รีวิว BEEF ซีซัน 1 วิกฤตวัยกลางคนที่ต้องปรุงแต่งอย่าง Beef! โดยมีรสชาติของชีวิตอย่าง Bad!

ซีรีส์เรื่อง Beef ที่กำลังฉายอยู่บน Netflix ถือเป็นการร่วมมือกันที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ระหว่างสตรีมมิงยักษ์ใหญ่และบริษัทผลิตภาพยนตร์สุดอินดี้ที่เขย่าเมนสตรีมได้อย่างสั่นสะเทือนด้วยแนวทางของตัวเองอย่าง A24 ที่เพิ่งพาหนังเรื่อง Everything Everywhere All at Once คว้ารางวัลออสการ์ไปหมาดๆ ด้วยเหตุนี้ ก็นับว่าเป็นความน่าสนใจและก็เป็นเวลานานแล้วที่เราไม่ได้เห็น Netflix สร้างซีรีส์ที่มีรสชาติกลมกล่อมด้วยมุมมองเช่นนี้

เรื่องราวของ Beef ว่าด้วยจุดเริ่มต้นที่ดูจะแสนธรรมดาสามัญชน เมื่อผู้รับเหมาก่อสร้างที่ล้มเหลวในชีวิตอย่าง Danny (รับบทโดย Steven Yeun) และนักธุรกิจที่รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตอย่าง Amy (รับบทโดย Ali Wong) ต้องมาปะทะอารมณ์กันในเหตุการณ์ที่เดือดดาลบนท้องถนน จากเหตุการณ์ที่รถยนต์ของทั้งคู่เกือบจะชนกันที่เริ่มในลานจอดรถของซูเปอร์สโตร์ จนทำให้ทั้งคู่ที่กำลังอยู่คนละฟากฝั่งของวิกฤตวัยกลางคนนั้นต้องระเบิดอารมณ์ออกมา และนำไปสู่การดวลกันด้วยด้านมืดของจิตใจที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น!

แม้จุดเริ่มต้นของเรื่องราวจะคือเหตุการณ์บนท้องถนนที่เราก็อาจจะเคยเจอกันไม่มากก็น้อย แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากเหตุการณ์ของ Danny และ Amy มันกลับถลำลึกไปเป็นการแข่งขันและทำลายชีวิตของกันและกัน ซึ่งเราจะได้เห็นคนทั้งสองคนที่ค่อยๆ กลายสภาพตัวเองไปเป็นหลุมดำและดูดกลืนทุกคนในชีวิตของพวกเขาเข้าสู่ความมืดมิด แต่ในที่สุด เมื่อซีรีส์ดำเนินไปพร้อมกับการต่อสู้ระหว่าง Danny และ Amy ซีรีส์ก็เริ่มปรากฏสิ่งที่เหมือนเป็นกล้องขยายฉายให้เห็นจุดที่อยู่ลึกที่สุดของพวกเขาทั้งคู่ ซีรีส์เริ่มทำให้เราได้เข้าใจถึงสิ่งที่ซีรีส์พยายามจะสื่อสารกับคนดู และมันทำให้เราเข้าใจว่าจริงๆ แล้วคนสองคนนี้เป็นใคร และเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของพวกเขามาก่อนที่จะหล่อหลอมทำให้พวกเขากลายเป็นความเกลียดชังต่อกัน

backdrop-0

แน่นอนว่าช่วงแรกของซีรีส์ Beef โทนของมันอาจทำให้เราคิดว่ากำลังดูหนังตลกร้ายที่เต็มไปด้วยลูกเล่นและการห้ำหั่นกันไปมา จนกระทั่งซีรีส์ก็เริ่มปรับโทนที่ดูซีเรียสมากขึ้น และพยายามสร้างประเด็นที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นที่เกี่ยวกับการค้นหาความสุขและความหมายในชีวิต ซีรีส์พยายามสร้างอารมณ์ร่วมของผู้ชมตั้งแต่ต้นด้วยภาพเปิดของแต่ละตอนที่แสดงเป็นภาพวาดสีน้ำมันที่มีสไตล์ฝีแปรงพู่กันที่ดูรุนแรงและพร้อมกับสื่อความหมายของชื่อตอนที่สามารถเชื่อมโยงไปยังชีวิตของ Danny และ Amy ราวกับว่าเรื่องราวในแต่ละตอนนั้นคือบทกวีร่วมสมัยที่อธิบายอารัมภบทที่มาในรูปแบบจิตรกรรม นอกจากนี้ ในทุกๆ ตอนจบของแต่ละตอนซีรีส์ยังคัดสรรค์เพลงฮิตจากวงร็อกและศิลปินชื่อดังมาแปะท้ายที่มีความหมายตามสถานการณ์ของตัวละครไว้มากมาย อย่างเช่นเพลง The Reason ของ Hoobastank, Cornflake Girl ของ Tori Amos, Drive ของ Incubus, Self Esteem ของ The Offspring, Machinehead ของ Bush และ Lonely Day ของ System Of A Down เป็นต้น

