ความลับของภาพยนตร์จาก Studio Ghibli
อะไรทำให้ภาพยนตร์ของ Studio Ghibli กลายเป็นที่รักและชื่นชอบจากผู้ชมในโลกที่ดูห่างไกลกับชีวิตจริง แต่กลับรู้สึกใกล้ชิดอบอุ่นเหมือนบ้าน
แฟนๆ อานิเมะ และภาพยนตร์หลายคนคงต้องได้ผ่านประสบการณ์การชมภาพยนตร์ของ Studio Ghibli มาแล้วอย่างแน่นอน ด้วยเนื้อหาที่อบอุ่นหัวใจ ความคิดถึง หรืออารมณ์หวานอมขมกลืนของเรื่องราวที่น่าสนใจ ได้รับการตอบสนองที่ชัดเจนต่อภาพยนตร์ที่เป็นสัญลักษณ์เหล่านี้ ซึ่งยังคงรักษาความโดดเด่นและเสน่ห์ของสตูดิโอนี้ไว้อย่างดี รวมถึงวัฒนธรรมป๊อปที่เราได้รับจากเรื่องราวที่น่าประทับใจเหล่านี้ด้วย
ตั้งแต่การเล่าเรื่องไปจนถึงงานภาพ งานเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เป็นต้นฉบับ และแม้แต่ตัวละครอันเป็นที่รัก Studio Ghibli มีความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ถือเป็นงานฝีมือที่ละเมียดละไมส่งตรงถึงใจผู้ชมได้อย่างไม่มีข้อกังขา แต่สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เหล่านี้ต่างสร้างความโหยหาให้กับผู้ชม ถึงโลกที่ห่างใกลจากโลกแห่งความเป็นจริง แต่กลับรู้สึกใกล้ชิดกับบ้านมากขึ้น
Studio Ghibli เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร?
Studio Ghibli Inc. ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 โดยผู้กำกับ Hayao Miyazaki และ Isao Takahata ร่วมกับโปรดิวเซอร์ Toshio Suzuki เพื่อจุดประสงค์ในการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชัน Miyazaki, Suzuki และ Takahata อยู่ในวงการการอุตสาหกรรมโทรทัศน์และอานิเมะมาเป็นเวลานาน พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันที่มีคุณภาพที่ดีโดยเจาะลึกถึงความสุข และความเศร้าโศกของชีวิต โดยไม่มีงบประมาณและตารางเวลาที่จำกัดในการผลิต
ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็ได้สร้างโฆษณา ภาพยนตร์สั้น และภาพยนตร์แอนิเมชันจำนวน 24 เรื่อง รวมถึง Nausicä of the Valley of the Wind ที่ผลิตในปี 1984 โดย Tokuma Shoten Publishing Co. Ltd. ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการก่อตั้ง Ghibli และ พันธมิตรระหว่างปี 1999-2005 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และทางสตูดิโอจึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในการเริ่มผลิตเรื่อง Castle in the Sky (1986) เป็นลำดับต่อมา
ความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ภาพยนตร์ของ Studio Ghibli 5 เรื่อง ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์อานิเมะที่ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นถึง 10 เรื่อง พร้อมกับการถูกนำเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์หลายเรื่อง โดย Spirited Away ปี 2001 เป็นอานิเมะเรื่องเดียวที่เคยได้รับรางวัลออสการ์ ความสำเร็จระดับโลกของภาพยนตร์นี้เป็นแรงบันดาลใจให้พิพิธภัณฑ์และสวนสาธารณะ รวมถึงการจัดนิทรรศการอื่นๆ และสถานที่ในธีมที่ไม่เป็นทางการมากนัก
ขั้นตอนการทำงานที่ไม่เหมือนใครของ Studio Ghibli!
