ฐานแฟนคลับของ Sailor Moon ช่วยให้แฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่ในอเมริกาหนือยังคงอยู่ได้อย่างไร?

Sailor Moon ถูกเปิดตัวเมื่อ 30 ปีที่แล้ว การปรากฎตัวของ Sailor Moon สัมผัสได้จากกระแสทั่วโลก แต่ก็มีบางครั้งที่อนาคตของ Sailor Moon ดูจะไม่ค่อยแน่นอนสักเท่าไหร่

Screen Shot 2565-07-10 at 3

Usagi ได้เป็นตัวแทนแห่งสันติภาพใน Sailor Moon โดยมีการเปิดตัวมังงะตอนที่เธออายุ 19 ปี Naoko Takeuchi เข้าสู่อุตสาหกรรมในช่วงเวลาที่สื่อไม่ได้อยู่ใกล้กับผลกำไรอย่างเช่นทุกวันนี้ แม้ว่าจะสมควรได้รับการยอมรับ แต่การฝ่าวงล้อมของ Takeuchi เป็นเพียงการเผยแพร่ความสามารถของเธอเท่านั้น

Sailor Moon เป็นมังงะที่มีเรื่องราวต่อเนื่อง และผลงานชิ้นที่ 3 ของ Takeuchi เปิดตัวเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 1991 ภายใน 1ปีการผจญภัยของ Usagi และ Sailor Senshi ก็เริ่มได้รับเสียงชื่นชมในเชิงพานิชย์ โดยมีการสร้างอานิเมะที่ดัดแปลงไปพร้อมกับภาพยนตร์คู่หูอีกหลายเรื่อง การเปลี่ยนจากซีกโลกตะวันออก เป็นซีกโลกตะวันตกจะพิสูนจ์ให้เห็นว่ามันเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของซีรีส์

Screen Shot 2565-07-10 at 3

ในปี 1995 Takeuchi ไม่เพียงแต่มีสตูดิโอการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น ด้วยการดัดแปลงอานิเมะของ Sailor Moon ที่เติบโตขึ้นจนกลายเป็นไอคอนระดับชาติ ก็ถึงเวลาแล้วที่จะนำแฟรนไชส์นี้ไปสู่ต่างประเทศ ในเวลานี้ผู้ชมชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่รับชมแอนิเมชันญี่ปุ่นนั้นมาจากช่องเคเบิลทีวีในช่วงดึก หรือของเถื่อนที่แปลได้ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จส่วนใหญ่ของ Takeuchi ในอเมริกาเหนือ ไม่ได้มาจากการตลาดที่ชาญฉลาด หรือเสียงพากย์ภาษาอังกฤษที่หนักแน่น แต่มาจากฐานแฟนๆ ที่ทุ่มเท และ Pop-Tarts ที่แปลกประหลาดนั่นเอง

การรวมกลุ่มในอเมริกาเหนือของ Sailor Moon เป็นเรื่องราวที่ต้องบอกเล่าจากมุมมองที่แยกจากกันของผู้ชมทั้งในอเมริกาและแคนาดา เมื่อพูดถึงการพากย์ Sailor Moon Toei Animation เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจาก Dragon Ball และ One Piece ได้มอบความไว้วางใจให้กับ DiC ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดก่อให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง และเกือบทำให้ผู้ชมชาวตะวันตกต้องเสียค่าใช้จ่าย การเซ็นเซอร์ การตัดตอนบางตอนออก และการเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวเบื้องหลังตัวละครจะดำเนินต่อไป เพื่อสร้างสัตว์ร้ายที่มีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่มาก่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผลงานที่แย่กับผู้ชมในสหรัฐฯ ในที่สุดก็นำไปสู่การยกเลิกการรวมกลุ่มเดิมหลังจากออกอากาศเพียงครึ่งแรกของซีซันที่ 2

