Kuang Ni ได้เสียชีวิตลงไปแล้วด้วยวัย 87 ปี นักเขียนชาวฮ่องกงผู้อยู่เบื้องหลังของนิยายไซไฟในตำนานและภาพยนตร์กว่าอีก 300 เรื่อง รวมถึงภาพยนตร์ต่อสู้สุดคลาสิก The One-Armed Swordsman (1967), The 36th Chamber of Shaolin และ Dragon: The Bruce Lee Story (1993) นอกจากนี้ยังมี Fist of Fury (1972) และ The Big Boss (1971)

จากรายงานของ South China Morning ได้ระบุว่า Kuang Ni ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในบ้านพักของเขาที่ฮ่องกง ด้วยสาเหตุการตายจากโรคมะเร็งผิวหนัง ถือเป็นเรื่องราวอันน่าเศร้าอย่างยิ่งที่ต้องสูญเสียนักเขียนความสามารถอันล้นเหลือแบบเขาไป ซึ่งเขาเสียชีวิตวันเดียวกับ Alex Law นักเขียนในตำนานอีกหนึ่งคน โดย Kuang Ni ได้ขับเคลื่อนวัฒนธรรมในฮ่องกงให้ไปสู่ระดับโลกได้อย่างโด่งดังและทำให้วงการภาพยนตร์ของเอเชียก้าวหน้าไปอีกขั้นเลยก็ว่าได้

Kuang Ni ได้อยู่เบื้องหลังและเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของวงการวรรณกรรมและนิยายในจีน ไม่ว่าจะเป็นแนววิทยาศาสตร์ นิยายหวู่เซีย และศิลปะการต่อสู้ นอกจากนี้เขาก็ยังเขียนทั้งคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ บทความฉบับสั้น และนิยายแนวโรแมนติก รวมถึงงานแนวสืบสวนสอบสวนอีกด้วย รวมๆ แล้วเขาเขียนนิยายมากกว่า 300 เรื่อง และยังไม่รวมถึงบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนมาตลอดทั้งชีวิต ผ่านตัวละครที่เป็นภาพจำของใครหลายๆ คนไปแล้วไม่ว่าจะเป็น นักผจญภัย Wisley, นักสู้ผู้พิชิต Chen Zhen, ซุปเปอร์ฮีโร่สุดคลาสิก The Super Inframan (1975), นักดาบมือเดียว Fang Kang ที่นำแสดงโดย Jimmy Wang ที่ล่วงลับไปแล้ว

Kuang Ni เกิดที่เซี่ยงไฮ้ในปี 1935 เขาอยู่ในครอบครัวชนชั้นกลางที่มีลูกแปดคน ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในเขตสัมปทานของฝรั่งเศส แน่นอนว่าเขาชื่นชอบและหลงใหลการอ่านมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น เขาเสพผลงานคลาสิกของจีนมากมาย เช่น Journey to the West, Dream of the Red Chamber และ Water Margin จนเขาได้กลายเป็นเสนาธิการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทำงานเป็นผู้คุมเรือนจำ ก่อนที่ในปี 1957 เขาได้ทำการหลบหนีออกมาจากมองโกเลียและกลับไปที่เซียงไฮ้ โดยกว่าจะกลับมาได้ก็ยากลำบากมากเพราะเขาต้องจ่ายเงินให้กับเหล่าผู้ค้ามนุษย์เพื่อให้เขาเองสามารถลักลอบกลับเข้ามาที่ฮ่องกงได้อีกครั้ง

เมื่อกลับมาที่ฮ่องกงเขาก็ได้ทำงานเป็นกรรมกร แต่บังเอิญได้เข้าร่วมการแข่งขันเขียนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพการเขียนของในหนังสือประเภท Wuxia ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปี 1960 ว่าด้วยเรื่องราวแอ็กชันย้อนยุคที่ต้องมีนักรบถือดาบพร้อมกับความแฟนตาซีเหนือธรรมชาติ ในช่วงปี 1963 เขาเริ่มจะหันไปเขียนแนววิทยาศาสตร์กับนิยายเรื่อง Diamond Flower ที่มีตัวละครอย่าง Wisely

โดยเรื่องราวของ Wisely นั้นเป็นเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดมุมมองในอนาคตของฮ่องกง นำโดยตัวเอกที่มีชื่อว่า Wisely ที่ได้ออกเดินทางไปยังทั่วโลกเพื่อไขปริศนาและเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคนร้ายหรือแม้แต่มนุษย์ต่างดาว ซึ่งก็ประกอบไปด้วยจำนวนตอนที่มากถึง 150 ตอน หลังจากนั้นนิยายเรื่องนี้ก็ถูกดัดแปลงให้สามารถออกอากาศผ่านทางวิทยุได้ แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาไปสู่จอโทรทัศน์ จนกระทั่งกลายไปเป็นภาพยนตร์จอใหญ่ ผ่านฝีมือการแสดงของนักแสดงในตำนานอย่าง Chow Yun-fat, Andy Lau และ Samuel Hui

หลังจากนั้นในปี 1967 เขาก็ได้ถูกเชิญโดยผู้กำกับ Chang Cheh ให้ไปเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง The One-Armed Swordsman (1967) ของ Wuxia ซึ่งแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม จนทำให้เขาได้ก้าวขึ้นไปเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ระดับแนวหน้าที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องการตัวมากที่สุดในฮ่องกง นอกจากนี้เขาเองก็มีความสนิทชิดเชื้อกับ Shaw Brothers Studios จนทำให้เขาได้เขียนเพลงฮิตที่สุดให้กับสตูดิโอเพลงในช่วงยุค 1960 และ 1970 เรียกได้ว่าเป็นยุคทองสุดๆ ของเขาเลยก็ว่าได้

ส่วนผลงานที่โด่งด่งที่สุดของเขาก็คงปฏิเสธไม่ไดว่า เขาได้สร้างตัวละคร Bruce Lee และเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง The Big Boss (1971) แม้ว่าจะเป็นผลงานการเขียนของเขาแต่สุดท้ายเขาก็ได้มอบเครดิตการเขียนให้กับ Lo Wei ด้วย ซึ่งเขาเองก็ได้เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Fist of Fury (1972) และสร้างตัวละคร Chan Zhen อีกด้วย รวมไปถึงผลงานอื่นๆ ที่ก็โดดเด่นไม่แพ้กันอย่าง The Super Inframan (1975) และ The 36th Chamber of Shaolin (1978) ที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม Rapper ชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Wu-Tang Clan และเขาเองก็ได้รับรางวัล Lifetime Achievement Award จาก Hong Kong Film Awards ประจำปี 2012 อีกด้วย

หลังจากนั้นภาพยนตร์และละครของเขาก็ค่อยๆ หมดกระแสไปในช่วงปลายปี 1980 และ 1990 นักวิจารณ์แกนนำลัทธิคอมมิวนิสต์ได้อพยพเข้าไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 1992 เพื่อส่งตัวเขากลับไปฮ่องกงอีกทีในปี 2006 สุดท้ายนี้จากผลงานและเรื่องราวทั้งหมดของ Kuang Ni ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถและความทุ่มเทในด้านการเขียนจนกำเนิดผลงานในตำนานออกมามากมาย เขาได้กลายเป็นตำนานสุดคลาสิกของวงการภาพยนตร์ไปแล้ว