6 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่ได้สร้างสรรค์สิ่งพิเศษขึ้นมาแทนที่ความคาดหวังในการรับชม
ทำลายความคาดหวังของคุณด้วยภาพยนตร์เหล่านี้
แนวคิดดั้งเดิมนั้นดูจะหาได้ยาก นั่นเป็นความจริงสำหรับการทำหนังสือ เพลง และแม้แต่ภาพยนตร์ ในโลกของภาพยนตร์ที่ซึ่งความสำเร็จมากมายมาจากแฟรนไชส์และภาคต่อ แต่ดูเหมือนว่าภาพยนตร์ต้นฉบับจะถูกผลักเข้าไปในอีกมุมหนึ่ง
เมื่อเดินเข้าไปในโรงภาพยนตร์ ผู้ชมมักจะคาดหวังกับสิ่งที่พวกเขากำลังจะดู พวกเขาต้องการภาพยนตร์ตลกเพื่อทำให้พวกเขาหัวเราะ และภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่เพื่อทำให้รู้ว่าคนชั่วจะต้องไม่มีที่ยืน แต่ไม่ใช่ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เล่นตามกฎ ภาพยนตร์แนวทำลายล้างมากมายต่างฉีกกฎเกณฑ์ออกไปและสร้างสรรค์สิ่งพิเศษขึ้นมาแทนที่ และยังสร้างความประทับใจจนเป็นหนังขึ้นหิ้งของใครหลายๆ คนอีกด้วย
Joker (2019)
นำแสดงโดย Joaquin Phoenix ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์ ด้วยภาพที่ดูมืดมน และเศร้าหมองของ Todd Phillips ทำให้ Gotham ดูเป็นเมืองที่น่าขนสุก มีหลายสิ่งที่ดูน่าทึ่งเกี่ยวกับระบบชนชั้น และความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมในอเมริกา Gotham มีอิทธิพลเสมอในกรอบของการเล่าเรื่องใน Batman ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงมีหลายสิ่งที่จะพูดเกี่ยวกับสภาพจิตใจของตัวละครและของอเมริกาเอง
ในทำนองเดียวกัน การขาดลำดับฉากแอ็กชันที่ซับซ้อนมีมากขึ้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาในโลกของ Batman มันพิสูจน์ให้เห็นว่าภาพยนตร์อย่าง Joker และ The Batman เป็นมากกว่าการย้อนอดีตธรรมดาๆ ตอนนี้ภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ ได้ฝังแน่นในวัฒนธรรมของเราจนไม่ถูกผูกติดอยู่กับแนวคิดของประเภทอีกต่อไป
About Schmidt (2002)
การแสดงครั้งสุดท้ายในอาชีพนักแสดงของ Jack Nicholson นักแสดงรุ่นเก๋าและมีชื่อเสียงอย่างไม่ต้องสงสัย เขารับบทเป็น Warren Schmidt พนักงานขายประกันที่เพิ่งเกษียณอายุ และเริ่มต้นการเดินทางที่ทำให้เขาต้องพิจารณาความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัว และกลับผู้ชายที่เขาได้กลายเป็น
ผู้กำกับและผู้เขียน Alexander Payne เป็นผู้รอบรู้ในอุตสาหกรรมที่ดัดแปลงนวนิยาย ที่มีการแบ่งเส้นระหว่างความตลกขบขันกับบทละคร คล้ายกับเรื่อง Sideways (2004) ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม About Schmidt มีการดำเนินเรื่องราวกับเป็นโศกนาฏกรรมที่เงียบสงัด ในขณะที่มันมีความตลกขบขันอย่างชัดเจน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าขณะต้องคิดถึงความตลกร้ายเหล่านี้ ผ่านความไตร่ตรองถึงความเข้าใจของชีวิตที่ล้มเหลว
Blue Valentine (2010)
Ryan Gosling และ Michelle Williams เป็นนักแสดงนำในเรื่องนี้ของ Derek Cianfrance เป็นเรื่องราวของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึง 2 ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ภาพยตร์เรื่องนี้ผสมผสานจุดเริ่มต้นและปัจจุบันของความสัมพันธ์ที่สร้างความแตกต่างให้เราเห็นทั้งในน้ำเสียงการสื่อสารและงานภาพที่ให้โทนแตกต่างกัน
เรื่องราวโรแมนติกแหวกแนวของ Cianfrance ท้ายที่สุดแล้วอาจถูกมองว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเป็นภาพยนตร์อาร์ตมากกว่าที่เราอาจเชื่อมโยงกับภาพยนตร์โรแมนติกทั่วไป แต่จุดแข็งที่สุดของ Blue Valentine อยู่ที่การพรรณาถึงความโรแมนติกที่ต้องจบลงในท้ายที่สุดอย่างตรงไปตรงมาและซื่อตรงต่อความรู้สึก มันไม่ใช่ภาพยนตร์โรแมนติกทั่วไปแต่ก็ยังมีภาพยนตร์ที่มีบทสรุปในแนวเดียวกันอยู่อย่าง 500 Days of Summer (2009) และ Eternal Sunshine of the Spotless Mindfew (2004)