โชคดีที่การยกเลิกของ Sailor Moon ดูจะไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ชมชาวตะวันตก เนื่องจากการแสดงได้รับการสนับสนุนจากชุมชน DiC ที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง ทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา ความนิยมของ Sailor Moon เด่นชัดมากขึ้น ทำให้แฟนๆ ชาวแคนาดาสับสนกับการตัดสินใจของ DiC ในการตอลสนอง จากกลุ่มที่เรียกว่า บันทึกลูกเรือของเรา หรือ SOS สั้นๆ ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อฟื้นฟูเสียงภาษาอังกฤษ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 1996 SOS เริ่มใช้ Procott (ตรงกันข้ามกับการคว่ำบาตร) ของ Strawberry Frosted Pop-Tarts ให้กับผู้สนับสนุนอานิเมะเวอร์ชันภาษาอังกฤษ แม้ว่าประสิทธิภาพของแคปเปญนี้ ซึ่งยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่

Screen Shot 2565-07-10 at 3

เมื่อไม่มีทางแก้ไข แฟนๆ จึงต้องเพิ่มคำบรรยายภาษาอังกฤษลงในเทป VHS ที่ไปละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งขายในร้านขายวิดีโอท้องถิ่น เทป VHS ที่ละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้ทำให้ผู้คนได้เห็นเวอร์ชันของการเล่าเรื่องที่ไม่มีการแก้ไขของ DiC ทำให้พวกเขาได้รับชม Sailor Moon ที่ใกล้กับแหล่งข้อมูลจริงๆ มากขึ้น ในปี 1977 มีการยื่นคำร้องพร้อมลายเซ็นมากกว่า 12,500 รายชื่อ การเคลื่อนไหวของแฟนๆ นี้ เพียงพอที่จะโน้มน้าวให้ General Mills เลือกการเผยแพร่ผ่านทาง Program Exchange ผู้ชมรายใหม่จะได้รับเกียรติจากการกลับมาของ Sailor Moon ในวันที่ 9 มิถุนายน 1997 ทางเครือข่ายสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มออกอากาศซ้ำโดยใช้เสียงพากย์ดั้งเดิมที่ DiC ได้เพิ่มการผลิตในตอนที่ 17 ที่เหลือของซีซันที่ 2

เบื้องหลังมีผู้คนที่มีส่วนร่วมที่ช่วยทำให้เปลี่ยนสถานะของอานิเมะ และภาพยนตร์ Sailor Moon ให้กลายเป็นหัวใจของผู้ชมที่เป็นกระแสหลัก เมื่อแฟนอานิเมะตัวยงอย่าง Sean Atkins และ Jason Demarco ได้รับมอบหมายให้รวบรวมเนื้อหาสำหรับ Cartoon Network พวกเขาได้ทำภารกิจในการเกณฑ์ความสามารถของ Sailor Senshi ในเดือนมิถุนายน 1998 Atkins และ Demarco ได้รับความปรารถนาของพวกเขา และ Sailor Moon ได้พบกับบ้านหลังใหม่บนบล็อกอานิเมะในช่วงเวลาบ่ายของ Cartoon Network และ Toonami โดยเริ่มพากย์เสียงในซีซันที่ 3 ของซีรีส์ ความสำเร็จนี้พิสูจน์แล้วว่ามีความสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับ Sailor Moon เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอานิเมะเรื่องอื่นๆ ด้วย เนื่องจากเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้บริหารเครือข่ายยอมรับ เช่น Dragon Ball Z และ Pokémon

Sailor Moon ได้แพร่หลายอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าในอเมริกาเหนือ ทั้งยังได้สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดพากย์เสียงในอีกกว่า 45 ประเทศทั่วโลก พร้อมกับการสร้างตลาดที่ร่ำรวยสำหรับสินค้าในทุกที่ ที่สามารถหาตอนต่างๆ ได้ เป็นการยากที่จะนึกภาพโลกที่ Usagi Tsukino ไม่ใช่ไอคอนวัฒนธรรมป๊อป แต่อาจเป็นกรณีนี้ที่ผู้คนธรรมดาต่อสู้เพื่อให้ออกอากาศทางโทรทัศน์ นี่คือเหตุผลความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Naoko Takeuchi ไม่ได้ทำให้แนวสาวเวทย์มนตร์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับมังงะรุ่นต่อไป แต่เป็นฐานแฟนคลับที่กระตือรือร้นไม่ยอมแพ้ต่างหาก

ที่มา: CBR
0 ความคิดเห็น

คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้

poster
Sailor Moon

เซเลอร์มูน

ข่าวจัดอันดับ

ประจำเดือนนี้