รีวิว One More Time ภาพยนตร์คอเมดี้เรื่องใหม่สัญชาติสวีเดนจาก Netflix ที่จะพาย้อนวัยกลับไปสัมผัสความสนุกแบบฉบับ Y2K กันให้ฉ่ำ ด้วยเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในปาร์ตี้วันเกิดครบรอบอายุ 18 ปีอีกครั้ง ผ่านการนำแสดงโดย Hedda Stiernstedt และฝีมือการกำกับของ Jonatan Etzler

ว่าด้วยเรื่องราวของ Amelia (รับบทโดย Hedda Stiernstedt) หญิงสาววัย 40 ปีที่ถูกรถบัสชนในคืนวันเกิดของเธอและตื่นขึ้นมาวันเกิดครบรอบ 18 ปี ซึ่งก็เป็นปีที่เธออยากจะย้อนกลับมาที่สุดในชีวิตเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เมื่อได้ย้อนกลับมาแล้วเธอจึงทำทุกอย่างที่เธออยากจะทำอย่างเต็มที่ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องหากุญแจที่จะไขปริศนาของการย้อนเวลานี้เพื่อนำพาให้เธอกลับไปสู่ช่วงเวลาในปัจจุบันให้ได้

ตัวหนังมีความประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที ถือว่าใช้เวลาค่อนข้างเร็ว รวบรัด ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นหนังที่ดูได้ง่ายทุกช่วงวัยเลย แต่ก็ตามสูตรเดิมหนังย้อนเวลาตามหาตัวตนแบบฉบับ Coming of Age ทั่วไป ไม่ได้มีอะไรใหม่ แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ยังถือว่าทำออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว ทุกอย่างผ่านทั้งเรื่องเนื้อหา อารมณ์ ตัวละคร และงานภาพต่างๆ ภาพรวมคือครบจบไม่มีอะไรผิดพลาด เสียดายแค่อย่างเดียวคือไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้น เป็นเพียงหนังวัยรุ่นย้อนเวลาอีกหนึ่งเรื่อง

สำหรับเนื้อหาของเรื่องทำออกมาได้ค่อนข้างดี ชอบตรงที่มันไม่ใช่แค่เรื่องวัยรุ่นตามหาตัวตน แต่มันยังสะท้อนต่อไปอีกว่าการเป็นผู้ใหญ่ก็หลงทาง ก็ยังคงต้องตามหาตัวตนเหมือนกัน รายละเอียดเล็กๆ น้อย ทางความรู้สึกในหนังก็เก็บมาได้หมดจดมากๆ สัมผัสได้ถึงความพยายามที่จะสื่อสารกับผู้ชมและเชื่อว่าอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีอะไรสักอย่างที่ผู้ชมต้องรู้สึกอินกับตัวหนังได้อย่างแน่นอนเพราะมันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเคยเผชิญหน้ามาแบบเดียวกัน

ส่วนตัวรู้สึกว่าหนังมันทำให้เราได้เห็นว่าจริงๆ แล้วชีวิตมันก็ไม่ได้ดี ไม่ได้ดั่งใจเราไปซะทุกอย่าง ในระหว่างทางเราก็มีอะไรที่ต้องสูญเสียไปบ้างโดยที่ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ กว่าจะรู้สึกได้มันก็อาจจะผ่านไปนานมากแล้วก็ได้ ทุกอย่างมันก็มีราคาที่ต้องจ่ายกันทั้งนั้น นอกจากนี้ในด้านความสัมพันธ์ของตัวละครก็ทำออกมาได้น่ารักและลึกซึ้งดี อาจจะไม่ได้เข้มข้นมาก แต่ก็เป็นความสัมพันธ์ที่สวยงามจริงๆ

สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดของเรื่องนี้คืองานภาพที่สุดยอดมาก ทั้งการเกรดสี คุมโทนแสงและลำดับภาพทุกอย่างคือยอดเยี่ยมที่สุด ทำออกมาได้เพลินมาก ไหลลื่นทุกฉาก สบายตาจริงๆ และการเลือกสถานที่ก็ยอดเยี่ยม ถ่ายทอดบรรยากาศความเป็นเมือง เป็นสังคมวัยเด็กออกมาได้ดีมากจริงๆ นอกจากนี้มุมกล้องและวิธีการถ่ายภาพออกมาก็มีสมูทมาก เป็นธรรมชาติสุดๆ น่าชื่นชมทีมงานภาพของหนังเรื่องนี้เก่งกันมาก ส่วนเรื่องเพลงประกอบก็จะไม่พูดถึงเป็นไม่ได้ ขนลิสต์เพลงยุค 2000 มาแบบจุกๆ ฟังเพลินๆ แถมยังเลือกใส่ได้ถูกจังวะถูกซีน รวมไปถึงเสียงประกอบอื่นๆ ก็น่าสนใจมันเข้ากับตัวหนังและคีพอารมณ์คนดูเอาไว้ได้ดีมาก

ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ของเรื่องที่พยายามจะทำให้มีความเป็นยุค 2000 ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี เก็บหมดทั้งหนัง เพลง เสื้อผ้าแฟชันแบบ Y2K เทคโนโลยี รถยนต์ ไลฟ์สไตล์ทุกอย่างคือขนมาหมด เป็นการรวม Pop Culture ฮิตๆ ในช่วงนั้นแล้วถ่ายทอดออกมาได้หมดจด ภาพสวยแสงดีไปหมด

สำหรับการแสดงของ Hedda Stiernstedt มีเสน่ห์มาก ทั้งรอยยิ้ม แววตา สีหน้าท่าทางเก็บหมดเลย รู้สึกว่าหน้าเด็กมากๆ เล่นเป็นเด็ก 18 ได้สบายๆ เลยจริงๆ เนียนกรุบ ไม่ว่าจะซีนไหนก็เอาอยู่หมด เข้ากับตัวละคร Amelia มาก น่ารัก สดใส สมวัย ดูแล้วเพลิน เชื่อว่าใครที่ได้ดูก็ต้องชอบเธอแน่นอน

สรุปภาพรวมของหนังก็ถือว่าทำออกมาได้สนุกดี มีทั้งดราม่า ตลกขบขันและมีประเด็นให้ชวนไปขบคิด พร้อมขนเพลงและแฟชั่นสุดฮิจแบบ Y2K ที่จัดมาแบบฉ่ำๆ แม้ว่าเรื่องราวในหนังอาจจะจำเจซ้ำซาก ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดีมีคุณภาพเลยทีเดียว ใครที่อยากจะหวนย้อนกลับไปคิดถึงวันวานหรือหาอะไรดูเพลินๆ สนุกๆ One More Time ก็ถือเป็นหนังคอเมดี้ย้อนเวลาอีกหนึ่งเรื่องที่น่าดูใน Netflix