Moon (2009)
Moon เป็นการดัดแปลงจากเรื่องราวดั้งเดิมโดย Duncan Jones ลูกชายของ David Bowie ผู้กำกับภาพยนตร์แนวลึกลับไซไฟอันน่าทึ่ง ตามด้วย Sam Rockwell รับบทเป็นนักบินอวกาศชื่อ Sam Bell ที่ต้องทำงานอยู่ตามลำพังบนดวงจันทร์เป็นระยะเวลา 3 ปี กับหุ่นยนตร์ที่ชื่อ GERTY แต่ก็ต้องมีเรื่องให้ต้องประหลาดใจก่อนที่เขาจะได้เดินทางกลับมายังโลก เมื่อเขาต้องประสบอุบัติเหตุและได้เจอชายคนหนึ่งบนดวงจันทร์ ซึ่งชายคนนั้นมีหน้าตาเหมือนกับเขาจนเหมือนเป็นคนคนเดียวกัน จนต้องพยายามค้นหาความลับบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สิ่งที่น่าชื่นชมมากที่สุดเกี่ยวกับ Moon ก็คือความสามารถในการสร้างภาพยนตร์ไซไฟที่มีความต้องการอยู่ตลอดตามความเหมาะสมของเนื้อเรื่อง เพลงประกอบที่มีความเข้ากันกับอารมณ์ของเรื่อง และต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการทำเอฟเฟกต์พิเศษเพื่อเสริมการเล่าเรื่อง Moon จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องราวอิสระที่งบประมาณเพียง 5 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และถ่ายทำใน Super 35 โดยใช้การถ่ายภาพแบบไลฟ์แอ็กชัน และแบบจำลองย่อส่วนเพื่อสร้างสไตล์ภาพที่โดดเด่น
The Unbearable Weight of Massive Talent (2022)
เมื่อมาคิดดูแล้วเป็นที่น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้สร้างเร็วกว่านี้ Nicolas Cage มักใช้วิธีการไฮเปอร์โบลิกในการแสดงเป็นตัวตนนั้นตลอดอาชีพการงานของเขา และในเรื่องยังเป็นพื้นฐานของเรื่องราวการเสียดสีตัวเองเป็นส่วนใหญ่ใน The Unbearable Weight of Massive Talent เหมือนว่าเขารับบทเป็นตัวเองในอีกมัลติเวิด์สหนึ่ง คือการเป็นดาราฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ตกอับ Cage ยังพบว่าตัวเองถูกจ้างโดยแฟนพันธุ์แท้ของเขาเอง คือ Javi Gutierrez รับบทโดย Pedro Pascal เพื่อให้มาร่วมงานวันเกิดโดยหารู้ไม่ว่าแฟนพันธุ์คนนี้คือพ่อค้ายารายใหญ่ที่เป็นที่ต้องการของ CIA
ด้วยการเสียดสีอย่างเฉียบขาด ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่สะท้อนความสามารถของ Cage ถือเป็นอีกความสำเร็จที่น่ายกย่อง นอกจากจะรับบทเป็นเหมือนตัวเองแล้ว และยังต้องเป็นคนที่ดูอ่อนแอขี้แพ้ ที่ไม่ชอบตัวเองอีก ซึ่งในที่สุดแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไปได้ไกลกว่าคาดหวังกันไว้จากแฟนๆ
Bottle Rocket (1996)
ภาพยนตร์ของ Wes Anderson ได้กลายเป็นที่คุ้นเคยในวัฒนธรรมภาพยนตร์มาอย่างยาวนานจนอาจกลายเป็นประเภทของตัวเองเลยก็ว่าได้ นักเขียนและผู้กำกับที่มีชื่อเสียงคนนี้เขาได้รับความคาดหวังจากผลงานของตัวเองในประเภทเรื่องตลกนี้มานานแล้ว และมักมีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างแปลกประหลาดในการดำเนินเรื่องไปข้างหน้า เรื่องนี้จึงเป็นหนึ่งในเรื่องที่อธิบายแนวภาพยนตร์ของเขาได้ดีที่สุด
เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวปล้นที่แค่เห็นภาพแล้วก็รู้ว่าจะต้องไม่ธรรมดาเหมือนเรื่องอื่นแน่ๆ และยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในการกำกับของ Wes Anderson อีกด้วย เรื่อง Bottle Rocket Anderson ร่วมมือกับนักแสดง Owen Wilson และยังรับบทเป็น Dignan ในเรื่องด้วย ในการเขียนบทภาพยนตร์ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนซี้ 3 คนที่พยายามจะทำการโจรกรรมและหลบหนี ถือเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จของเขาตั้งแต่เรื่องแรก และยังเป็นอันที่ 7 ของภาพยนตร์เรื่องโปรดใน 10 อันดับแรกของ Martin Scorsese ในปี 1990 อีกด้วย
คุณต้อง สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ ก่อน เพื่อที่จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้