Chris Miller ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Puss in Boots (2011) และเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ตกลงเซ็นสัญญารับงานกำกับภาพยนตร์ Smurfs เรื่องใหม่ของ Paramount และ Nickelodeon ที่เป็นแนวมิวสิคัลและมีกำหนดออกฉายในปี 2024

ก่อนหน้านี้ Sony Pictures Animation ปล่อยภาพยนตร์ Smurfs ออกมา 3 เรื่องตั้งแต่ปี 2011 - 2017 ซึ่งล้วนได้เสียงตอบรับทั้งบวกและลบจากฝั่งผู้ชมและฝั่งนักวิจารณ์ อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา Nickelodeon ได้รับลิขสิทธิ์ทั่วโลกสำหรับทรัพย์สินทางปัญญาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Smurfs ก่อนจะประกาศร่วมทีมกับ LAFIG Belgium และ IMPS ผลิตหนังหลายเรื่องในแฟรนไชส์ภูตจิ๋วตัวสีฟ้านี้ และโปรเจกต์แรกที่เกิดขึ้นภายใต้สัญญาใหม่ดังกล่าวคือ ภาพยนตร์ Smurfs แนวมิวสิคัลที่เบื้องต้นได้มีการวางกำหนดการไว้คร่าวๆ ว่าจะออกฉายวันที่ 20 ธันวาคม 2024

ปัจจุบันมีรายงานข่าวจาก The Hollywood Reporter ว่า ผู้กำกับ Miller ซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ได้เซ็นสัญญานำทีมถ่ายทำภาพยนตร์ Smurfs แนวมิวสิคัลให้กับ Paramount Animation และ Nickelodeon Animation โดย Miller ซึ่งก่อนหน้านี้เคยกำกับ Shrek the Third (2007) จะรับบทภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์โดย Pam Brady ผู้เขียนบทให้การ์ตูน South Park (1997 - 2022) มาดำเนินการถ่ายทำต่อ Ramsey Naito ประธานฝ่ายแอนิเมชันและการพัฒนาของ Paramount Animation กล่าวในแถลงการณ์ว่า:

เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลุ่มคนผู้มากความสามารถ ซึ่งรวมถึง Chril Miller ผู้น่าอัศจรรย์ มาช่วยกันถ่ายทอดเรื่องราวล่าสุดจากจักรวาล Smurfs สู่ผู้ชม

ประสบการณ์จากการทำงานกับภาพยนตร์แอนิเมชันอย่างเช่นหนังตระกูล Shrek ทำให้นักสร้างแอนิเมชันและสตอรี่บอร์ดผู้ได้รับการนับหน้าถือตาอย่าง Miller เป็นตัวเลือกที่ตรงตามอุดมคติสำหรับคนที่จะมารับหน้าที่กำกับหนัง Smurfs เรื่องใหม่ ด้วยความที่ภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้จะมีโปรดักชันที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับหนังเรื่องก่อนๆ ที่ผลิตโดย Sony ทำให้ Miller มีอิสระเต็มที่ในการสร้างสรรค์โปรเจกต์หนัง Smurfs เรื่องนี้ให้ออกมาน่ารักน่าเอ็นดูและเคารพเรื่องต้นฉบับ

จริงอยู่ที่หนังเรื่องก่อนๆ ของเจ้าภูตจิ๋วตัวสีฟ้าเหล่านี้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ทว่าตอนนี้ Miller มีโอกาสกู้ชื่อเสียงด้านภาพยนตร์ของแฟรนไชส์นี้ด้วยการรังสรรค์หนัง Smurfs แนวมิวสิคัลให้เปี่ยมเสน่ห์และชวนให้ระลึกถึงการ์ตูนคอมิกต้นฉบับ ซึ่งหากจะเป็นจริงได้ก็ต้องอาศัยการจัดหาทรัพยากรที่เหมาะสมและทันท่วงทีกับการถ่ายทำ ตลอดจนการจำกัดขอบเขตคนของทางค่ายหนังไม่ให้มายุ่งเกี่ยวจนทำเสียเรื่องอีก