รีวิว Cici (2022) ภาพยนตร์ดราม่าคุณภาพเยี่ยมจากตรุกีที่ดีเกินคาดและควรดูให้ได้! ฉายแล้วใน Netflix

รีวิว Cici (2022) ภาพยนตร์ดราม่าคุณภาพเยี่ยมจากตรุกีที่ดีเกินคาด ที่มีวิธีการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยมและแสนประณีต ผ่านฝีมือการกำกับของ Berkun Oya ที่จะพาให้คุณได้สัมผัสถึงเรื่องราวความเป็นครอบครัว ผ่านความเจ็บปวด แตกหัก ขาดวิ่นและแหลกสลาย พร้อมกับการอัดคุณให้น่วมไปด้วยความรู้สึกและเซอร์ไพรส์แบบที่คาดไม่ถึงอีกด้วย

ว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง Kadir (รับบทโดย Okan Yalabık) ลูกชายคนกลางของบ้านที่มีนิสัยแก่นๆ เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีพ่อชอบถ่ายวิดีโอและเข้มงวดมาก พร้อมกับแม่ผู้เก็บงำความรู้สึก จนกระทั่งเขาได้เติบโตและตัดสินใจกลับมาถ่ายทำหนังที่บ้านหลังเดิมของเขาอีกครั้งหลังจากผ่านไปกว่า 30 ปีแล้วที่พ่อเขาเสียชีวิตไป นอกจากนี้แม่ พี่สาวและน้องชายของเขาก็ได้กลับมารวมตัวกันที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง อันเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกและชีวิตวัยเยาว์อันบอบช้ำที่ถาโถมอัดแน่นกันในความรู้สึกของพวกเขา

ตัวหนังมีความยาวกว่า 2 ชั่วโมง 31 นาที ก็ถือว่าค่อนข้างมีความยาวประมาณหนึ่งเลยทีเดียว เริ่มต้นเปิดมาด้วยฟุตเทจแบบขาวดำและเล่าได้อย่างน่าสนใจก่อนจะตัดเข้าสู่ตัวเส้นเรื่องหลัก และค่อยๆ เล่าเรื่องราวแบบช้าๆ ไม่รีบร้อน ละเมียดละไมกับการส่งทุกความรู้สึกส่งมาให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี ไดนามิกภาพรวมของเรื่องในช่วงต้นและช่วงกลางนั้นดีมาก ไม่น่าเบื่อเลย ด้วยวิธีการเล่าที่สนุกและทำให้ผู้ชมต้องคอยปะติดปะต่อเรื่องราวตลอดเวลา มันก็ช่วยให้ผู้ชมสามารถโฟกัสและอินเข้าไปตัวหนังได้แบบง่ายๆ เลย ส่วนในช่วงท้ายกลับแอบหน่วงไปนิดหน่อย เหมือนจะดรอปๆ ไปบ้างแต่โดยรวมก็ยังถือว่าชวนให้ดูต่อได้ ไม่ติดอะไร

backdrop-0

วิธีการเล่าของหนังเรื่องนี้น่าชื่นชมมาก ชอบการค่อยๆ แทรกเส้นเรื่องรองเข้ามาอย่างแนบเนียนโดยที่แทบไม่รู้สึก การนำเสนอทั้งภาพและเสียงยอดเยี่ยมแบบน่าตกใจ มีวิธีการคิดและเรียบเรียงมาดีมากจริงๆ ชอบวิธีการที่หนังเรื่องนี้ใช้คือการทิ้งจังหวะช่องว่างเอาไว้ในแต่ละช็อต แล้วมันกลายเป็นช่องว่างแห่งความเงียบที่ทำให้หนังมีมิติ มีเรื่องราวที่ดูมีชั้นเชิง ลึกซึ้ง ลึกลับ แถมยังเหมือนเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้ค่อยๆ คิดตามและสัมผัสความรู้สึกของตัวละครได้อย่างชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย นับเป็นจุดที่ประทับใจมากสำหรับหนังเรื่องนี้