Studio Ghibli ยังมีชื่อเสียงในด้านขั้นตอนการทำงานของพนักงานอีกด้วย ไม่มีคำมั่นสัญญาว่าสตูดิโอจะคงอยู่ในระยะยาวหรือไม่ ดังนั้นพวกเขาจะจ้างพนักงานสำหรับโปรเจกต์ใดโปรเจกต์หนึ่งเท่านั้น และยุบทีมลงหลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตามหลังจากความสำเร็จของ Kiki’s Delivery Service ในปี 1989 พวกเขาได้ปรับปรุงระบบพนักงานของตนใหม่เพื่อเพิ่มค่าจ้างขึ้นเป็นสองเท่า ในขณะที่มีการคัด และฝึกอบรมพนักงานที่เข้ามาใหม่อยู่เป็นประจำ หนึ่งในสามของทีมมีส่วนร่วมในด้านธุรกิจของการดำเนินงานนี้ด้วย สมาชิกคนอื่นๆ จะทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์ผลงานการผลิต และการจัดการของสตูดิโอ
ในขณะที่ Miyazaki เขียนและกำกับภาพยนตร์ Ghibli เป็นส่วนใหญ่ สิ่งสำคัญคือการตระหนักว่ามีนักเขียน ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลงมากมายหลายคนจากวงการภาพยนตร์แอนิเมชันทั้ง 24 เรื่องนี้ อุตสาหกรรมอานิเมะโดยทั่วไปมักมีความขัดแย้งในเรื่องของการจ่ายเงิน รวมถึงการปฏิบัติต่อแอนิเมเตอร์ และพนักงาน แต่คุณภาพของเนื้อหาไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนในงานของ Studio Ghibli
มูลค่าการผลิตและงบประมาณเพิ่มขึ้น แต่ภารกิจยังคงเหมือนเดิมภายใต้การดูแลของ Miyazaki และ Takahata
เพื่อสร้างงานที่มีคุณภาพสูง เหนือสิ่งอื่นใดในภาพยนตร์แต่ละเรื่องมีความใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก และแตกต่างกันในด้านลักษณะเฉพาะ ดนตรี ภาพ และการเล่าเรื่อง ซึ่งมีส่วนสนับสนุนในการสร้างโลกอันเป็นเอกลักษณ์ของ Studio Ghibli และการตลาดระดับโลกในชีวิตจริง อย่างไรก็ตามหลังจากจัดลำดับความสำคัญของคุณภาพแล้ว การขายสินค้าจะช่วยบรรเทาค่าใช้ได้บางส่วนด้วย
ภาพและการโปรโมตของ Studio Ghibli ทำอย่างไร?
ไม่ใช่ทุกโปรเจกต์ของ Studio Ghibli ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากมาสคอตอย่างเป็นทางการ Totoro ฑูตแมวตัวใหญ่ที่ดูน่ารักน่ากอดนี้ ทำให้ได้กำไรจากเรื่อง My Neighbor Totoro ในปี 1988 Totoro จึงเป็นหนึ่งในตัวละครของ Ghibli ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก มันมีส่วนร่วมในการยึดครองตลาดของภาพยนตร์และทำให้สตูดิโอเป็นที่รู้จักมากขึ้น เช่นเดียวกับ ผีไร้หน้า จาก Spirited Away Sophie และ Howl จาก Howl’s Moving Castle ในปี 2004 และ San จาก Princess Mononoke ในปี 1997 เป็นตัวละครยอดนิยมที่สามารถระบุได้ทั่ววัฒนธรรมป๊อป ตั้งแต่โปสเตอร์ แฟนอาร์ท ไปจนถึงสินค้าที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการด้วย
สิ่งที่ทำให้พวกเขากลายเป็นสัญลักษณ์หรือภาพจำคือการที่แอนิเมเตอร์สร้างภาพแทนชีวิตจริงผ่านการเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อน การแสดงออก และอิทธิพลที่นำมาซึ่งความรู้สึกคุ้นเคย รวมถึงประเพณี ในขณะเดียวกันก็รักษาระดับของเสรีภาพในการสร้างสรรค์ และสไตล์ที่ช่วยให้ตัวละครโดดเด่นเป็นรายบุคคล
ใน Princess Mononoke ตัวละคร San ปรากฎตัวในภาพลักษณ์หญิงสาวที่สามารถแสดงในภาพยนตร์ Ghibli เรื่องอื่นๆ ได้ แต่การแต่งหน้าได้รับแรงบันดาลใจจากชนพื้นเมือง เสื้อผ้าหนังหมาป่า และท่าทางที่ดูแข็งกร่าว ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงที่เป็นมนุษย์ของเผ่าหมาป่าพูดได้ เธอดูคุ้นเคยในโลกที่ไม่ปกติสำหรับคนทั่วไป
Studio Ghibli สร้างสมดุลระหว่างมิติความลึกของตัวละครด้วยความเชื่อมโยงต่างๆ
