ในภาพยนตร์เรื่อง The Mummy ของ Stephen Sommers คำสาปของ Imhotep ได้ปลดปล่อยภัยพิบัติ 10 อย่างของอียิปต์ แต่มีปัญหาเกี่ยวกับไทม์ไลน์บางอย่างที่เขาได้ทำ

The Mummy ของ Stephen Sommers เป็นภาพยนตร์ผจญภัยที่เป็นที่รักของใครหลาย ๆ คน แต่ส่วนหนึ่งของเรื่องราวสำคัญ ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้สร้างช่องโหว่ให้กับพล็อตเรื่องในประวัติศาสตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย Brendan Fraser ในบทนักผจญภัย Rick O’Connell ภาพยนตร์เรื่อง The Mummy เข้าฉายในปี 1999 โดยเป็นการรีเมคภาพยนตร์ของ Boris Karloff ในปี 1932 ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันของ Imhotep (รับบทโดย Arnold Vosloo) นักบวชชาวอียิปต์ที่ฟื้นคืนชีพโดยบังเอิญโดยทีมขุดค้นที่นำโดย O’Connell ด้วยการนำวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์สมัยใหม่มาใช้กับภาพยนตร์เรื่องนี้จึงทำให้เขากลายเป็นภัยคุกคามที่เหนือมนุษย์มากขึ้น

ใน The Mummy การสังหารฟาโรห์ Seti I (รับบทโดย Aharon Ipalé) ของ Imhotep หลังจากมีชู้กับ Anck-su-namun (รับบทโดย Patricia Velasquez) ผู้เป็นที่รักของฟาโรห์ ทำให้เขาถูกประณามจึงถูกให้ทำมัมมี่ที่ต้องคำสาปและมีพิธีฝังศพที่รู้จักกันในชื่อ “Hom-Dai” ตามที่เปิดเผยใน The Mummy โดย Evelyn (รับบทโดย Rachel Weisz) การทำ Hom-Dai เป็นคำสาปที่น่าเกรงขามแม้กระทั่งในหมู่ชาวอียิปต์โบราณ เนื่องจากผู้ถูกทำ Hom-Dai ที่ฟื้นคืนชีพจะครอบครองพลังของภัยพิบัติทั้ง 10 ของ Egpyt และ Imhotep ก็ทำอย่างนั้นเมื่อเขากลับมา แต่การทำมัมมี่ของเขาในไทม์ไลน์ของ The Mummy นั้นดูไม่สอดคล้องกับไทม์ไลน์ทางประวัติศาสตร์ของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจริงในอียิปต์

หลังจากการกลับมาของ Imhotep เขาก็ได้ชักชวน Beni (รับบทโดย Kevin J. O’Connor) ให้มาเป็นลูกน้องของเขาหลังจากที่ Beni ได้นำ Star of David ขึ้นมาให้เขาและพูดภาษาฮิบรูซึ่ง Imhotep อ้างถึงว่าเป็น “ภาษาของทาส” สิ่งนี้บ่งชี้ว่าในช่วงเวลาแห่งการลงโทษ Hom-Dai ของ Imhotep และจากการที่เขามองว่าชาวยิวเป็นทาส ซึ่งก็หมายความว่า Moses ยังมาไม่ถึงเพื่อปลดปล่อยภัยพิบัติ 10 อย่างในอียิปต์ และเพื่อปลดปล่อยประชาชนของเขาจากการเป็นทาส ในทางกลับกัน สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่าศพที่ถูกทำมัมมี่ภายใต้พิธีกรรม Hom-Dai การฟื้นคืนชีพกลับมาสามารถนำภัยพิบัติมาได้อย่างไร หากอียิปต์เองก็ยังไม่เคยประสบกับมันมาก่อน

ความเจริญรุ่งเรืองของอียิปต์ในช่วงเวลาของ Imhotep สามารถเห็นได้ในช่วงเปิดตัวของมัมมี่ (แต่เดิมค่อนข้างจะแตกต่าง) โดยที่อียิปต์ดูเหมือนจะเป็นอาณาจักรที่มีอำนาจสูงสุด นอกจากนี้ Evelyn ยังกล่าวถึงฟาโรห์ Seti I กับ Jonathan น้องชายของเธอ (รับบทโดย John Hannah) ว่า “ฟาโรห์ทรงเป็นฟาโรห์ที่มั่งคั่งที่สุดในบรรดาพวกเขา” ขณะสำรวจแผนที่ไปยังเมืองฮามูนัปตราที่สาบสูญ ความมั่งคั่งโดยอ้างว่าเป็นของ Seti I และสภาพความเป็นอยู่โดยทั่วไปที่แสดงให้เห็นในอียิปต์ในช่วงชีวิตของ Imhotep ยังชี้ให้เห็นอีกว่าแม่น้ำแห่งเลือดและโรคระบาดอยู่ในอนาคตของอียิปต์ที่ยังมาไม่ถึงมากกว่าจากในอดีตหรือช่วงเวลาของเรื่องนี้

The Mummy มีความสนุกเป็นอย่างมากในการผสมผสานประวัติศาสตร์กับองค์ประกอบเหนือธรรมชาติ และมันถูกใช้ประโยชน์ในการเนรมิตภัยพิบัติได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อตัวละคร Imhotep ถูกนำเสนอในเรื่องราวของอียิปต์ยุคปัจจุบันมาสู่โลก Jonathan มักให้ความเห็นเป็นระยะตั้งแต่มีอำนาจจนถึงอารมณ์ขันที่มืดมน ในตอนแรกมีการระบุข้อความในพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดของเลือดและความมืด Jonathan แสดงความคิดเห็นอย่างหลวม ๆ เกี่ยวกับพลังของ Imhotep ใน The Mummy ว่า “สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด โรคระบาดที่ฉันโปรดปรานทั้งฝีและแผล” ขณะที่ Imhotep ทำการล้างสมองกองทัพโดยการสวดมนต์เป็นชื่อของเขา

สรุปแล้ว ภัยพิบัติ 10 อย่าง และการทำพิธี Hom-Dai ไม่ได้ส่งผลร้ายต่อ The Mummy มากนัก ในฐานะที่เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 1999 The Mummy ก็ยังคงเป็นหนังผจญภัยที่สนุกสนานพร้อมองค์ประกอบสยองขวัญที่ได้กลับมาเยี่ยมเยียนอีกครั้งในปีต่อมา ในขณะที่ภัยพิบัติต่าง ๆ ได้เพิ่มสัมผัสที่ดีให้กับความสามารถของ Imhotep ในฐานะมัมมี่ที่ฟื้นคืนชีพ แต่ผู้ที่ยึดหลักการทางวิชาการหรือตามพระคัมภีร์มากเกินไป ก็อาจจะขมวดคิ้วเล็กน้อยกับความเหลื่อมล้ำของการลำดับเวลาของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในช่วงที่มัมมี่ถูกฝังไว้ก่อนที่จะโจมตีอียิปต์ แต่ถ้าหากแบบแบบนั้น เรื่องราวของ The Mummy ก็แทบจะน่าเสียดาย (แม้ว่าจะมองข้ามการรีบูต Dark Universe ที่ล้มเหลวของ The Mummy ก็ตาม)