ต่อมาคือด้านงานภาพก็ต้องชื่นชมอีกเช่นเดียวกัน งานภาพของหนังเรื่องนี้คือเกินคาด ยอดเยี่ยมแบบชวนอึ้งไปเลย รู้เลยว่าทีมงานศึกษารายละเอียดของสถานที่ต่างๆ มาอย่างละเอียดมากจริงๆ เพราะตัวหนังสามารถถ่ายทอดมุมแบบที่ชวนเซอร์ไพรส์ออกมาได้หลายมุมมาก จนทำให้ภาพที่ออกมายิ่งน่าประทับใจและสวยงามมากจริงๆ รวมไปถึงวิธีการเลือกจะใช้ช็อตแต่ละอย่างก็คิดมาอย่างประณีตและใส่ใจมาก เลือกมุมกล้องออกมาได้สุดยอด ทั้งสีและโทนคือลงตัวไปหมด องค์ประกอบทุกอย่างสมบูรณ์แบบมาก

นอกจากนี้ยังไม่พอ เมื่องานภาพที่ยอดเยี่ยมได้มารวมกันกับเสียงเพลงประกอบที่ก็สุดยอดอีก มันจึงกลายเป็นความสมบูรณ์แบบที่ชวนให้ฟิน น้ำตาไหลเลย อีกอย่างคือตัวหนังรู้ว่าจะต้องใช้เสียงแบบไหนและใช้เมื่อไหร่กับฉากไหนได้อย่างฉลาดมาก โดยรวมทั้งภาพและเสียงให้บรรยากาศที่คลาสิก แต่ในขณะเดียวกันมันก็ให้กลิ่นอายความทันสมัยอะไรบางอย่างออกมา นอกจากนี้ยังมีความเป็นหนัง Cult แบบนิดๆ อีกด้วย

สำหรับการแสดง อันดับแรกที่ต้องชื่นชมคือการแคสนักแสดงมาได้เข้ากับตัวละครมาก ทุกตัวละครในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะในวัยเด็ก หรือวัยที่โตแล้วก็เข้ากับตัวละครมาก เหมือนกันทั้งหน้าตาและความรู้สึกอันลึกซึ้งของตัวละครที่สามารถเชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อ มันจึงทำให้ผู้ชมไม่ได้รู้สึกแปลกและสามารถชินกับตัวละครได้อย่างรวดเร็วในทันที และการแสดงของทุกตัวละครในเรื่องนี้คือใช้พลังกันเยอะมาก แต่มันเป็นการใช้พลังจากภายใน เพราะในเรื่องนี้มันค่อนข้างจะพูดน้อย และตบตีกับความรู้สึกตัวเองเป็นาส่วนใหญ่ ตัวละครทุกตัวต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดภายใน ซึ่งเหล่านักแสดงก็สามารถสื่อสารและถ่ายทอดออกมาได้อย่างถึงขั้นจริงๆ ไม่มีตัวละครไหนที่รู้สึกว่าดรอปเลย ทุกคนสู้สุดใจมาก แต่ที่ทำให้เราเองประทับใจมากที่สุดก็คือ Saliha (รับบทโดย Ayça Bingöl) แววตาดีมาก อารมณ์พุ่งออกมาจากแววตาและสีหน้าเลย แทบจะไม่ต้องพูดไม่ต้องอะไรเลย คือการแสดงของเธอมันชวนให้มองจริงๆ

ภาพรวมของเนื้อหาก็น่าสนใจกับการหยิบยกเรื่องราวของครอบครัวมาเล่าในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เผยให้เห็นความเจ็บปวด แตกร้าว ความทรงพังๆ ของครอบครัวนี้ ที่มันก็อาจจะชวนให้ผู้ชม หรือใครหลายๆ คนที่ก็น่าจะเคยมีประเด็นอันอ่อนไหวในครอบครัวมาแล้วให้คิดถึงเรื่องของตัวเองเช่นเดียวกัน ซึ่งพอมองดีๆ เราเห็นถึงการต่อสู้ภายในจิตใจ ต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง เพื่อก้าวข้ามผ่านประเด็นอันละเอียดอ่อนเช่นว่านี้ไปให้ได้ ซึ่งมันใช้เวลานานมากเพื่อที่จะให้มันหายไปหรือสุดท้ายมันก็อาจจะไม่หายไปก็ได้ แต่การที่ได้เข้าใจถึงความเจ็บปวดของตัวเองและยอมรับเพื่อที่จะได้ก้าวต่อไปนั้น อันนี้น่าจะเป็นจุดสำคัญที่สุด

