โดยภาพยนตร์จากสตูดิโอ A24 ที่ทำรายได้มากเป็นอับที่ 2 ก็คือภาพยนตร์เรื่อง Hereditary (2018) ที่ทำรายได้ไปมากกว่า 79 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก

ช่างเป็นการมาของภาพยนตร์ที่ท้าทายข้อโต้แย้งที่ว่าอะไรที่เหมาะและไม่เหมาะกับ Box Office ในทุกวันนี้กันแน่เสียเหลือเกิน สำหรับการมาของภาพยนตร์ Everything Everywhere All at Once (2022) ที่ขึ้นแท่นกลายเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่สร้างจากสตูดิโอสร้างภาพยนตร์แนวอินดี้อย่างสตูดิโอ A24 ที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ใน Box Office ทั่วโลก! โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายไปเมื่อเดือนมีนาคม ในปี 2022 ที่เพิ่งผ่านมานี้เอง แถมยังทำเงินไปได้ถึง 68.9 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกาและอีก 31.1 ล้านดอลลาร์ในต่างประเทศ

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย Daniel Kwan และ Daniel Scheinert หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “Daniels” - Everything Everywhere All at Once ถูกสร้างขึ้นด้วยงบประมาณที่เขียนไว้ในรายงานว่าเป็นจำนวนเงินเพียงแค่ 25 ล้านดอลลาร์เท่านั้น โดยทางสตูดิโอ A24 ก็เพิ่งเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ในแบบฉบับที่เพิ่มความยาวของฟุตเทจมาอีก 8 นาทีไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์จำนวนมากเหมือนกับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ แต่ก็ยังทำเงินไปได้มากถึง 650,000 ดอลลาร์จากโรงภาพยนตร์เกือบ 1,500 โรง

เมื่อเทียบกันแล้ว ภาพยนตร์ยอดนิยมจากสตูดิโอ A24 เรื่องอื่นๆ ก็ทำรายได้กันได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์แนวสยองขวัญของผู้กำกับ Ari Aster อย่าง Hereditary (ทำรายได้ไป 79 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก), Lady Bird (2017) ของ Greta Gerwig (ทำรายได้ไป 78 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก) และ Moonlight (2016) ของ Berry Jenkins (ทำรายได้ไป 65 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก) โดยภาพยนตร์สุดล้ำค่าในแบบฉบับ Uncut ของสองพี่น้อง Safdie ก็เป็นภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้าของสตูดิโอ A24 ที่ทำรายได้ในประเทศสูงที่สุด โดยทำรายได้ไปได้มากกว่า 50 ล้านดอลลาร์ และตลาดต่างประเทศที่ภาพยนตร์จากสตูดิโอ A24 สามารถไปตีตลาดได้ก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน

โดยต่อจากนี้จะเป็นการเรียงตามลำดับตามรายได้ที่ภาพยนตร์จากสตูดิโอ A24 ทำได้ในประเทศนั้นๆ

1. United Kingdom - 6.2 ล้านดอลลาร์
2. Canada - 5.1 ล้านดอลลาร์
3. Australia - 4.5 ล้านดอลลาร์
4. Russia - 2.4 ล้านดอลลาร์
5. Taiwan - 2.3 ล้านดอลลาร์
6. Mexico - 2 ล้านดอลลาร์
7. Hong Kong - 1.7 ล้านดอลลาร์
8. Germany - 1.5 ล้านดอลลาร์
9. Netherlands - 1.1 ล้านดอลลาร์

ภาพยนตร์ Everything Everywhere All at Once นั้นถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ภาพยนตร์ส่วนใหญ่นั้นต้องพึ่งพารายได้ส่วนใหญ่จากการเลือกเปิดตัวในช่วงสุดสัปดาห์ โดยภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมหลายเรื่องนั้นฉายหลังจากการฉายของภาพยนตร์ Spider-Man: No Way Home (2021) ที่สร้างขึ้นภายใต้งบประมาณที่มากกว่าถึงสิบเท่าและสรุปรายได้ใน Box Office ทั่วโลกที่ทำรายได้ไปกว่า 1.9 พันล้านดอลลาร์ หลายคนเปรียบเทียบระหว่างภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องและยกย่องภาพยนตร์ Everything Everywhere All at Once ว่าเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนอารมณ์ได้ดีแค่ไหน ถึงแม้ว่าจะถูกจัดอยู่ในภาพยนตร์ประเภทที่ไม่ค่อยได้รับผลตอบรับที่ดีเท่าไรก็ตาม

ภาพยนตร์ Everything Everywhere All at Once นำแสดงโดย Michelle Yeoh ในบทบาทที่เพียงแค่บทของมันก็ดึงดูดรางวัล Oscar ให้มารออยู่ในมือได้แล้ว Everything Everywhere All at Once เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้และภาพยนตร์โรแมนติกตามแบบฉบับของผู้กำกับ Wong Kar-Wai ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างการเล่าเรื่องในแบบฉบับหนังสือการ์ตูนและนิยายวิทยาศาสตร์-แฟนตาซี แต่แก่นของเรื่องคือเรื่องราวที่ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงและสุดลึกซึ้งระหว่างแม่และลูกสาวของเธอ และเรื่องราวความแตกแยกในช่วงวัยต่างๆ ที่จะทำให้พวกเขาแตกแยกกันเอง

นอกจากทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นตัวแทนของชุมชนของชนกลุ่มน้อยอีกด้วย - สำหรับการเป็นผลงานของ Son Lux และสำหรับการทำให้ผู้ชมรู้จักกับ Ke Huy Quan อีกครั้ง โดยเขาเป็นที่รู้จักจากการเล่นเป็น Short Round ในภาพยนตร์ Indiana Jones and the Temple of Doom (1984) เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว โดยนักข่าว Ross Bonaime จากเว็บไซต์ข่าว Collider ได้เรียกภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “หนึ่งในภาพยนตร์ที่มีความทะเยอทะยานและบ้าบิ่นที่สุดในความทรงจำล่าสุดของผม” ในบทความการรีวิวสุดจริงใจของเขา

Everything Everywhere All at Once อำนวยการสร้างโดย Joe และ Anthony Russo นำแสดงโดย Stephanie Hsu, James Hong, Jenny Slate และ Jamie Lee Curtis โดยคุณสามารถรับชมการให้สัมภาษณ์ของ Daniels ได้ที่นี่: