หลังจาก Jordan Peele ปล่อยหนังยาวแนว ‘กระตุกขวัญสังคม’ ออกมา 3 เรื่อง ทุกเรื่องก็กลายเป็นขวัญใจแฟน ๆ ตลอดหลายขวบปีที่ผู้กำกับคนนี้แจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์ ตั้งแต่ Get Out (2017) ที่มาพร้อมประเด็นเกี่ยวกับการเมืองเรื่องเชื้อชาติในอเมริกา Us (2019) ซึ่งเล่นกับเรื่องอภิสิทธิ์และชนชั้้นในสังคม และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มี Nope (2022) ซึ่งพูดเรื่องอาการหมกมุ่นต่อการดูโชว์ (และรวมไปถึงกระทั่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในวงกว้าง) อาจดูเหมือนว่า Peele มิได้สร้างโปรเจกต์หนังแต่ละเรื่องโดยเริ่มต้นจากเนื้อเรื่องที่อยากเล่า ทว่าเริ่มจากบทเรียนทางศีลธรรมที่เขาต้องการถ่ายทอดแก่ผู้ชม แต่หากมีใครที่คิดเช่นนั้นก็ต้องบอกว่าผิดถนัด เพราะ Peele ได้ออกมายืนยันผ่านการสัมภาษณ์ว่า แนวคิดในการสร้างหนังของเขามิได้มาจากความต้องการที่จะสั่งสอนอะไรแก่ผู้ชม หากแต่เป็นความต้องการจะเปิดโปงธาตุแท้ของพวกเขาต่างหาก

“ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้มองว่า ‘ฉันอยากจะบอกอะไร’ สักเท่าไรหรอกครับ แต่คิดว่าเป็นการโฟกัสว่า มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับมนุษยชาติที่ผมยังไม่เคยเห็นใครเอามาขยี้บ้าง ผมเรียกว่าเป็น ‘บาปของมนุษย์’ ก็แล้วกัน” Peele เผยความในใจต่อเว็บไซต์ Empire Online “ถ้ามีอะไรที่ผมสามารถถกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความตกต่ำแห่งมวลมนุษย์ แต่ยังไม่เคยเห็นใครเอาไปใส่ในหนัง ผมก็คิดว่าน่าจะเอาไปใช้ได้ ผมทำหนังเกี่ยวกับรายการโชว์และการที่หลายคนหมกมุ่นกับมัน หมกมุ่นชนิดเกินเยียวยา จากนั้นผมก็แค่เชื่อมั่นว่าภาพที่ผมนำเสนอในหนังจะ…ถ้าผมยึดมั่นในความจริง ยึดมั่นในความสนุก และยึดมั่นในสิ่งที่ใจต้องการ ผมก็เชื่อว่าจะกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเกี่ยวกับประเด็นนั้นได้”

เขากล่าวต่อว่า “ผมคิดว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ได้ไปดูหนังเพื่อจะรับฟังว่าคนทำหนังพยายามบอกว่าอะไร แต่เราไปดูหนังเพื่อจะได้เห็น ได้ฟัง ได้สัมผัส และได้รับรู้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่คนทำหนังพยายามจะสื่อสารออกมา นี่แหละครับคืออย่างหนึ่งที่ผมชอบดูเวลาเห็นคนเอาหนังสักเรื่องมาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพราะหนังเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ดีจริง ๆ มีค่าพอให้พูดถกกันนับล้าน ๆ ครั้งเลย”

เมื่อทางผู้สัมภาษณ์ถาม Peele ว่า เขารู้สึกอย่างไรกับการที่ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดเป็นหนังที่สะท้อน ‘ความหมกมุ่นชนิดเกินเยียวยา’ ต่อการดูโชว์ของคนในปัจจุบัน ทว่าตัวหนังที่สื่อประเด็นดังกล่าวกลับเป็นหนังใหญ่ระดับบล็อกบัสเตอร์ภาคฤดูร้อนจาก Universal Pictures เขาก็เผยความในใจว่าไม่ได้รู้สึกเป็นปัญหาอะไรกับประเด็นนี้แม้แต่น้อย

“ผมก็แค่บอกตัวเองว่า ฉันรู้ว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม แล้วก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองลอยนวลโดยไม่หยิบเรื่องนี้มาพูดถึงหรือเอาไปเล่นในตัวหนังด้วย และนั่นก็เป็นเรื่องเดียวที่ผมต้องรับผิดชอบ รับผิดชอบในสิ่งที่ผมต้องมาทำที่นี่ เป็นความย้อนแย้งชวนท้าทายที่ผมต้องรับมือให้ได้ หนังและการทำหนังมีความสามารถในการนำเสนอประเด็นอย่างทะลุทะลวง เป็นของอันตราย ที่ผ่านมาก็เคยมีคนใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้จากหนัง ผมก็อยากสร้างหนังของตัวเองให้สามารถทำอะไรแบบนั้น แต่ก็ไม่อยากหันหน้าหนีจากมันด้วย”

Nope มีกำหนดเข้าฉายตามโรงภาพยนตร์ในไทยวันที่ 18 สิงหาคมนี้