ล่าสุด! Ticket to Paradise ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้เรื่องใหม่ส่งตรงจาก Universal Pictures ครองอันดับที่สองในชาร์ตและกวาดรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศไปแล้วกว่า 80.26 ล้านดอลลาร์ โดยมีรายได้สะสมจากทั่วโลกอยู่ที่ 96.6 ล้านดอลลาร์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นเครื่องตอกย้ำและพิสูจน์ชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับภาพยนตร์แนวรอมคอมของผู้ใหญ่ที่ก็ยังสามารถทำเงินได้เป็นอย่างดี

หลังจากเปิดตัวในต่างประเทศด้วยรายได้กว่า 16.3 ล้านดอลลาร์ นับเป็นภาพยนตร์ที่มีรายได้การเปิดตัวสูงที่สุดของ George Clooney แล้วนับตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง Tomorrowland (2015) และเป็นการเปิดตัวสูงที่สุดของ Julia Roberts ด้วยเช่นกัน นับตั้งแต่ผลงานเรื่อง Wonder (2017) โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคะแนน A- จากใน CinemaScore

และเป็นการเปิดตัวสูงสุดสำหรับดาราร่วมจูเลีย โรเบิร์ตส์ นับตั้งแต่ปรากฏตัวใน Wonder ในปี 2017 ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคะแนน A- CinemaScore โดยมีคะแนนผู้ชมเพิ่มขึ้น 87% Rotten Tomatoes และ Universal คาดการณ์ว่าการบอกต่อแบบปากต่อปากจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ซึ่งหลังจากที่ได้เข้าฉายในออสเตรเลียเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะเข้าฉายในอเมริกาในวันที่ 20 กันยายน ก็ดูเหมือนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องแข่งขันกับหนังฮีโร่อย่าง Black Adam ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในอเมริกาเหนือกว่า 3,543 โรง คิดรายได้เฉลี่ยตกอยู่ที่ 4,612 ดอลลาร์ต่อโรงภาพยนตร์

จากงบประมาณการสร้างกว่า 60 ล้านดอลลาร์และรายได้ที่มีอยู่ในขณะนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งชัยชนะของผู้กำกับ Ol Parker หลังจากที่เคยมีผลงานอันโด่งดังอย่าง Mamma Mia! Here We Go Again (2017) ที่กวาดรายได้ไปกว่า 400 ล้านดอลลาร์ในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก นอกจากนี้เขาก็ยังมีผลงานจากเรื่อง A Boy Called Christmas (2021) และ The Second Best Exotic Marigold Hotel (2015) พร้อมกับร่วมเขียนบทกับ Daniel Pipski จาก A Teacher (2020)

Ticket to Paradise ว่าด้วยเรื่องราวชวนปวดหัวเมื่อพวกเขาทั้งคู่ต้องเดินทางไปที่บาหลีเพื่อไปร่วมงานแต่งงานของ Lily (รับบทโดย Kaitlyn Dever) ลูกสาวของพวกเขา แต่เป็นการไปในฐานะคู่สามีภรรยาที่หย่าร้างกันมาแบบไม่ค่อยดีนัก ซึ่งตลอดทั้งทริปนี้จะเต็มไปด้วยความสนุกสนานแค่ไหนและด้วยบรรยากาศของความรักฉบับฤดูร้อนนี้จะสามารถทำให้พวกเขาทั้งคู่กลับมาตกหลุมรักกันได้อีกหรือไม่