ซึ่งในเรื่องนี้มันอัดผู้ชมให้น่วมไปกับความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง ก่อนจะปล่อยหมัดสุดท้ายด้วยเซอร์ไพรส์แบบที่ไม่คาดคิด และก็ปล่อยให้ผู้ชมได้เคว้งไปกับความรู้สึกต่างๆ พร้อมกับนั่งทบทวนตัวเองและเรื่องราวทั้งหมด ด้วยการขึ้นฉากจบเป็นหน้าเตาผิงแบบเงียบๆ นานๆ ก็นับเป็นอีกหนึ่งจังหวะของตัวหนังที่เลือกใช้ได้อย่างฉลาดจริงๆ

สรุป Cici (2022) นับเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ดราม่าคุณภาพเยี่ยมจากตรุกีที่ดีเกินคาด และไม่ควรพลาดเลยจริงๆ ทั้งงานภาพที่สุดแสนจะประณีตและเรื่องราวที่พาให้คุณได้สัมผัสถึงเรื่องราวความเป็นครอบครัว ผ่านความเจ็บปวด แตกหัก ขาดวิ่นและแหลกสลาย พร้อมกับการอัดคุณให้น่วมไปด้วยความรู้สึกและเซอร์ไพรส์แบบที่คาดไม่ถึงอีกด้วย ฉายแล้วใน Netflix พร้อมพากย์ไทย

avatar
รีวิวโดย Cmbyurfilm
ชอบดูหนังและเชื่อว่าถั่วงอกเป็นสิ่งชั่วร้าย
1 2

8.3 / 10

รายละเอียดคะแนน

circle

คุณภาพด้านการแสดง

8.0 / 10

circle

คุณภาพของบทภาพยนตร์

8.0 / 10

circle

คุณภาพด้านเทคนิคการสร้าง

9.0 / 10

circle

คุณภาพด้านเสียง

8.0 / 10

circle

ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

8.5 / 10

ข้อมูลภาพยนตร์

ดราม่า|

151

นาที

Berkun Oya

ผู้กำกับ, นักเขียน

ภาษาต้นฉบับ

ตุรกี

IMDB

7.1

TMDB

6.2

Rotten Tomatoes

rotten tomatoes 80%

ตัวอย่างภาพยนตร์

trailer

นักแสดง

1 ความคิดเห็น
·
1 ตอบกลับ
เพลงยุทธ

ขอบคุณที่เขียนรีวิวภาพยนตร์เรื่องนี้ หาอ่านรีวิวจากคนไทยที่บอกว่าตนเองชื่นชอบภาพยนตร์ทั้งหลากหลายไม่ว่าจะหนังหลักหรือนอกกระแสยูทูปเบอร์กระทั่งเพจหนังต่างๆ อยากอ่านความคิดเห็น แต่เหมือนหนังตรุกีเรื่องนี้ ไม่อยู่ในสายตากระทั่งเหมือนตั้งกำแพงเซฟโซน ที่ภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ผกก.ทีมโปรดักชั่นดัง ต่างเว้นไว้อย่างนั้น ขอบคุณที่เขียนถึงเรื่องนี้ครับ ผมนึกว่ามีผมกับเพื่อนคุยกันว่าคงไม่มีใครดูเรื่องนี้แน่เลย

1 ตอบกลับ
Cmbyurfilm
ชอบดูหนังและเชื่อว่าถั่วงอกเป็นสิ่งชั่วร้าย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ดีใจมากๆ ที่มีคนชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนแรกที่ดูก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเลยค่ะ แต่หนังเรื่องนี้มันดีทุกประการจริงๆ


คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้