หลังจากที่ผู้รีวิวห่างหายจากวงการซีรีส์เกาหลีไปนานเพราะกลัวจะติดจนไม่ทำงานทำการ แต่เพราะกระแสของซีรีส์ The Glory (2022) นั้นมาแรงเสียเหลือเกิน แล้วทาสการตลาดอย่างเราจะต่อต้านกระแสไหวเหรอคะ? คำตอบก็คือไม่ค่ะ! ผู้รีวิวจัดไปเลยค่ะ ดูวันเดียว 8 ตอนรวด เรียกได้ว่าวันหยุดปีใหม่หนึ่งวันหมดไปกับซีรีส์เรื่องนี้เลยล่ะค่ะ แต่ขอบอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ควรค่าต่อการรับชมด้วยเหตุผลทุกประการค่ะ!

The Glory เป็นซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของตัวละคร Moon Dong-Eun (รับบทโดย Song Hye-Kyo) หญิงสาวที่ช่วงเวลาวัยรุ่นในโรงเรียนมัธยมปลายของเธอคือนรกดีๆ นี่เอง Dong-Eun เป็นเหยื่อการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนจากการรุมรังแกของเพื่อนร่วมชั้นที่เธอเห็นหน้าค่าตาอยู่ทุกวัน จนสุดท้ายเธอก็ตัดสินใจว่าจะฆ่าตัวตายเพื่อจบวงจรอุบาทว์นี้เสียที แต่จังหวะที่เธออยู่ตรงเส้นบางๆ ระหว่างความเป็นและความตาย Dong-Eun ก็คิดได้ว่าทำไมต้องเป็นเธอที่จากโลกนี้ไปทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดล่ะ? และนั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นของการแก้แค้นสุดโหดที่ตัวละคร Dong-Eun รอเวลานานถึง 18 ปีเพื่อที่จะได้แก้แค้นพวกคนที่ทำร้ายเธอให้สาสม ในเมื่อเธอไม่มีความสุข เจ้าหัวโจกพวกนั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบาย เธอกับฉันมันต้องตายกันไปข้างหนึ่ง! และตัวซีรีส์ก็ได้ดำเนินไปด้วยแนวคิดนี้ของตัวละคร Dong-Eun นี่แหละค่ะ

ก่อนอื่นเลย เรารู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้ตอบโจทย์เรื่องการสะท้อนให้สังคมมองเห็นผ่านมุมมองของ “เหยื่อ” ที่ถูกกระทำได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะบาดแผลนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นบาดแผลบนร่างกายให้คนอื่นเห็นและรู้สึกได้ว่าเราเจ็บ แต่บางบาดแผลนั้นฝังลึกลงไปในจิตใจ ไม่มีใครเห็นและไม่มีใครสามารถช่วยเราได้จนนางเอกต้องลุกขึ้นมาทำตัวเป็นศาลเตี้ยเพื่อปกป้องตัวเอง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ Touch ใจผู้รีวิวมากค่ะ เพราะประเทศเกาหลีใต้นั้นค่อนข้างมีชื่อเสีย(ง)มากในเรื่องของการ Bully และกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน บางกรณีก็แกล้งกันแรงจนถึงชีวิตเลยก็มี แต่ตัวผู้กระทำกลับไม่ได้รับโทษอะไรเพราะสังคมเห็นว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็น “เด็ก” แต่กลับไม่มีใครคิดถึงจิตใจของเหยื่อเลยเหรอ? เหยื่อหลายคนก็เป็นเด็กเหมือนกันนะ? ผู้รีวิวก็ยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเอกทำในเรื่องก็อาจจะไม่ถูกต้อง แต่ถ้าพวกเขาไม่ทำ แล้วใครล่ะคะที่จะมอบความยุติธรรมให้กับเหยื่อได้?

ซีรีส์เรื่องนี้ (ณ ตอนนี้) มีทั้งหมด 2 ซีซันด้วยกันค่ะ โดยซีซันที่ 2 นั้นจะมาในเดือนมีนาคม ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้เนี่ยก็มารวดเดียวทั้งหมด 8 ตอนให้ได้ดูกันยาวๆ และระยะเวลาของแต่ละตอนก็ไม่ได้ยาวจนเกินไป ด้วยการดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว กระชับ บอกเล่าเรื่องราวได้อย่างไม่ยืดเยื้อ ทำให้บางช่วงผู้รีวิวรู้สึกว่าหนึ่งตอนมันสั้นไปเสียด้วยซ้ำ ตอนละประมาณ 45 นาทีนั้นยังไม่สาแก่ใจอิช้อยเลยสักนิด เพราะการแก้แค้นของ Moon Dong-Eun นั้นสะใจมากจริงๆ ค่ะ!

