Adèle Haenel ได้สร้างมนต์เสน่ห์ให้แก่วงการภาพยนตร์ด้วยการแสดงน่าตะลึงในบทบาท Céline Sciamma จากเรื่อง Portrait of a Lady on Fire (2019) แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์อีกเลยตั้งแต่ปี 2019 ขณะที่แฟน ๆ ต่างคิดถึงนักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศสมากความสามารถคนนี้ แต่ความหวังที่จะได้ชมผลงานของเธอนั้นคงเป็นไปไม่ได้ในเร็ว ๆ นี้ เพราะในสัมภาษณ์ล่าสุดกับนิตยสารเยอรมัน The Film Stage นักแสดงสาวเปิดเผยว่าเธอได้บอกลาการแสดงภาพยนตร์เนื่องจากการถูกเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงและคนชายขอบ

“ฉันไม่ได้เล่นหนังอีกแล้วค่ะ เพราะเหตุผลด้านการเมือง เพราะวงการนี้นั้นแสนจะอนุรักษ์นิยม เหยียดเชื้อชาติและเต็มไปด้วยแนวคิดชายเป็นใหญ่ คงเป็นเรื่องที่ผิดหากพูดว่าผู้มีอำนาจในวงการเต็มไปด้วยเจตนาที่ดี หากพูดว่าโลกใบนี้กำลังเดินทางไปข้างหน้าในทิศทางที่ถูกต้องจากการจัดการของพวกเขาที่บางครั้งก็ไร้ฝีมือ แต่เปล่าเลย อย่างเดียวที่ขับเคลื่อนสังคมให้ไปข้างหน้าคือการต่อสู้ทางสังคมต่างหาก และสำหรับในเคสของฉันแล้วฉันคิดว่าการเดินจากไปคือการต่อสู้ ฉันอยากมีส่วนร่วมในโลกอื่น ในวงการหนังแบบอื่น”

หนังเรื่องต่อไปของเธอควรจะเป็นบทบาทใน The Empire หนังไซไฟของผู้กำกับ Bruno Dumont แต่เธอถอนตัวจากโปรเจกต์เนื่องจากไม่เห็นด้วยในประเด็นที่ค่อนข้างสำคัญ ดูเหมือนกระบวนการทำงานภายในจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเธอซึ่งมีความไม่พอใจต่อวงการนี้มาสักพักแล้ว

“ตอนแรกฉันคิดว่าโปรเจกต์นี้มันก็น่าสนุกดี รู้สึกเหมือนเป็น Luke Skywalker ผจญอวกาศ แต่ปัญหาคือเบื้องหลังฉากหน้าที่ดูสนุกสนานนั้นมันมืดมน เต็มไปด้วยพวกเหยียดเพศและเหยียดเชื้อชาติ ฉันพยายามพูดคุยกับ Dumont สำหรับประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ เพราะฉันคิดว่าบทสนทนาในหนังที่มีปัญหานั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากความไม่ตั้งใจ ฉันต้องการจะเชื่ออย่างนั้นนับครั้งไม่ถ้วนว่าอะไรพวกนี้เกิดจากการไม่เจตนา แต่แล้วมันก็เป็นเรื่องจงใจ การละเลยนี้เป็นการจงใจ”

Haenel จะยังคงแสดงละครเวทีและหวังว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสทำหนังเป็นของตัวเองและร่วมงานกับคนที่เธอรู้เจตนาของพวกเขาจริง ๆ แต่สำหรับตอนนี้เธอไม่สามารถจะมีส่วนร่วมอยู่ในวงการภาพยนตร์ขณะนี้ได้

“ถ้าฉันยืนยันจะอยู่ตรงนี้ฉันก็จะเป็นเฟมินิสต์ที่สนับสนุนแนวคิดชายเป็นใหญ่ที่ยังคงเติบโตอยู่ภายในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ความฝันของฉันคือต้องการทำมันให้ชัดเจนว่าวงการนี้เข้าข้างนายทุน เห็นด้วยกับแนวคิดชายเป็นใหญ่ เต็มไปด้วยคนที่เหยียดเชื้อชาติและพวกเหยียดเพศ เป็นโลกของความไม่เท่าเทียมกันทางโครงสร้างซึ่งทำงานร่วมกับระเบียบเศรษฐกิจโลกที่มีแต่จะเพิ่มความไม่เท่าเทียมมากขึ้นเรื่อย ๆ”