การขับเคลื่อนเรื่องราวที่ซีรีส์นี้จะขาดไม่ได้ก็คือการแสดงของ Steven Yeun และ Ali Wong ซึ่งพวกเขาได้นำพาผู้ชมให้ติดตามตัวละคร Danny และ Amy ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปสู่เรื่องราวสุดสะเทือนใจ ความน่ารักมีเสน่ห์แต่ดูผิดปกติไม่สบายใจ ไปจนถึงความชั่วช้าที่ยังคงเชิญชวนให้เราเห็นอกเห็นใจ ซึ่งสิ่งที่ได้มาจากการแสดงของพวกเขานั้นก็คือเคมีที่เข้ากันของตัวละครที่เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นกันมาก่อน และผู้สร้าง Lee Sung-jin ก็ทำออกมาให้ดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง

backdrop-1

แม้ว่าตัวละคร Danny และ Amy อาจจะเริ่มต้นด้วยความเกลียดชัง แต่ในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นกระจกสะท้อนของกันและกัน เมื่อเรื่องราวดำเนินมาจนถึงบทสรุปแล้ว ใจความในการตั้งคำถามหลักๆ ของซีรีส์นี้อาจจะมีเพียงสองประเด็นใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์ ก็คือ พ่อแม่ของเราตัดสินใจว่าจะมีลูกหรือไม่? กับ เราต้องตัดสินใจว่าเราอยากเป็นอะไร? และแน่นอนว่าเมื่อใจความของเนื้อหามีคำถามสองส่วนนี้มันก็เป็นจุดที่ทำให้ Beef หลุดออกจากความตึงเครียดไม่ได้ เราจะเห็นได้ว่าความไม่มั่นคงในครอบครัวของ Danny และ Amy ก็เป็นตัวทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับพ่อแม่ลดลง ทางด้าน Danny ก็กลัวจะทำให้พ่อแม่ผิดหวังและไม่พอใจ ส่วน Amy ก็กลัวว่าจะกลายเป็นแบบพ่อแม่ของเธอที่เคยทำผิดต่อกัน ซีรีส์เรื่องนี้อาจให้ข้อคิดที่ว่าบางทีคนสองคนที่ไม่รู้จักกันและไม่คิดจะนับญาติกันอาจจะมาถึงจุดๆ หนึ่งที่กลับรู้เรื่องของกันและกันมากกว่าคนรอบตัวที่พวกเขารู้จักมานานหลายปีด้วยซ้ำ

Beef เป็นการเดินทางที่ไม่ใช่รถยนต์เจ้ากรรมของทั้งคู่ แต่เป็นทางอารมณ์ที่ขับเคลื่อนคุณผ่านแรงผลักจากสิ่งเลวร้ายและแรงดึงเข้ามาสวมกอดที่เกิดขึ้นเป็นระยะจากทั้ง Danny และ Amy ซึ่งบางทีก็ทำให้เราเผลอตกหลุม (ดำ) รักพวกเขามากขึ้น และในตลอดเวลาที่เราเฝ้าดู Danny และ Amy ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับทุกสิ่งที่พวกเขาเลือกทำ ตั้งแต่เหตุการณ์ความเดือดดาลบนท้องถนนที่เป็นเวรเป็นกรรมต่อกันไปจนถึงอนาคตของครอบครัวของพวกเขาก็ตามที เรื่องราวทั้งหมดนี้อาจอุปมาอุปไมยได้ตามชื่อเรื่องว่ามันคือ “เนื้อวัว” หากแต่ว่าสำหรับ Amy มันกลับไม่ใช่สเต็กวากิวที่เธอคุ้นเคยในรสชาติ สำหรับ Danny อาจไม่ใช่บาร์บีคิวเกาหลีที่ย่างอยู่นอกอพาร์ตเมนต์ แต่มันคือเนื้อวัวที่พวกเขาต้องรังสรรค์มันขึ้นมาตามรสชาติของชีวิตนั่นเอง

backdrop-2

สุดท้ายนี้ ซีรีส์เรื่อง Beef ก็นับว่าเป็นความพยายามที่ไม่เหมือนใครที่สุดของ Netflix ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาเริ่มมีวัตถุดิบประเภทนี้ไปต่อสู้กับสตรีมมิงบางค่ายได้แล้ว และผลงานของผู้สร้างอย่าง Lee Sung Jin เรื่องนี้นั้น ราวกับว่าเขาหมักเนื้อชิ้นนี้ด้วยมุมมองที่ไม่เหมือนใครและทำให้เนื้อมันนุ่มลงโดยพล็อตที่คาดไม่ถึง จนในที่สุดมันก็กลายเป็นอาหารอันโอชะที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง

avatar
รีวิวโดย AVAVARAN
0 0

9.0 / 10

รายละเอียดคะแนน

circle

คุณภาพด้านการแสดง

9.0 / 10

circle

คุณภาพของบทภาพยนตร์

9.0 / 10

circle

คุณภาพด้านเทคนิคการสร้าง

9.0 / 10

circle

คุณภาพด้านเสียง

9.0 / 10

circle

ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

9.0 / 10

ข้อมูลซีรีส์

คอเมดี้|ดราม่า|

Revenge is best served raw.

ฉายตอนแรกเมื่อ Apr 6, 2023

ภาษาต้นฉบับ

อังกฤษ

เรต

TV-MA

ซีซันและตอน

2 ซีซัน 10 ตอน

TMDB

7.8

ตัวอย่างซีรีส์

trailer

นักแสดง

profile

Steven Yeun

Danny Cho

profile

Ali Wong

Amy Lau

profile

Joseph Lee

George Nakai

profile

David Choe

Isaac Cho

แสดงเพิ่มเติม

0 ความคิดเห็น

คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้