ตัวละคร Moon Dong-Eun ที่รับบทโดย Song Hye-Kyo นั้นผู้รีวิวขอยกให้เป็น MVP ของซีรีส์เรื่องนี้เลยล่ะค่ะ! เนื่องจากตัวละคร Moon Dong-Eun นั้นเป็นผู้หญิงที่ “ไม่มีความสุข” เลยเพราะใจเธอมุ่งมั่นอยู่กับการแก้แค้นจนไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองมีความสุขเลยสักนิด ตลอดทั้งซีซันแรกเราเลย “แทบจะ” ไม่เคยเห็นตัวละครนี้ยิ้มหรือมีความสุขเลยค่ะ ซึ่ง Song Hye-Kyo ก็ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครนี้ออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ เพราะทุกครั้งที่เราเห็นตัวละครที่เธอเล่นปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ผู้รีวิวก็จะรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง แค้นใจ โกรธ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เป็นความรู้สึกที่ตัวละคร Moon Dong-Eun รู้สึกอยู่ตลอดเวลา แต่อีกมุมหนึ่ง ตัวละครนี้ก็น่าสงสารเสียเหลือเกินค่ะ เพราะบทถ่ายทอดออกมาให้เรารับรู้ได้ว่า Moon Dong-Eun นั้นเป็นผู้หญิงมีความสามารถ มีความอดทน มีไหวพริบ ฉลาด จนผู้รีวิวอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเธอไม่มีความแค้น ชีวิตของเธอจะมีความสุขแค่ไหนกันนะ

ในส่วนของเรื่องความรุนแรงในโรงเรียน ตัวซีรีส์ก็ถ่ายทอดออกมาได้จริงจังและตรงประเด็นอย่างมากค่ะ บางฉากที่หลายคนดูแล้วอาจจะรู้สึกว่า จริงเหรอ? เด็กมัธยมมันทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ? คำตอบก็คือใช่ค่ะ เด็กมัธยมทำได้ขนาดนี้เลยล่ะค่ะ! เพราะบ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นข่าวเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนจากประเทศเกาหลี บางกรณีหนักกว่าในซีรีส์ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ซีรีส์ถ่ายทอดออกมานั้นเรียกได้ว่ายังน่าจะเพียงแค่ 70% ด้วยซ้ำค่ะ

สิ่งที่จะไม่เอ่ยปากชมเลยก็คงจะไม่ได้ก็คือเรื่องของบทค่ะ ซีรีส์เรื่องนี้บทเริ่ดมากจริงๆ! ทั้งคำพูดของตัวละครที่ไม่ว่าจะโผล่มากี่ฉากก็มีคำพูดคมๆ มาเชือดเฉือนกันซะทุกครั้ง รวมไปถึงการเขียนบทเรื่องราวการแก้แค้นของตัวละคร Moon Dong-Eun ที่บอกได้คำเดียวเลยว่าสะ-ใจ-มาก!! เพราะบทเลือกจะไม่ให้ Moon Dong-Eun ไปแก้แค้นกับเพื่อนร่วมชั้นที่เคยกลั่นแกล้งเธอแบบตรงๆ แต่บทกลับให้ Moon Dong-Eun ไปแก้แค้นผ่านลูกของพวกหัวโจกอย่างเลือดเย็น ซึ่งจุดนี้ผู้รีวิวมองว่าสะท้อนความเคียดแค้นในใจของตัวละครหลักออกมาได้ดีจริงๆ ค่ะ อย่างที่ในฉากหนึ่ง Moon Dong-Eun ได้ตอบกลับพวกที่เคยรังแกเธอในอดีตไปว่า “ตอนพวกแกรังแกฉัน ตอนนั้นฉันก็เป็นลูกสาวของใครคนหนึ่งเหมือนกัน” ซึ่งในฉากนี้ ผู้รีวิวรู้สึกจุกอกเลยล่ะค่ะ ทำให้เข้าใจเลยว่าทำไมตัวบทถึงเลือก Moon Dong-Eun ไปแก้แค้นที่ตัวลูกๆ ของพวกหัวโจกแทน ก็เพื่อให้รู้ไงล่ะคะว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับลูกของตัวเองต่อไปนี้ก็คือผลจากการกระทำของตัวเองในอดีตที่เคยทำกับลูกสาวของคนอื่นเหมือนกัน

ในเรื่องของงานภาพ งานเสียง การกำกับของผู้กำกับก็ไม่ต้องห่วงค่ะ ซีรีส์เรื่องนี้ทำได้ตรงตามมาตรฐานทุกอย่าง และบางอย่างก็สูงกว่ามาตรฐานซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่นเสียด้วยซ้ำ เสพได้ทั้งตัวบท ตัวละครและองค์ประกอบทุกอย่างได้อย่างสบายๆ เลยล่ะค่ะ

โดยสรุปแล้ว ซีรีส์เรื่อง The Glory เป็นซีรีส์ที่ทุกคนต้องดูค่ะ เพราะมันสนุกมาก ตื่นเต้นมาก สะใจมาก! คู่ควรต่อการสละเวลาหนึ่งวันเพื่อดูรวดเดียวด้วยประการทั้งปวง ใครที่ไม่ได้ดูระวังจะเสียใจนะคะ แล้วจะหาว่าผู้รีวิวไม่เตือนไม่ได้นะ! ส่วนใครที่ดูแล้ว ก็อย่าลืมมาแชร์กันนะคะว่ารู้สึกยังไงกันบ้าง :D