5 นักแสดงตัวร้ายจากซีรีส์สุดฮิต The Glory รวมตัวกันถ่ายแบบกับ W Korea!

The Glory ของ Netflix เรียกได้ว่าปังสุดจนฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว นอกจากจะบอกเล่าเรื่องราวการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน และการแค้นที่เจ็บแสบแล้ว ยังทำให้นักแสดงทุกคนในเรื่องได้รับความปังแบบไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียวโดยเฉพาะเหล่าตัวร้ายที่ใครๆ ก็อยากที่จะจับมาหยุมหัวให้หายแค้นทน Dong Eun ที่แสดงโดย Lim Ji Yeon, Park Sung Hoon, Kim Hieora, Cha Joo Young และ Kim Gun Woo วันนี้พวกเขาทั้ง 5 จะมาพูดถึงบทบาทการแสดงจากซีรีส์สุดฮอตเรื่องนี้ และได้ถ่ายแบบร่วมกันอีกด้วย

หลังจากที่รับบทเป็น Park Yeon Jin นักแสดงสาว Lim Ji Yeon ก็สัมผัสกับความยากลำบากในการแสดงบทตัวร้ายที่ไม่มีเรื่องราวเบื้องหลังที่ซับซ้อน เธอชั่วร้ายอย่างน่ากลัวโดยไม่มีเหตุผล นักแสดงสาวกล่าวว่า

ฉันควรจะบอกว่าเธอมีแนวโน้มทางจิตหรือไม่? เป็นเพราะเธอได้รับการเลี้ยงดูจากแม่ที่ชั่วร้ายของเธอหรือเปล่า? หลังจากที่มีคำถามเหล่านี้มากมาย ฉันก็สรุปได้ว่า Yeon Jin ไม่รู้อะไรเลย เธอไม่รู้แนวคิดของความรู้สึกที่ไม่ดี หรือรู้สึกผิด เธอไม่ต้องทำงานอย่างหนักเพราะอยากได้อะไร เธอแค่ใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่เธอมีอยู่แล้ว เมื่อฉันเริ่มคิดจากตรงนั้น ฉากทั้งหมดก็ค่อยๆ คลี่คลาย

สตูดิโอสำหรับถ่ายภาพ W Korea แห่งนี้เป็นสถานที่เดียวกับที่ Lim Ji Yeon ไปเยี่ยมชมเพื่อถ่ายภาพกลุ่มร่วมกับนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง Tazza: One-Eyed Jack ในปี 2019 ผู้สัมภาษณ์ได้พูดถึงความมุ่งมั่นของนักแสดงสาว Lim Ji Yeon นั้น เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนนั้น เธอยังคงเป็นนักแสดงที่มีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกับหลายปีต่อมา

Lim Ji Yeon ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

ความสิ้นหวังของฉันมาจากความปรารถนาที่จะให้ดีกับสิ่งที่ฉันได้รับค่ะ โดยพื้นฐานแล้วสำหรับฉัน ฉันใช้ชีวิตในฐานะ Yeon Jin มาหลายเดือน และคิดมากเกี่ยวกับบทบาทนี้ แต่ถ้าฉันทำได้ไม่ดีเมื่ออยู่ในกองถ่ายล่ะ แค่คิดถึงฉันก็รู้สึกแย่แล้วค่ะ

เธออธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอต้องการทำให้ดีมากกว่าเดิมโดยกล่าวว่า

น่าจะเป็นเพราะปมด้อยของฉันค่ะ ฉันเคยอิจฉาคนที่ทำได้ดีเสมอ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือการทำงานหนัก เพราะฉันไม่คิดว่ามันเป็นธรรมชาติสำหรับฉัน ฉันเติบโตมาอย่างดี มีความสุข และไม่มีปัญหาในสภาพแวดล้อมทั่วไป ถ้าฉันจะต้องแสดง ฉันจะต้องยืนหยัดและอย่าสิ้นหวัง

