หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากกับ Monster: The Jeffrey Dahmer Story บน Netflix นั้น Ryan Murphy ก็เดินหน้าต่อในแฟรนไชส์ Monster ในซีซันที่ 2 ด้วยเรื่องราวของ 2 พี่น้องที่ทำการฆาตกรรมพ่อแม่ของตัวเองอย่างโหดเหี้ยมใน Monsters: The Lyle and Erik Menéndez Story

เรื่องราวความน่าสยดสยองของครอบครัว Menéndez เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม 1989 หลังจากที่ José Menéndez ผู้เป็นพ่อประสบความสำเร็จจากหน้าที่การงานตั้งแต่อายุยังน้อยก่อนจะแต่งงานกับ Mary Louise “Kitty” Anderson และย้ายจากนิวยอร์กไปยังลอสแองเจลิสเพื่อดำเนินธุรกิจด้านภาพยนตร์ พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี พร้อมด้วยทรัพย์สินเงินทองมากมายในเบเวอร์ลีฮิงส์ ทำให้ลูกชายทั้ง 2 ของเขาอย่าง Lyle และ Erik เหมือนถูกผลักดันให้ต้องแข่งขันเพื่อประสบความสำเร็จให้ได้เท่าพ่อของเขา Lyle มีหัวด้านธุรกิจเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ และ Erik เป็นนักเทนนิสที่ยอดเยี่ยม ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณเตือนบางอย่างในตัวของเด็กชายทั้งสองเมื่อ Erik เริ่มมีส่วนในการขโมยของหลายครั้งจนต้องเข้ารับการบำบัด ในขณะที่ Lyle ถูกสั่งพักงานเนื่องจากขโมยความคิดของผู้อื่น

วันที่ 20 สิงหาคม 1989 ในวันเกิดเหตุตำรวจเดินทางมายังบ้านของพวกเขาโดยพบว่าศพพ่อและแม่ของพวกเขาถูกหั่นจนแทบจำไม่ได้ ทั้งคู่ถูกยิงเสียชีวิตด้วยปืนลูกซองขนาด 12 เกจ 2 กระบอก 15 นัด โดย José ผู้เป็นพ่อถูกยิงที่แขนหลายครั้ง และ 1 ครั้งที่ศรีษะ ส่วน Kitty ผู้เป็นแม่ ถูกยิงที่ลำตัวและใบหน้า ในครั้งแรกตำรวจพุ่งเป้าไปประเด็นการตกเป็นเหยื่อจากการปะทะกับกลุ่มคนร้าย เนื่องจากจุดแรกที่พวกเขาถูกยิงคือที่เข่า เด็กหนุ่ม 2 คนจึงไม่ถูกมองว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในเวลานั้น

Erik รู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำดังกล่าวจนทำให้เขาสารภาพกับจิตแพทย์อย่าง Dr. Jerome Oziel ว่าพวกเขาลงมือฆาตกรรม จากนั้น Erik ก็เล่าให้ Lyle ฟังเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลนี้ของเขาต่อจิตแพทย์ทำให้ Lyle ตามไปขู่ฆ่า Oziel ในเทปบันทึกเสียงการรักษาซึ่งต่อมาได้กลายไปเป็นหลักฐานสำคัญซึ่งในเทป Erik ให้รายละเอียดว่าพวกเขาซื้อปืนลูกซองจากร้านขายอุปกรณ์กีฬาในซานดิเอโกโดยใช้ชื่อปลอม 2 วันก่อนเกิดเหตุสลด เมื่อพวกเขายิงพ่อแม่เสร็จก็จัดการเก็บปลอกกระสุนทั้งหมดไปทิ้ง เปลี่ยนเสื้อผ้า และไปซื้อตั๋วเข้าชมภาพยนตร์เรื่อง Batman เพื่อยืนยันเรื่องราวของพวกเขาว่าอยู่ที่ไหน และขับรถกลับบ้านถึงโทรแจ้ง 911 ทำทีว่าเป็นผู้พบศพ

