6 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่ได้สร้างสรรค์สิ่งพิเศษขึ้นมาแทนที่ความคาดหวังในการรับชม

ทำลายความคาดหวังของคุณด้วยภาพยนตร์เหล่านี้

Screen Shot 2565-06-24 at 8

แนวคิดดั้งเดิมนั้นดูจะหาได้ยาก นั่นเป็นความจริงสำหรับการทำหนังสือ เพลง และแม้แต่ภาพยนตร์ ในโลกของภาพยนตร์ที่ซึ่งความสำเร็จมากมายมาจากแฟรนไชส์และภาคต่อ แต่ดูเหมือนว่าภาพยนตร์ต้นฉบับจะถูกผลักเข้าไปในอีกมุมหนึ่ง

เมื่อเดินเข้าไปในโรงภาพยนตร์ ผู้ชมมักจะคาดหวังกับสิ่งที่พวกเขากำลังจะดู พวกเขาต้องการภาพยนตร์ตลกเพื่อทำให้พวกเขาหัวเราะ และภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่เพื่อทำให้รู้ว่าคนชั่วจะต้องไม่มีที่ยืน แต่ไม่ใช่ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เล่นตามกฎ ภาพยนตร์แนวทำลายล้างมากมายต่างฉีกกฎเกณฑ์ออกไปและสร้างสรรค์สิ่งพิเศษขึ้นมาแทนที่ และยังสร้างความประทับใจจนเป็นหนังขึ้นหิ้งของใครหลายๆ คนอีกด้วย

Joker (2019)

Screen Shot 2565-06-24 at 8

นำแสดงโดย Joaquin Phoenix ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์ ด้วยภาพที่ดูมืดมน และเศร้าหมองของ Todd Phillips ทำให้ Gotham ดูเป็นเมืองที่น่าขนสุก มีหลายสิ่งที่ดูน่าทึ่งเกี่ยวกับระบบชนชั้น และความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมในอเมริกา Gotham มีอิทธิพลเสมอในกรอบของการเล่าเรื่องใน Batman ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงมีหลายสิ่งที่จะพูดเกี่ยวกับสภาพจิตใจของตัวละครและของอเมริกาเอง

ในทำนองเดียวกัน การขาดลำดับฉากแอ็กชันที่ซับซ้อนมีมากขึ้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาในโลกของ Batman มันพิสูจน์ให้เห็นว่าภาพยนตร์อย่าง Joker และ The Batman เป็นมากกว่าการย้อนอดีตธรรมดาๆ ตอนนี้ภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ ได้ฝังแน่นในวัฒนธรรมของเราจนไม่ถูกผูกติดอยู่กับแนวคิดของประเภทอีกต่อไป

About Schmidt (2002)

Screen Shot 2565-06-24 at 8

การแสดงครั้งสุดท้ายในอาชีพนักแสดงของ Jack Nicholson นักแสดงรุ่นเก๋าและมีชื่อเสียงอย่างไม่ต้องสงสัย เขารับบทเป็น Warren Schmidt พนักงานขายประกันที่เพิ่งเกษียณอายุ และเริ่มต้นการเดินทางที่ทำให้เขาต้องพิจารณาความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัว และกลับผู้ชายที่เขาได้กลายเป็น

ผู้กำกับและผู้เขียน Alexander Payne เป็นผู้รอบรู้ในอุตสาหกรรมที่ดัดแปลงนวนิยาย ที่มีการแบ่งเส้นระหว่างความตลกขบขันกับบทละคร คล้ายกับเรื่อง Sideways (2004) ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม About Schmidt มีการดำเนินเรื่องราวกับเป็นโศกนาฏกรรมที่เงียบสงัด ในขณะที่มันมีความตลกขบขันอย่างชัดเจน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าขณะต้องคิดถึงความตลกร้ายเหล่านี้ ผ่านความไตร่ตรองถึงความเข้าใจของชีวิตที่ล้มเหลว

Blue Valentine (2010)

Screen Shot 2565-06-24 at 8

Ryan Gosling และ Michelle Williams เป็นนักแสดงนำในเรื่องนี้ของ Derek Cianfrance เป็นเรื่องราวของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึง 2 ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ภาพยตร์เรื่องนี้ผสมผสานจุดเริ่มต้นและปัจจุบันของความสัมพันธ์ที่สร้างความแตกต่างให้เราเห็นทั้งในน้ำเสียงการสื่อสารและงานภาพที่ให้โทนแตกต่างกัน

เรื่องราวโรแมนติกแหวกแนวของ Cianfrance ท้ายที่สุดแล้วอาจถูกมองว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเป็นภาพยนตร์อาร์ตมากกว่าที่เราอาจเชื่อมโยงกับภาพยนตร์โรแมนติกทั่วไป แต่จุดแข็งที่สุดของ Blue Valentine อยู่ที่การพรรณาถึงความโรแมนติกที่ต้องจบลงในท้ายที่สุดอย่างตรงไปตรงมาและซื่อตรงต่อความรู้สึก มันไม่ใช่ภาพยนตร์โรแมนติกทั่วไปแต่ก็ยังมีภาพยนตร์ที่มีบทสรุปในแนวเดียวกันอยู่อย่าง 500 Days of Summer (2009) และ Eternal Sunshine of the Spotless Mindfew (2004)