ต่อกันที่นักแสดงหนุ่ม Park Sung Hoon ที่พูดถึงความพยายามของเขาที่ทุ่มเทให้กับรูปลักษณ์ภายนอกของตัวละคร Jung Jae Joon อย่างมาก โดยกล่าวว่า

ผมฟิตติ้งเสื้อผ้ามากกว่าโปรเจ็กต์อื่นๆ ที่เคยทำมา ผมดูสิ่งที่ผมกิน และให้ความสนใจอย่างมากกับทรงผมของผม ขณะที่คิดเกี่ยวกับวิธีการนำความรู้สึกที่ได้รับจากบทไปใช้ ผมก็คิดถึงทรงผมยาว ดังนั้น มันอาจจะดูแย่ในขณะเดียวกันผมก็ต้องเพิ่มน้ำหนักเพื่อรับบทนี้ด้วย

ก่อนหน้านี้นักแสดงหนุ่ม Park Sung Hoon เปิดเผยว่าเขามีญาติหลายคนที่เรียนกฎหมายและหมอ ทำให้บางคนเชื่อว่านักแสดงเติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยมาก แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ในอาชีพทางการแสดงของเขา Park Sung Hoon อธิบายว่า เขาทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่าง และได้แสดงบทบาทพิเศษหลายอย่างเช่นกันช่วงปี 2008 Park Sung Hoon ได้ปรากฎตัวในภาพยนตร์เรื่อง A Frozen Flower (2008) ร่วมกับนักแสดงร่วมในเรื่อง The Glory อย่าง Jung Sung Il ด้วย เมื่อการถ่ายทำสิ้นสุดลง Park Sung Hoon เขาก็ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์จนดึก แล้วค่อยกลับมาที่กองถ่ายในตอนเช้าด้วย

นักแสดงหนุ่มอธิบายเพิ่มเติมว่า

ตอนที่ผมยังเด็ก ผมค่อนข้างจะเป็นเด็กนิ่งๆ ผมมีสมาชิกในครอบครัวที่มีการศึกษาที่ดีมากมายในหลายๆ ด้าน ผมไม่มีความทรงจำอะไรมากมายนักเกี่ยวกับความรู้สึกที่ได้รับการยอมรับ จากนั้นในขณะที่ผมแสดง และได้รับเสียงปรบมือ ผมคิดว่าผมคงรู้สึกได้ถึงการยอมรับเป็นครั้งแรก

สำหรับการถ่ายภาพเซตนี้ Kim Hieora ได้สวมวิกผมยาวเพื่อซ่อนทรงผมสั้นสีบลอนด์ของเธอเอาไว้สำหรับซีรีส์ที่เธอกำลังถ่ายทำอยู่ นักแสดงสาวอธิบายว่า

ฉันปรากฎตัวใน The Uncanny Counter 2 ในฐานะปีศาจค่ะ ในแง่ของความรุนแรง มันมีพลังมากในตัวละครของฉัน Sa Ra จาก The Glory ถึง 8 เท่า เนื่องจากตัวละครตัวนี้ไม่ใช่มนุษย์ ฉันจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก เพราะมันรู้สึกเหมือนแอนิเมชันมากกว่า

เมื่อนึกย้อนกลับไปในวัยเด็ก Kim Hieora เปิดเผยว่าชื่อของเธอหมายถึง ‘การมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและสะอาด’ และเล่าว่าเธอเป็นเด็กที่มีความคิดและคำถามมากมาย เธออธิบายว่าในขณะที่ผู้ใหญ่บางคนคิดว่าคำถามที่ไร้เดียงสาของเธอน่ารัก แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ได้กระตุ้นให้เธอต้องอยู่เงียบๆ

อย่างไรก็ตามมุมมองของ Kim Hieora เปลี่ยนไปเมื่อเธอได้เข้าเรียนการแสดงครั้งแรกในโรงเรียนตอนมัธบมปลาย