ในทำนองเดียวกัน ตัวละครเหล่านี้จะได้รับความลึกซึ้งของเรื่องราวเบื้องหลัง และบุคลิกของพวกเขาแต่ละคน ซึ่งแสดงความคล้ายคลึงกันของความเป็นอิสระ และความซับซ้อนของพวกเขาเอง Chihiro แห่ง Spirited Away แตะรองเท้าของตัวเองถึง 2 ครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะกระชับมากพอ Porco Rosso ในปี 1992 ได้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งของตัวละคร เกี่ยวกับเครื่องบินทะเล Savoia S. 21 ของเขา ซึ่งอาศัยเพียงประสบการณ์ส่วนตัวมากกว่าความรู้ด้านวิศวกรจริงๆ เช่น Fio
ไม่มีรายละเอียดใดที่จำเป็นต่อการพัฒนาการเล่าเรื่อง แต่เป็นการเพิ่มความคล้ายคลึงของตรรกะให้กับตัวละครที่ทำให้พวกเขาดูเหมือนคนจริงๆ ลักษณะเฉพาะนั้นพิเศษพอที่จะทำให้พวกเขาเป็นตัวหลักของภาพยนตร์ ที่มีความเกี่ยวข้องเพียงพอกับผู้ชมที่รุ้สึกเหมือนได้เห็นตัวเองบางส่วนในตัวละครเหล่านั้น
ธีมที่ครอบคลุมของภาพยนตร์ Studio Ghibli นี้ เป็นการเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว และความคุ้นเคยให้กับผู้ชมอีกด้วย ภาพยนตร์ทุกเรื่องมีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน ตั้งแต่ความมหัศจรรย์ของเด็กๆ ธรรมชาติ และการเสริมอำนาจของผู้หญิง ไปจนถึงภัยพิบัติจากความเจ็บป่วย สงคราม ความทันสมัย และวัยผู้ใหญ่ พวกเขาถ่ายทอดความสึกมหัศจรรย์ และความอยากรู้อยากเห็นที่เรามักจะรู้สึกเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กออกมา ในขณะที่มีการสานต่อการเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มักมาพร้อมกับการเติบโตและถูกบังคับให้ต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ในชีวิตของทุกคนแบ่งออกเป็นสองขั้วที่กลมกลืนกันของการรำลึกถึงวัยเด็ก และความรู้สึกไม่สบายในการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้น
ฉากรถไฟใน Spirited Away เป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ ขณะที่ Chihiro และเพื่อนใหม่ของเธอต้องออกเดินทางด้วยการนั่งรถไฟที่ดูสงบและสวยงาม เสียงเพลงที่ปล่อยออกมาในฉากนี้กลับฟังดูเศร้าโศก ซึ่งดูขัดแย้งกับเหตุการณ์ในภาพ
การตีความอย่างหนึ่งบ่งชี้ว่าในที่สุดแล้ว Chihiro จะมั่นใจในความสามารถของเธอที่ได้ออกสำรวจโลกที่ไม่คุ้นเคย หลังจากผ่านความยากลำบาก และความเหงาของการเรียนรู้วิธีที่จะทำสิ่งนี้โดยไม่มีพ่อแม่ของเธอ เธอถูกบังคับให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ผ่านสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งบ่งบอกการมาถึงของวัยผู้ใหญ่ แม้ว่าฉากนี้จะเป็นตัวแทนของการพัฒนาตัวละครของเธอ แต่เพลงประกอบได้ย้ำเตือนเราว่าประสบการณ์นี้ยังคงยากและสบายใจสำหรับเด็กหลายๆ คน
Chihiro ได้ผ่านเรื่องราวมากมายเมื่อเธอเปลี่ยนจากผู้มาใหม่ที่หวาดกลัว และไม่เต็มใจที่จะอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ให้เป็นนักพจญภัยที่มีประสบการณ์ และปรับตัวได้ ซึ่งดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วเธอจะรับอุปสรรค์ใหม่ๆ ได้เสมอ Joe Hisaishi นักแต่งเพลงของ Spirited Away และภาพยนตร์เกือบทุกเรื่องของ Miyazaki ได้เพิ่มระดับด้วยการสร้างโลก และการเล่าเรื่องผ่านเพลงประกอบภาพยนตร์ การทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องของเขากับผู้กำกับยังต้อนรับแฟนๆ ด้วยสไตล์ที่คุ้นเคย ซึ่งทำให้เชื่อมโยงความหลงใหลเหล่านี้กับภาพยนตร์อื่นๆ ของ Studio Ghibli ได้