ใครจะคิดว่าหลังจากการฆาตกรรมพ่อและแม่ของพวกเขา ทั้ง Lyle และ Erik ไม่สนใจเรื่องคดีเลยแม้แต่น้อยแต่กลับใช้ชีวิตอย่างหรูหราและสุขสบาย ก่อนถูกจับกุมในอีก 6 เดือนต่อมา เงินมรดกจากการตายของ José มีสูงถึง 14 ล้านเหรียญสหรัฐ พวกเขาใช้เงิน 1 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 6 เดือนนั้น เพื่อซื้อนาฬิกา Rolex, รถ Porsche, เสื้อผ้า, เข้าร้านอาหารสุดหรู, จ้างโค้ชเทนนิสในราคา 50,000 ดอลลาร์, ลงทุนในคอนเสิร์ตร็อคที่ล้มเหลว 40,000 ดอลลาร์, เล่นพนัน, เข้าพักในโรงแรมสุดหรู และเช่าคอนโดนอกชายฝั่ง Marina del Rey

การใช้ชีวิตอย่างสุดโต่งนี้ทำให้นักสืบต้องค้นหาหลักฐานเชื่อมโยงกับสองพี่น้องจนพบเรื่องราวฆาตกรรมขึ้นอย่างไม่น่าแปลกใจ จนในวันที่ 8 มีนาคม 1990 Lyle Menéndez ถูกจับในข้อหาฆาตกรรม และอีกไม่กี่วันต่อมา Erik Menéndez ต้องเดินทางกลับจากอิสราเอลไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมแข่งขันแทนนิส

การพิจารณาครั้งแรกเริ่มขึ้นในปี 1993 ซึ่งกลายเป็นเรื่องราวระดับประเทศเมื่อมีการเปิดเผยผ่านสื่อว่าทั้ง Erik และ Lyle ตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดตั้งแต่ยังเด็กจากผู้เป็นพ่อและเป็นเหยื่อทางอารมณ์ของทั้งพ่อและแม่ แต่อัยการคัดค้านคำกล่าวอ้างดังกล่าวนี้ เพราะพวกเขาไม่เคยเปิดเรื่องนี้ต่อจิตแพทย์ เพื่อน หรือครอบครัวคนอื่นๆ จากนั้นพวกเขาจึงถูกมองว่าเป็นเพียงเด็กรวยที่นิสัยเสีย

การพิจารณาครั้งที่ 2 เริ่มขึ้นในปี 1995 ไม่มีการออกอากาศเหมือนกับครั้งแรก และพวกเขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่รอรับทัณฑ์บนในวันที่ 17 เมษายน 1996

เมื่อเร็วๆ นี้มีรายงานจากทนายความของ Lyle และ Erik Menéndez ในการพบหลักฐานใหม่ที่อาจทำให้บทลงโทษของพวกเขาถูกยกเลิก หลักฐานแรกคือจดหมายที่ Erik ส่งไปถึงลูกพี่ลูกน้องของเขาในปี 1988 โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับการทารุณกรรมที่ได้รับจากพ่อของเขา หลักฐานที่ 2 ได้เปิดเผยว่าสมาชิกวง Menudo Roy Rossello ได้ออกมากล่าวว่าเขาถูก José Menéndez ข่มขืนตอนที่ Menudo Roy Rossello ได้ออกมากล่าวว่าเขาถูก José เป็นผู้บริหารของ RCA Records แต่เรื่องราวนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปทุกอย่างได้ และด้วยเหตุนี้จึงยังไม่มีใครทราบว่ามันจะกำหนดทิศทางเรื่องราวในซีรีส์อย่างไรบ้าง คงต้องรอข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีเร็วๆ นี้

ผู้อ่านสามารถรับชมตัวอย่างที่ทาง Netflix ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นเสียงจากเทปบันทึกเสียงในวันเกิดเหตุที่ 1 ใน 2 พี่น้องเป็นคนโทรแจ้งกับ 911 ที่ด้านล่างนี้