ฉันถูกปฏิบัติเหมือนเด็กประหลาดเสมอ แต่เมื่อฉันแสดงมันรู้สึกเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ฉันได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่ และฉันได้รับอนุญาตให้ถามคำถามได้มากเท่าไหร่ก็ได้

Kim Hieora อธิบายว่าคำถามเหล่านี้แทรกซึมอยู่ในการแสดงของเธอได้อย่างไรในตอนนี้ โดยกล่าวว่า

เมื่อฉันแสดง ฉันคิดว่าเครื่องหมายคำถามมีความสำคัญมาก ทำถึงต้องมีฉากนี้? ทำไมพวกเขาถึงพูดแบบนี้? สิ่งที่แสดงอยู่หน้ากล้องคือสิ่งที่ปรากฎหลังจากที่เครื่องหมายคำถามเปลี่ยนไปเป็นเครื่องหมายตกใจ เช่น Sa Ra ไม่ใช่ตัวละครที่เด่นที่สุด ครั้งหนึ่งโปรดิวเซอร์พูดแบบนี้ “Sa Ra ก็แค่คนไม่ดี อย่าพยายามที่จะเข้าใจหรือหาเหตุผล”

ใน The Glory นักแสดงสาว Cha Joo Young รับบทเป็น Choi Hye Jeong ตัวละครที่ทำร้ายตัวเอง และมักจะตกเป็นเป้าหมายของเพื่อนเกเรของเธอ เกี่ยวกับแนวทางของเธอในบทบาทที่ซับซ้อนนี้ Cha Joo Young ให้ความเห็นว่า

ฉันรู้สึกติดขัดอยู่บ้าง เพราะไม่พบว่าตัวละครอย่าง Hye Jeong อยู่รอบๆ ตัวฉันเลย ฉันมักจะเขียนบันทึกด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว ฉันไม่ชอบความกังวลที่ไม่มีคำตอบนี้ แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าหัวของฉันกำลังจะระเบิด…ข้อสรุปที่ฉันได้จากสิ่งนี้คือการมุ่งเน้นไปที่สคริปต์ แทนที่จะพยายามหาบางสิ่ง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันแค่อ่านสคริปต์

นักแสดงสาวยังอธิบายต่อว่า เธอเครียดมาตลอด 8 เดือนของการถ่ายทำ ไม่ใช่เพราะใครก็ตามในกองถ่ายทำให้เธอลำบาก แต่เพราะเธอกดดันตัวเองอย่างมาก

พูดตามตรง ฉันมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากจริงๆ แม้ว่าเขาจะพูดว่า ‘คัท’ แต่ผู้กำกับยังคงแสดงสีหน้าเสียใจอยู่

Cha Joo Young อธิบายเพิ่มเติมว่า

แต่หลังจากที่เราถ่ายทำไปได้ครึ่งทางแล้ว ฉันได้ยินกระแสตอบรับว่า ‘ดีมาก ทำได้เท่าที่คุณต้องการเลย’ ในขณะที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับนักแสดง ฉันได้เรียนรู้สิ่งนี้ในภายหลัง ตอนแรกฉันคิดว่าผู้กำกับสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อให้สามารถอยู่ในความประหม่า ที่เหมือนกับที่ Hye Jeong รู้สึก จากจุดนั้นเขาให้กำลังใจฉันได้มากจริงๆ ค่ะ

นอกจากนี้นักแสดงสาวยังได้เปิดเผยว่าเธอถ่ายทำ The Glory และ Again My Life ในเวลาเดียวกัน ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอมีพรสวรรค์มากเพียงใด ที่สามารถเปลี่ยนตัวละครของเธอได้ตามบทบาทที่ได้รับ

สุดท้ายกับตัวละครที่มักถูกดูหมิ่นดูแคลนในกลุ่มตัวร้ายอยู่เสมอ เขาคือ Son Myeong Oh ที่รับบทโดย Kim Gun Woo ราวกับว่าเขาเหมาะสมกับบทนี้ตั้งแต่แรก ว่ากันว่าหลังจากที่ดูการออดิชันของ Kim Gun Woo แล้ว นักเขียน Kim Eun Sook ก็ได้แสดงความคิดเห็นเป็นการส่วนตัวกับผู้กำกับทันทีว่า “ผู้กำกับ นี่คือเขา”