Moon (2009)

Screen Shot 2565-06-24 at 8

Moon เป็นการดัดแปลงจากเรื่องราวดั้งเดิมโดย Duncan Jones ลูกชายของ David Bowie ผู้กำกับภาพยนตร์แนวลึกลับไซไฟอันน่าทึ่ง ตามด้วย Sam Rockwell รับบทเป็นนักบินอวกาศชื่อ Sam Bell ที่ต้องทำงานอยู่ตามลำพังบนดวงจันทร์เป็นระยะเวลา 3 ปี กับหุ่นยนตร์ที่ชื่อ GERTY แต่ก็ต้องมีเรื่องให้ต้องประหลาดใจก่อนที่เขาจะได้เดินทางกลับมายังโลก เมื่อเขาต้องประสบอุบัติเหตุและได้เจอชายคนหนึ่งบนดวงจันทร์ ซึ่งชายคนนั้นมีหน้าตาเหมือนกับเขาจนเหมือนเป็นคนคนเดียวกัน จนต้องพยายามค้นหาความลับบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

สิ่งที่น่าชื่นชมมากที่สุดเกี่ยวกับ Moon ก็คือความสามารถในการสร้างภาพยนตร์ไซไฟที่มีความต้องการอยู่ตลอดตามความเหมาะสมของเนื้อเรื่อง เพลงประกอบที่มีความเข้ากันกับอารมณ์ของเรื่อง และต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการทำเอฟเฟกต์พิเศษเพื่อเสริมการเล่าเรื่อง Moon จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องราวอิสระที่งบประมาณเพียง 5 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และถ่ายทำใน Super 35 โดยใช้การถ่ายภาพแบบไลฟ์แอ็กชัน และแบบจำลองย่อส่วนเพื่อสร้างสไตล์ภาพที่โดดเด่น

The Unbearable Weight of Massive Talent (2022)

Screen Shot 2565-06-24 at 8

เมื่อมาคิดดูแล้วเป็นที่น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้สร้างเร็วกว่านี้ Nicolas Cage มักใช้วิธีการไฮเปอร์โบลิกในการแสดงเป็นตัวตนนั้นตลอดอาชีพการงานของเขา และในเรื่องยังเป็นพื้นฐานของเรื่องราวการเสียดสีตัวเองเป็นส่วนใหญ่ใน The Unbearable Weight of Massive Talent เหมือนว่าเขารับบทเป็นตัวเองในอีกมัลติเวิด์สหนึ่ง คือการเป็นดาราฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ตกอับ Cage ยังพบว่าตัวเองถูกจ้างโดยแฟนพันธุ์แท้ของเขาเอง คือ Javi Gutierrez รับบทโดย Pedro Pascal เพื่อให้มาร่วมงานวันเกิดโดยหารู้ไม่ว่าแฟนพันธุ์คนนี้คือพ่อค้ายารายใหญ่ที่เป็นที่ต้องการของ CIA

ด้วยการเสียดสีอย่างเฉียบขาด ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่สะท้อนความสามารถของ Cage ถือเป็นอีกความสำเร็จที่น่ายกย่อง นอกจากจะรับบทเป็นเหมือนตัวเองแล้ว และยังต้องเป็นคนที่ดูอ่อนแอขี้แพ้ ที่ไม่ชอบตัวเองอีก ซึ่งในที่สุดแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไปได้ไกลกว่าคาดหวังกันไว้จากแฟนๆ

Bottle Rocket (1996)

4671

ภาพยนตร์ของ Wes Anderson ได้กลายเป็นที่คุ้นเคยในวัฒนธรรมภาพยนตร์มาอย่างยาวนานจนอาจกลายเป็นประเภทของตัวเองเลยก็ว่าได้ นักเขียนและผู้กำกับที่มีชื่อเสียงคนนี้เขาได้รับความคาดหวังจากผลงานของตัวเองในประเภทเรื่องตลกนี้มานานแล้ว และมักมีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างแปลกประหลาดในการดำเนินเรื่องไปข้างหน้า เรื่องนี้จึงเป็นหนึ่งในเรื่องที่อธิบายแนวภาพยนตร์ของเขาได้ดีที่สุด

เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวปล้นที่แค่เห็นภาพแล้วก็รู้ว่าจะต้องไม่ธรรมดาเหมือนเรื่องอื่นแน่ๆ และยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในการกำกับของ Wes Anderson อีกด้วย เรื่อง Bottle Rocket Anderson ร่วมมือกับนักแสดง Owen Wilson และยังรับบทเป็น Dignan ในเรื่องด้วย ในการเขียนบทภาพยนตร์ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนซี้ 3 คนที่พยายามจะทำการโจรกรรมและหลบหนี ถือเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จของเขาตั้งแต่เรื่องแรก และยังเป็นอันที่ 7 ของภาพยนตร์เรื่องโปรดใน 10 อันดับแรกของ Martin Scorsese ในปี 1990 อีกด้วย

ที่มา: Collider
0 ความคิดเห็น

คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้

poster
The Unbearable Weight of Massive Talent

ข้านี่แหละ นิค'ฟักกลิ้ง'เคจ

Apr 20, 2022

ข่าวจัดอันดับ

ประจำเดือนนี้