ของดีย์ สนุกเกินคาดมาก พล็อตแปลกแบบเอาหลายๆ แนวมาผสมกัน บทเขียนมาดีและพาเราไปไกลมากๆ จากแนวเกมไปสู่เอไอทำลายล้างโลก แถมยังผูกประเด็นครอบครัวไว้ได้อย่างแข็งแรง พูดได้คำเดียว่า ชอบ!

หนังปล้นสุดราบเรียบ ดำเนินเรื่องเอื่อยๆ จนแอบน่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าลุ้นหรือแปลกใหม่ พยายามจะทำให้ดูเท่ดูจริงจัง แต่ขุนไม่ขึ้น ดูแก้เบื่อได้แต่ไม่ดูจะดีกว่า

สนุกดูเพลิน ซีรีส์แนววัยรุ่นผสมไซไฟเทพไซอิ๋ว งานภาพดีเกินคาด นักแสดงเล่นดี ถือเป็นอีกเรื่องที่ย่อยง่ายและควรจะดัง แต่กลับเงียบซะงั้น

เยี่ยมมาก

เสียเวลาในการดูมาก

เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ยอดเยี่ยมมากของผู้กำกับ Christopher Nolan คาดหวังไว้มากก่อนไปดู และก็สมหวังดังที่คาดไว้เลย เรื่องนี้เป็นหนังชีวประวัติที่คุยกันทั้งเรื่องยาว 3 ชั่วโมง แต่เป็นการคุยกันที่สนุกและดูเพลินแบบสุดๆ เรื่องราวเข้มข้น ตึงเครียด น่าติดตาม แต่ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะเรื่องราวมันค่อนข้างหนักและเยอะมาก ต้องมีสมาธิและตั้งใจดูถึงจะตามทัน เพราะหนังเขาเล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมา อาจทำให้หลายคนงง แต่ถ้าใครตามทันรับประกันได้เลยว่าสนุกจริงๆ ยิ่งหากใครที่ทำการบ้านมาก่อน พอรู้เรื่องราวของ J. Robert Oppenheimer และรู้เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณจะยิ่งสนุกแบบทวีคูณขึ้นไปอีก
การแสดงทุกคนในเรื่องคือยอดเยี่ยมไร้ที่ติมากๆ นักแสดงนำอย่าง Cillian Murphy ก็ปล่อยพลังแสดงแบบไม่กั๊ก คนเเดียวแบกทั้งเรื่องได้สบายๆ นักแสดงสมทบแต่ละคนก็เบอร์ต้นๆ ทั้งนั้น ทุกคนแสดงดีกันหมด เหมือนเอายอดฝีมือมาประชันกัน แค่ไปดูการแสดงของนักแสดงในเรื่องก็คุ้มค่าตั๋วแล้วเอาจริงๆ มีอีกหลายคนที่โดดเด่นมาก ได้แก่ ป๋า Robert Downey Jr. ในบท Lewis Strauss ที่ในเรื่องนี้เขาสลัดภาพจำในฐานะ Iron Man ออกไปจนหมด, Emily Blunt ในบท Kitty ภรรยาของ Oppenheimer ที่ในเรื่องนี้มาในโหมดสาวแกร่งเน้นขายอารมณ์และดราม่าเป็นหลัก และ Florence Pugh ในบท Jean Tatlock รักแรกของ Oppenheimer ที่แม้จะออกมาเพียงไม่กี่ฉากแต่เธอก็ยังแสดงได้ดีอย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ แต่ความยอดเยี่ยมอีกอย่างของหนังเรื่องนี้คือหากใครได้ดูในระบบ IMAX มันจะยิ่งดีขึ้นไปอีก เพราะเรื่องนี้เขาใช้กล้อง IMAX ในการถ่าย Close up เพื่อดูสีหน้าและอารมณ์ของนักแสดงเป็นหลัก ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ใหม่แต่มันดันดีงามมากๆ
อีกอย่างที่ชอบมากๆ คงหนีไม่พ้นบทที่เขียนออกมาได้ดีและแยบยลมากๆ โดยเฉพาะคำพูดไดอะล็อกของตัวละครที่มีการแฝงนัยยะอยู่ตลอด การยกประเด็นเรื่องเส้นแบ่งทางศีลธรรมในการสร้างระเบิดมาเล่นก็ดีงามไม่แพ้กัน ลองคิดว่าหากคุณทำงานพัฒนาระเบิดลูกหนึ่งมายาวนาน 3 ปี พอมันสำเร็จจริงๆ คุณก็คงคิดไม่ต่างกับ Oppenheimer คือจะดีใจก็ดีใจได้ไม่สุด เพราะสุดท้ายรู้อยู่แล้วว่าผลงานชิ้นนี้จะต้องคร่าชีวิตผู้คนอีกมากมาย ดังนั้น การที่เขาจะรู้สึกผิดหลังมีการนำระเบิดไปทิ้งจริงๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ส่วนสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้คงจะเป็นงานภาพและการโปรดักชัน ส่วนนี้คือไร้ที่ติเหมือนเคย ทั้งงานภาพ งานสร้าง ฉากทุกฉากดูสมจริงสมจังหมด เสื้อผ้าหน้าผมตัวละครก็ดีมากเช่นกัน ไปจนถึงเสียงประกอบฉากเองก็ดีงามมากๆ เหมือนเคย สรุปโดยรวมคือ หนังเรื่องนี้คือหนึ่งในหนังชีวประวัติอีกเรื่องที่ทุกคนควรดู บทเขียนมาดี ดำเนินเรื่องสนุก พร้อมแฝงนัยยะที่น่าสนใจ การแสดงก็ดีงามไร้ที่ติ ยกให้เป็นอีกหนึ่งในผลงานของ Nolan ที่ผมชอบมากๆ

หนังแนวการเงินธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม บทเขียนมาดีมาก ทุกอย่างเชื่อมโยงกันอย่างสมเหตุสมผล การดำเนินเรื่องก็ดี เล่าเรื่อยๆ แต่น่าติดตาม ตัวละครมีมิติชัดเจน เส้นเรื่องหลักเส้นเรื่องรองส่งเสริมกันและกัน การแสดงดีเป็นธรรมชาติไม่เล่นใหญ่ แฝงข้อคิดทางธุรกิจได้อย่างดี แถมยังมอบพลังบวกให้กับคนดูด้วย พาร์ทดราม่าก็ทำได้ดี ทำให้เราเข้าอกเข้าใจอาชีพนายธนาคารมากขึ้น ใครที่ชอบหนังแนวธุรกิจไม่ควรพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง

หนังแนวปั่นประสาทกับสถานการณ์วายป่วงตามแบบฉบับของผู้กำกับ Guy Ritchie เรื่องนี้คือสนุกและดูง่ายมากๆ ตัวหนังมีจุดเด่นในด้านบทที่ไม่รู้จะนำพาเราไปจุดไหน รวมถึงจังหวะและสไตล์การเล่าเรื่องที่ฉับไว ยียวนกวนประสาทมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือมันทำให้เราทั้งตลกและตะลึงไปพร้อมกันว่าเขาดีไซน์จังหวะการเล่าเรื่องแบบนี้ได้ยังไง นักแสดงในเรื่องก็ระดับตัวท็อปทั้งนั้น เรียกได้ว่าแค่ไปดูเหล่านักแสดงประชันฝีมือกันก็คุ้มแล้ว แต่ที่คุ้มกว่าคือตัวหนังมันดันสนุกด้วย ใครที่ชอบหนังแนวมาเฟียผสมคอเมดี้ฮาๆ ต้องไปลอง

มีความพีคแบบที่คาดไม่ถึง ดูได้สนุกตื่นเต้น แต่ยังเหมืนเขียนบทไม่เต็มที่ บทอ่อนเนื้อเรื่องไปได้เข้มข้นเหมือนตามในตัวอย่างหนัง