นับตั้งแต่ที่พวกเขาเรียนอยู่ชั้นมัธยม Son Myeong Oh ก็อยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดของกลุ่ม และมีหน้าที่จัดการธุระให้กับ Jung Jae Joon ชีวิตของเขาก็ดูจะไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนักแม้ในอีกหลายปีต่อมาก็ตาม แต่การเป็นกระสอบทรายของกลุ่ม ทำให้ Son Myeong Oh รู้สึกเจ็บปวดกับปมด้อยของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในการหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกอัธพาลเหล่นี้ Kim Gun Woo เล่าว่า

Myeong Oh ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนขี้โกงที่เราสามารถเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ในอีกมุมหนึ่งเขากลับดูบริสุทธิ์อย่างน่าประหลาด เมื่อเทียบกับตัวละครที่ร่ำรวยอย่าง Jae Joon เขาเป็นพวกตกอับอย่างเห็นได้ชัด

Kim Gun Woo เปิดเผยว่า การถ่ายทำซีรีส์เรื่อง The Glory ครังแรกของเขาเป็นฉากที่มีนักแสดงสาวรุ่นพี่อย่าง Song Hye Kyo เขาอธิบายว่า เธอกับเขาอย่างไม่เป็นทางการว่าให้ทำในสิ่งที่พอใจได้เลย ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เขากล่าวเสริมว่า

เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมทำโปรเจ็กต์ ผมมักจะคิดเสมอว่า ‘ผมเข้าใจแล้ว’ เมื่อการถ่ายทำใกล้จะเสร็จสิ้น เมื่อผมแสดง ผมจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้เพื่อที่ผมจะได้ไม่เสียใจ แต่ผมมักจะรู้สึกว่าผมทำได้ไม่ดีพออยู่เรื่อย

หนึ่งในเรื่องราวที่พบบ่อยที่สุดในหมู่คนดังเกาหลีที่ถูกเล่าต่อกันมาคือพวกเขาได้เข้าสู่สายงานของพวกเขาหลังจากที่ติดตามเพื่อนไปออดิชันแบบงงๆ เรื่องราวที่คล้ายกันนี้ก็เกิดขึ้นกับ Kim Gun Woo เช่นกันที่โรงเรียนการแสดงของเพื่อน เขาเล่าว่า

ตอนที่ผมเรียนมัธยม เพื่อนสนิทของผมบอกว่าพวกเขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนการแสดง ตอนที่ผมได้ยินเรื่องพวกเขาบอกว่าพวกเขากำลังเรียนรู้ที่จะปลุกประสาทสัมผัสทั้ง 5 และทำอะไรแปลกๆ ผมคิดว่า ‘นั่นไม่ใช่การหลอกลวงหรอ’ ดังนั้นผมจึงลองไปกับพวกเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

Kim Gun Woo อธิบายว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการฝึกสมาธิในการปลุกประสาทสัมผัส และตามเพื่อนไปที่ชั้นเรียนเพราะความอยากรู้ แต่สุดท้ายมันก็ลงเอยด้วยการสมัครเข้าสถาบันนี้ในวันต่อมาทันที

พวกเขาถามว่า ‘ระหว่างที่คุณอยู่ที่นี่ คุณอยากจะลองทำไหม’ ผมก็เลยตอบว่า ‘ว้าว มันสนุกดีนะ’

หลังจากพาร์ต 1 เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคมเมื่อปีที่แล้ว พาร์ตที่ 2 ของ The Glory ก็เปิดตัวต่อเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา และติดอันดับชาร์ตทั่วโลกของ Netflix อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงความสามารถของนักแสดงทุกคนได้อย่างดี หากใครยังไม่ได้รับชมรีบจิ้มไปที่แอป Netflix เดี๋ยวนี้เลย!