กระบวนการพิเศษของ Studio Ghibli เพื่อความสำเร็จในการสร้างโลก
การสร้างโลกด้วยตัวเองนั้นทำได้ยากแต่ Studio Ghibli ทำสิ่งนี้โดยการเขียนและสร้างแอนิเมชันที่แฟนตาซี เป็นการสร้างอาณาจักรใหม่ และดื่มด่ำนอกความเป็นจริง ความสมจริงของเวทมนตร์ซึ่งทำให้เกิดองค์ประกอบที่น่าอัศจรรย์มาสู่ชีวิตประจำวันแสนเรียบง่าย
มุมมองแฟนตาซีของ The Cat Returns ในปี 2002 นำพา Haru และผู้ชมไปยังทุ่งหญ้าเปิดของ Cat Kingdom ซึ่งตัดกับสภาพแวดล้อมที่คับคั่งและคับแคบของบ้านเกิดในเมืองของ Haru ในขณะที่ใน The Secret World of Arrietty ในปี 2010 เด็กชายขี้โรคที่ชื่อ Shō ได้ค้นพบครอบครัวผู้ยืม พวกเขาซ่อนตัวอยู่ภายใต้รอยแยกของบ้านพักฤดูร้อนของเขา แต่ละวิธีดึงดูผู้ชมไปพร้อมกับตัวละครที่สัมผัสประสบการณ์เหล่านี้เป็นครั้ง
เพื่อให้ดูสมจริง Studio Ghibli ได้สร้างภาพเคลื่อนไหวให้กับภูมิประเทศที่งดงามและยิ่งใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ฉากนี้มีความมหัศจรรย์และสมจริง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ปลาหมึกยักษ์ที่มีแสงสีรุ้งใน Ponyo ปี 2008 ลูกอมของ Seita ที่ติดอยู่กับกระดาษห่อใน Grave of the Fireflies ในปี 1988 หรือฉากการทำอาหารที่ทำผู้ชมต่างน้ำลายสอถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างปราณีต เขาทำให้ดูจริงมากพอที่จะทำให้เป็นที่จดจำทั้งหมด องค์ประกอบที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้ทำให้พวกเรสัมผัสได้ถึงความสมจริง และเข้าถึงจินตนาการของผู้ชมได้มากขึ้น
ภาพยนตร์ของ Studio Ghibli สร้างเวทมนตร์ เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บางองค์ประกอบที่ทรงพลังที่สุดของภาพยนตร์ Studio Ghibli ก็คือช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย Miyazaki อธิบายช่วงเวลาเหล่านี้ผ่านคำภาษาญี่ปุ่นด้วยคำว่า ma ซึ่งแปลว่าความว่างเปล่า คล้ายกับรายละเอียดปลีกย่อยที่สร้างมิติให้กับตัวละคร และการสร้างโลก ด้วยฉากที่ดูสงบเงียบจนดูเหมือนเวลาหยุดชั่วคราว เป็นการเพิ่มน้ำหนักทางด้านอารมณ์ให้กับผู้ชม Jiro พบช่วงเวลานี้ตอนสูบบุหรี่ที่อยู่ลำพังในเรื่อง The Wind Rises ปี 2013 เช่นเดียวกับ Marnie วางดอกไม้ไว้บนผมของ Anna ระหว่างการล่องเรืออย่างสงบในปี 2014 จากเรื่อง Marnie Was There
Chihiro จ้องมองนกพิราบที่อยู่ไกลๆ แล้วครุ่นคิดถึงพ่อแม่ที่เปลี่ยนไปของเธอใน Spirited Away ฉากเหล่านี้ทำให้ทุกอย่างดูช้าลงเพื่อให้ผู้ชมและตัวละครได้มีความรู้สึกร่วมกัน ก่อนจะกลับไปสู่ฉากแอ็กชัน นอกจากนี้ยังมีการมอบเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เป็นการยกระดับตัวละคร ซึ่งฉากเหล่านี้สะท้อนถึงธรรมชาติของวัฒนธรรมญี่ปุ่นและการเล่าเรื่องแบบตะวันออก ทำให้ผู้ชมได้คิดตามและพัฒนาประสบการณ์รอบด้านในการดูภาพยนตร์ของ Ghibli เกือบทุกเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ภาพยนตร์ของ Studio Ghibli ได้แสดงภาพชีวิตได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะเดียวกันก็สร้างประสบการณ์ที่นำเราเข้าสู่ชีวิตของตัวละครในโลกของพวกเขา เตือนให้เรานึกถึงอารมณ์ต่างๆ ที่เราเคยสัมผัส ผ่านลักษณะพิเศษเฉพาะด้านดนตรี การสร้างโลกในฝัน งานภาพ และการเล่าเรื่อง ล้วนเป็นผลมาจากการทุ่มเทของทีมงานเพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพ
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้