกที่เพิ่งปล่อยมามี 8 ตอน จังหวะเรื่องแผ่วลงไปหน่อยช่วงกลางๆ ซีซัน ซึ่งเป็นเพราะฉากท้องเรื่องและเนื้อเรื่องในช่วงนั้นออกจะน่าเบื่อเมื่อเทียบกับช่วงอื่นๆ แต่ในภาพรวมแล้วนับว่าเดินเรื่องในจังหวะพอดี กระจายช่วงคลายปมเรื่องเก่าและทิ้งปมปริศนาใหม่อย่างทั่วถึง สร้างความรู้สึกให้อยากติดตามเรื่องต่อได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจบตอนที่ 8 แล้วยิ่งอยากดูต่อ เพราะจบได้ค้างคาสุดๆ ทั้งยังทิ้งปริศนาไว้อีกเพียบ

ถ้าไม่นับพล็อตเรื่องที่ดูจะเป็นลูกผสมระหว่าง Avengers: Infinity War (2018) กับ Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) เนื้อเรื่องของ Sonic Prime มีอะไรหลายอย่างที่ชวนให้รู้สึกว่าคล้ายวิดีโอเกม แต่ละจักรวาลคู่ขนานเป็นเหมือนเลเวลหรือด่านที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีชิ้นส่วนปริซึมเป็นเป้าหมายในการเคลียร์เควสต์หลักประจำด่าน มีสกิลพิเศษที่โซนิกใช้ได้เฉพาะในแต่ละด่าน ซึ่งมาพร้อมกับรองเท้าที่เปลี่ยนรูปร่างไปตามธีมของจักรวาลต่างๆ มีคู่ต่อสู้ซึ่งทำหน้าที่คล้ายบอสประจำด่าน ดูไปดูมาเลยแอบคิดว่า เผลอๆ ซีรีส์นี้อาจมีจุดเริ่มต้นเป็นคอนเสปต์เกม ทว่า Sega สั่งพับโปรเจกต์ไปก่อน เลยกลายมาเป็นทีวีซีรีส์แทน

นอกจากคอนเสปต์พหุจักรวาลคล้าย Marvel แล้ว สิ่งที่เป็นไฮไลต์อีกอย่างของซีรีส์นี้น่าจะไม่พ้นเหล่าตัวละครใหม่ที่เป็นเวอร์ชันมิติคู่ขนาน (หรือถ้าเรียกตามซีรีส์ Loki (2021) ก็คือ ‘ตัวแปร’) ของบรรดาตัวละครที่แฟนๆ คุ้นหน้าคุ้นตาจากในแฟรนไชส์ โดยมีคาแรกเตอร์ดีไซน์ที่ดูเข้ากันกับธีมประจำจักรวาลของตัวเอง และส่วนใหญ่แล้วใช้นักพากย์คนเดียวกันกับตัวละครต้นฉบับ มีไม่กี่ตัวที่ใช้นักพากย์คนละคน เช่น นักเคิลส์ ซึ่งในจักรวาลหลักพากย์โดย Adam Nurada แต่เวอร์ชันอื่นเท่าที่ปรากฏตัวในซีซันแรกพากย์โดย Vincent Tong ทั้งหมด โดยส่วนตัว ตัวที่ผมชอบดีไซน์ที่สุดคือ ‘ไนน์’ (Nine) หรือเทลส์แห่งนครนิวโย้ก ซึ่งนอกจากจะมี 2 หางแบบตัวออริจินัลแล้ว ยังสร้างหางจักรกลเพิ่มมาอีก 7 หาง ใช้ได้ทั้งหมุนเป็นใบพัดเฮลิคอปเตอร์ร่วมกับหางออร์แกนิก ทำให้บินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แถมยังใช้เดินและไต่ผนังกำแพงเหมือนขาแมงมุมจักรกลหรือหนวดเหล็กของ ดร.ออกโทปุสจาก Spiderman ได้ด้วย

ที่น่าสนใจรองลงมาคือตัวร้ายหลักประจำซีซันอย่าง ‘สภาเคออส’ ผู้ปกครองนครนิวโย้ก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเวอร์ชันคู่ขนานของ ดร.เอกก์แมน ทว่าแทนที่จะมาแค่คนเดียวแบบตัวละครอื่น พี่แกกลับโผล่มาทีเดียว 5 คน คนละช่วงวัย ตั้งแต่ทารก วัยรุ่น วัยหนุ่ม วัยกลางคน และวัยชรา มีความประหลาดอย่างหนึ่งตรงที่โซนิกและพวกเราคนดูจะไม่พบเวอร์ชันอื่นของเอกก์แมนในจักรวาลอื่นเลย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีความเกี่ยวข้องอะไรกับแผนการของเอกก์แมนในจักรวาลต้นฉบับหรือไม่ คงต้องรอติดตามว่าในซีซัน 2 และ 3 จะเฉลยอะไรตรงนี้หรือเปล่า ถ้าไม่มีจะได้ด่าได้เต็มปากพอถึงตอนนั้น

ส่วนตัวละครที่น่ารำคาญที่สุดประจำซีซัน ขอยกให้พี่เม่นดำชาโดว์ เหมือนทีมผู้สร้างกลัวคนดูจะไม่รู้ว่าตัวละครนี้มีบทบาทเป็นคู่ปรับกับโซนิก (แต่ไม่ถึงกับเป็นศัตรูกันแบบเอกก์แมน) ก็เลยโชว์ภาพให้แกดูเหมือนอยากจะเข้าไปหาเรื่องโซนิกอยู่ตลอด เอะอะๆ ก็จะเข้าไปตั๊นหน้า ทั้งที่ถ้าดูตามบทสนทนาแล้ว เหมือนชาโดว์แค่ต้องการเตือนโซนิกไม่ให้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า อย่ารีบร้อนทำอะไรที่จะกลายเป็นว่าเข้าแผนตาเอกก์แมนไปซะงั้น ซึ่งก็เป็นคำเตือนที่ถูกต้อง เพราะความวายป่วงทั้งหลายทั้งปวงในเรื่องนี้มันก็มีที่มาจากความใจร้อนของเจ้าเม่นสายฟ้าของเราที่ดันไปทำปริซึมแตกเข้านั่นเอง

หลังจบ 8 ตอนของซีซันแรก ก็ยังเหลือเนื้อหาอีก 2 ใน 3 ที่รอการคลี่คลาย ต้องรอชมว่าซีซัน 2 (ซึ่งในขณะที่เขียนรีวิวนี้ ยังไม่มีกำหนดออกฉายประกาศอย่างเป็นทางการ) จะคลี่คลายปมเก่าพร้อมกับสร้างปมใหม่ที่น่าสนใจพอให้ผู้ชมอยากรับชมไปจนครบ 3 ซีซันตามเจตนาของผู้สร้างได้หรือไม่ ตัวเรื่องจะเอาคอนเสปต์ของจักรวาลคู่ขนานไปขยายต่อได้ถึงระดับไหน รวมถึงจะมี Easter egg เด็ดๆ อะไรจากแฟรนไชส์ Sonic มาดักแฟนๆ กันอีก ถ้าคุณเป็นแฟนโซนิกเหมือนกัน มารอลุ้นไปด้วยกันครับ